บทที่ 1
เป็นนางร้ายช่างน่ารันทด
“ฟู่ซินเหรินเซียนจวิน ทำอย่างไรดี เวลานี้ตี้จวินเซียวจื่อหยางกำลังตรงมาที่ตำหนักฮั่วเทียนแล้ว!” ‘ลิ่วอัน’ เดินตรงเข้ามาหน้าตาไม่สู้ดี มือไม้สั่นพัลวันกล่าวน้ำเสียงแตกตื่น
“หะ..ห๊ะ” หลั่นเหออึ้ง.. ในหัวกำลังประมวลข้อความที่เพิ่งได้รับรู้อีกครั้ง อะไรใครกำลังมา และเรียกเธอว่าอะไรนะ?!
“อีกเจ็ดวันถึงจะเป็นวันส่งตัวเจ้าสาว ตอนท่านไปนำนางมานางก็อยู่ในสำนักเซียนชั้นล่าง คนในสำนักเซียนตบะสูงสุดก็เป็นแค่ผู้ฝึกตนขั้นเซี่ยเซียนเท่านั้น ตี้จวินเซียวจื่อหยางเป็นถึงสัจจเทพชั้นสูง ปลีกตัวอยู่ที่หุบตำหนักหยงซานมาตลอดห้าร้อยปี หากไม่นับเรื่องถูกบังคับจากตี้จวิน ให้ออกมารับฟังคำทำนายและคู่ผูกชะตาในเดือนก่อน ท่านเซียวจื่อหยางก็ไม่เคยออกจากตำหนักหยงซานเลยสักครั้ง แล้วตี้จวิน..จะรู้ข่าวได้อย่างไร! เราจะทำอย่างไรกันดีฟู่ซินเหรินเซียนจวิน ท่านเซียวจื่อหยางลงมือด้วยตัวเองเช่นนี้ พวกเรากำลังเจอเรื่องใหญ่แล้ว”
ลิ่วอันพูดถึงสิ่งที่หนักใจจนหมดเปลือก นางคือเสิ่นหนวี่ที่ดูแลตำหนักฮั่วเทียนแห่งนี้และเป็นคนสนิทของฟู่ซินเหรินอีกด้วย
ด้านหลั่นเหอยิ่งได้ฟังก็ยิ่งหายใจไม่ทั่วท้อง มือไม้อ่อน ดวงตากลมโตกะพริบถี่เช่นเดียวกับลมหายใจหอบกระชั้นชิด ถามกับสตรีตรงหน้าให้แน่ใจอีกสักครั้ง
“เธอ.. เธอว่าใครกำลังมานะ!! ไม่สิ ไม่สิ เธอเรียกฉันว่าอะไร?!”
ลิ่วอันงุนงงแต่ก็ตอบ “ฟู่..ฟู่จิ่นเหรินเจ้าค่ะ ส่วนคนที่กำลังมาคือตี้จวินเซียวจื่อหยางเจ้าค่ะ”
คราวนี้นางหมดแรงของจริง.. แต่ยังอยากยืนยันให้รู้ว่าตัวเองไม่ได้ฝันไป! “เซียวจื่อหยาง.. เซียวจื่อหยางที่รูปร่างกำยำเต็มไปด้วยมัดกล้าม ใบหน้าขาวสะอาดทว่ามีสันกรามเด่นชัดกร้าวใจ ผมสีขาวดุจไหมแสงจันทร์น่าสัมผัส คิ้วหนาเข้มทรงกระบี่ ริมฝีปากหยักได้รูป ดวงตายาวรีดูเฉียบคม กับนัยน์ตาสีอำพันน่าหลงใหลคนนั้นหน่ะเหรอ!!” หลั่นเหอทำไม้ทำมือชี้จุดที่กล่าวถึงขณะร่ายยาวถึงบทพรรณาความหล่อเหลาเอาการของตัวพระเอกในนิยายที่เธอเพิ่งอ่านก่อนตายให้ลิ่วอันฟัง
ลิ่วอันชะงักค้างไปครู่หนึ่งก่อนพยักหน้า “...จะ..เจ้าค่ะ จากที่แม่นางฟู่กล่าวมา ข้าคิดว่าท่านบรรยายตัวตี้จวินได้ถูกต้อง”
หลั่นเหอพึมพำก่อนสูดลมหายใจเฮือก ยกมือขึ้นปิดปากด้วยความตกใจ “ฉันคือ..ฟู่ซินเหริน ฟู่..ฟู่ซินเหรินจริงๆ ไม่ใช่นางฟ้านางสวรรค์ แต่เป็นนางร้ายที่ถูกสังหารตั้งแต่ครึ่งเรื่องอ่ะนะ!”
ลิ่วอันมีสีหน้าคล้ายสงสารคล้ายเห็นอกเห็นใจอยู่ในที แม่นางฟู่คงสะเทือนใจอย่างมาก นางเป็นถึงธิดาเผ่าเฟิงหวง บิดาของนาง ‘ท่านฟู่กู่เหยา’ มีศักดิ์เป็นสหายและสัตว์เทพของตี้จวินเซียวจื่อหยาง ทำให้แม่นางฟู่มีโอกาสได้ใกล้ชิดกับตี้จวินมาตั้งแต่เยาว์วัยจนเกิดความรักใคร่ลึกซึ้ง
ทว่าเมื่อหลายเดือนก่อนคำทำนายถึงลางร้ายเกิดอุบัติขึ้น กล่าวถึงการดับสลายของสัจจเทพเซียวจื่อหยาง สวรรค์พลันเกิดความโกลาหล ฝั่งมารเหิมเกริมริเริ่มก่อสงคราม ก่อนอีกหนึ่งคำทำนายถึงสตรีผู้มีเวลาตกฟากก่อกำเนิดส่งเสริมจะเกิดขึ้นมาช่วยทุเลาสถานการณ์ กล่าวให้สตรีผู้นั้นอภิเษกเป็นคู่ชะตาแก่เขา
แม่นางฟู่เองคือหนึ่งในผู้ที่ตรงคุณสมบัติที่ว่า แต่มนุษย์สตรีนางหนึ่งเป็นเพียงผู้บำเพ็ญจนกลายเป็นเซี่ยเซียนกลับถูกชี้ว่าคือผู้ที่ตรงคำทำนายที่สุด เรื่องของฟู่ซินเหรินจึงถูกปัดตกไป
แต่แล้วเรื่องเซี่ยเซียนระดับต่ำสามารถเทียบเคียงซ่างเซียนเช่นฟู่ซินเหรินได้ถูกนำไปเปรียบเทียบทำให้เกิดความอับอาย ซ้ำร้ายตอนนี้บุรุษในดวงใจยังมุ่งตรงมาเพื่อช่วยสตรีผู้เป็นเสี้ยนหนามหัวใจอีก ยามนี้แม่นางฟู่จึงดูเหมือนคนเสียสติที่ยกมือขึ้นปิดปากตัวเองแล้วทำตาเหลือกโตอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อนเช่นนี้..
“นี่มันโลกในนิยายเหรอ.. นี่มันเรื่องจริงเหรอ”
ลิ่วอันเผยสายตาเศร้าสร้อยยามเห็นฟู่ซินเหรินบ่นพึมพำเดินกระวนกระวายไปมาคล้ายคนเสียสติ ทว่าไม่ช้าก็มีคนวิ่งรีบร้อนเข้ามารายงาน สีหน้าคลาดกลัวเสียยิ่งกว่าตอนเห็นสีหน้าลิ่วอันเสียอีก
“ฟู่ซินเหรินเซียนจวิน ขณะนี้เซียวจื่อหยางตี้จวินผ่านแม่น้ำเหอเฟิงมาแล้ว ทุกย่างก้าวที่เขาเดินผ่านล้วนมลายสิ้นด้วยเพลิงโทสะ กายห้อมด้วยอสนีเต็มไปหมด!”
ลิ่วอันเม้มริมฝีปากสีหน้าหนักใจยิ่งกว่าตอนแรก แต่เพราะสถานการณ์ไม่สู้ดีนางจึงต้องรีบพูด แม้จะถูกเฆี่ยนตีในตอนหลังก็ตาม “แม่นางฟู่ ที่ท่านกระทำเช่นนี้ ตี้จวินอาจเข้าใจผิดคิดว่าท่านต้องการให้เขาตาย ความผิดครั้งนี้ร้ายแรง เกรงว่าต่อให้เป็นท่านฟู่กู่เหยาพูดขอร้องด้วยตัวเองก็เป็นเรื่องยาก ฟู่ซินเหรินเซียนจวินข้าว่าท่านอย่าดื้อดึง รีบออกไปรับผิดและขออภัยโทษจากตี้จวิน แล้วยอมปล่อยแม่นางหลิงเอ๋อร์ไปเถิด โทษทัณอัสนีสวรรค์จากแปดสายอาจลดลงเหลือห้าสาย”
หลั่นเหอหรือต้องยอมรับว่าเธอตายแล้วเข้ามาสวมร่างฟู่ซินเหรินลมจะจับอยู่รอมร่อ ยามได้ยินสิ่งที่ออกจากปากลิ่วอันก็จะเป็นลมขึ้นมาจริง ๆ ดวงตาคู่สวยที่เหลือกโตอยู่แล้วยิ่งถลนออกจากเบ้าตา เหงื่อไหลซกอาบดวงหน้างาม นางหายใจเข้าออกเฮือกใหญ่หลายครั้งพลางกล่าวตะกุกตะกัก
“จะ..เจ้าเพิ่งพูดว่าปล่อยหลิงเอ๋อร์ไปหรือ ให้ข้าปล่อยหลิงเอ๋อร์ไปใช่หรือไม่” อย่านะ.. ไม่นะ..
“จ..เจ้าค่ะ”
“!!” นี่มัน.. นี่มันนนฉากตุยของร่างนี้นี่หว่า กรี๊ดดดดดดดดด!!
บัดซบ..
ความฝันสวยหรูที่ได้กลายเป็นเทพธิดาบนสวรรค์พลันดับสลายไม่มีชิ้นดี! นางอยู่บนสวรรค์หน่ะใช่ แต่ร่างกายกลับเป็นของฟู่ซินเหริน นางร้ายตัวประกอบที่มีบทในช่วงครึ่งแรกของนิยายเท่านั้นเพราะจะถูกพระเอกลงมือรุนแรงจนเดี้ยง!! และไม่รู้เป็นเวรกรรมอะไรของหลั่นเหอ นางร้ายตัวจริงถึงสิ้นใจไปได้ มิหนำซ้ำยังสิ้นใจก่อนฉากที่นางกำลังจะถูกสังหารเสียด้วย เป็นเหตุให้หลั่นเหอที่เข้ามาสวมร่างกำลังจะตายซ้ำสอง!
ฮึ่ย! สิ้นใจไม่ว่าจะลากตูมาทำไม TOT! และเหตุผลที่นางสวมชุดสีแดงแปร๊ดจนชะนีแสบตาก็เพราะตั้งใจถวายตัวให้เซียวจื่อหยางในคืนนี้ บ้าบอที่สุด!
ฟู่ซินเหรินขบฟันขาวลงบนริมฝีปาก มือกุมขมับ นัยน์ตาดำเข้มกรอกไปมาคล้ายกำลังพิจารณาว่าควรทำอย่างไรต่อ “ตอนนี้แม่นางเอกอยู่ที่ไหน เอ่อ..ไม่ใช่แม่นางหลิงเอ๋อร์อยู่ที่ไหน” นางหันไปถามบุรุษสวมชุดเกราะสีเงินที่ยังคงนั่งคุกเข่าอยู่หน้าประตู
“เวลานี้เตาหลอมเพลิงเตรียมพร้อมเรียบร้อย คนของเรากำลังนำตัวเซี่ยเซียนผู้นั้นโยนลงเตาหลอนตามคำสั่งของท่านแล้วขอรับ” เขาเอ่ยตอบเสียงหวาดหวั่น
“เวร นำข้าไปยังเตาหลอมเดี๋ยวนี้ ตอนนี้เลย!”
สิ้นเสียงสบถ ร่างเล็กทะลึ่งเดินพรวดพราดออกไปจากห้อง ชายคนนั้นเมื่อได้รับคำสั่งก็รีบเดินนำหน้าฟู่ซินเหรินไปยังสถานที่ตั้งเตาหลอม โดยมีลิ่วอันกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามชายกระโปรงสีแดงที่กระพือตามจังหวะการวิ่งหย่อม ๆ ของผู้สวมใส่
ลิ่วอันวิ่งตามมาเกือบขนาบข้างกายบอบบาง แต่ยังคงเว้นช่วงให้ฟู่ซินเหรินเดินนำหน้า ไม่กล้าเดินเทียบเคียงเพราะตำแหน่งตัวเองเป็นชั้นผู้น้อย ก่อนค้อมศีรษะลงเล็กน้อยกล่าวขึ้นมาอย่างคลาดเขลา
“ฟู่ซินเหรินเซียนจวินได้โปรดตริตรองให้ดีอีกครั้ง หากท่านคิดนำแม่นางหลิงเอ๋อร์เข้าเตาหลอมเพื่อประชดตี้จวิน ท่านต้องถูกโทษทัณฑ์หนัก ร้ายแรงที่สุดอาจบาดเจ็บถึงขั้นสิ้นดวงจิตเอาได้นะเจ้าคะ อีกอย่างท่านฟู่กู่เหยาต้องไม่พอใจมากแน่ๆ”
ฟู่ซินเหรินคิดว่าสตรีผู้นี้มีความคิดไม่ดีต่อร่างกายนี้ย่อมไม่แปลก ถึงนิยายบรรยายไว้ไม่มากแต่ได้ใจความว่า เดิมทีฟู่ซินเหรินเป็นสตรีมากเล่ห์ หยิ่งผยอง หัวสูง ทะเยอทะยาน โมโหร้ายเกรี้ยวกราดไม่ฟังคำใคร
ด้วยตั้งครรถ์คราวนั้นทำให้ฟู่ฮูหยินสิ้นใจหลังให้กำเนิดนาง ฟู่กู่เหยาผู้เป็นบิดาจึงต้องเลี้ยงดูนางด้วยตัวคนเดียว บิดาที่รู้จักแค่การห้ำหั่นจับแต่อาวุธไฉนเลยจะมีความเข้าใจในการเลี้ยงดูธิดาตัวน้อย ความอ่อนโยนหรือแสดงออกด้วยความรัก ฟู่กู่เหยาแสดงถึงสิ่งนั้นไม่เป็น
เป็นเหตุให้ตั้งแต่วัยเยาว์ ฟู่ซินเหรินพยายามอย่างมากเพื่อเรียกร้องความสนใจจากบิดา กระทั่งติดตามบิดาไปยังตำหนักหยงซานครั้งหนึ่งและได้พบเซียวจื่อหยาง ตี้จวินมีรูปโฉมโดดเด่นถูกใจนาง ทั้งยังเป็นที่ครั่นครามในแดนสวรรค์ จุดประกายความทะเยอทะยานในตัวนาง และคาดหวังว่าบิดาจะสนใจหากนางสามารถเป็นใหญ่ได้
นับแต่นั้นนางจึงให้ความสนใจเซียวจื่อหยางอย่างมาก เทียวมาเทียวไปที่ตำหนักหยงซานอยู่หลายครั้ง รวมถึงขัดขวางทุกคน ไม่ว่าอีกฝ่ายจะสนใจหรือนางคิดเอาว่าอีกฝ่ายสนใจ ทุกคนล้วนถูกนางใส่ความและหักหน้า หรือไม่ก็บาดเจ็บกลับไป
หลั่นเหอคิดว่าฟู่ซินเหรินไม่ได้รักเซียวจื่อหยางจากใจจริง นางรักที่ตำแหน่งสูงส่งของเขาต่างหาก เพื่อการนั้นนางจึงกลายเป็นคนเห็นแก่ตัว ไม่ไว้หน้าใครและไม่สนวิธีการ หล่อหลอมให้ฟู่ซินเหรินกลายเป็นนางร้ายในสายตาผู้อื่น แม้เนื้อแท้นางเปรียบดั่งแก้วเจียระไนบอบบางบุบสลายได้ง่าย แต่ใครเล่าจะเชื่อ..
พูดถึงความโชคดีสักหนึ่งอย่างที่ได้มาโดยไม่ต้องกระเสือกกระสนคือนางตรงตามลักษณะสตรีที่มีเวลาตกฟากส่งเสริม ร่างกายมีพลังหยินเย็น ลักษณะนี้ในเผ่าเฟิ่งหวงเองยังนับว่าหาได้ยากยิ่ง เพราะคนในเผ่าส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นบุรุษและร่างกายมีพลังร้อนเสียมากกว่า
วิธีคัดเลือกนั้นไม่ซับซ้อน สตรีผู้ตรงคุณลักษณะรวมตัวกัน ณ ต้นสายแม่น้ำเหอเฟิง ต่อหน้าพระพักตร์ ‘ตงหลี่เทียนจวิน’ มีสะพานหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่กลางหมอกหนาที่ไม่รู้ปลายทางบรรจบที่ใด
ช่วงกลางสะพานปรากฏดอกบัวอยู่สามดอกและมีทั้งหมดสามสิบกลีบ ขอเพียงผ่านสะพานขึ้นไปและใช้ปลายนิ้วแตะลงบนดอกบัว หากกลีบดอกบัวบานออกทั้งสามสิบกลีบเท่ากับว่าคนผู้นั้นผ่านการทดสอบอย่างไร้ข้อกังขา
ฟู่ซินเหรินมั่นใจอย่างมากว่าตนเองจะทำให้ดอกบัวบานได้ทั้งสามสิบกลีบ ผลปรากฏว่าดอกบัวนั้นกลับบานเพียงสิบกลีบเท่านั้น นางเก็บงำความอับอายนี้ไว้ อย่างน้อยไม่มีอะไรน่ากังวล เพราะแค่ผ่านสะพานขึ้นไปยังจุดตั้งดอกบัวก็นับว่าเปลืองแรงมากแล้ว ทว่าไม่นานกลับมีเซี่ยเซียนนางหนึ่งปรากฏตัวขึ้น นางเดินขึ้นสะพานนั้นไปได้อย่างง่ายดายในขณะที่คนอื่นก้าวเพียงสิบก้าวก็เหนื่อยล้าราวกับเดินบนโคลนหนืด
ที่น่าผิดหวังไปกว่านั้นคือ สตรีนางนั้นกลับแตะเบา ๆ ดอกบัวกลับบานถึงยี่สิบห้ากลีบ ผิดกับฟู่ซินเหรินที่ใช้พลังไปเกือบทั้งหมดกลับทำให้บานได้เพียงสิบกลีบเท่านั้น นางทั้งผิดหวังและยอมรับไม่ได้ ถึงกับทำเรื่องสิ้นคิดอย่างลักพาตัวแม่นางหลิงเอ๋อร์ หวังทรมานให้ตาย มิหนำซ้ำยังสวมชุดอภิเษกเตรียมตัวไปหาเซียวจื่อหยางอีกด้วย!
นางคงเสียใจจนสิ้นสติไปแน่ ๆ ส่วนบิดาของนาง ในนิยายมีการบรรยายไว้เพียงเล็กน้อย ตอนที่เซียวจื่อหยางใช้อสนีทัณฑ์สวรรค์กับฟู่ซินเหริน บิดาไม่แม้แต่เข้ามาขัดขวางหรือเอ่ยปากขอร้อง เขายืนดูนางโดนอสนีลงโทษต่อไปเช่นนั้นด้วยใบหน้านิ่งเฉย
กระทั่งนางสิ้นใจ ด้วยคราวนั้นสิ้นใจเร็วเกินไป ฟู่ซินเหรินจึงไม่ทันได้เห็นเงาร่างหนึ่งเดินโซซัดโซเซเข้ามา.. ฟู่กู่เหยาที่ไม่เคยแสดงเยื่อใยต่อบุตรีกลับมีน้ำตาประดับหน่วยตา กระทั่งความเสียใจเสี้ยวหนึ่งบนใบหน้าเย็นชาไร้หัวใจของเซียวจื่อหยางยังมีปรากฏให้เห็น
จากนั้นนิยายแทบไม่กล่าวถึงฟู่กู่เหยาอีกเลย มุ่งเน้นไปที่ความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครเอกเป็นหลัก
เห้อ.. ฟู่ซินเหรินถอนหายใจ นอกจากบิดาแสดงความรักไม่เป็นแล้วตัวนางร้ายยังถูกสังหารน่าเอนจอนาจ ซ้ำร้ายความทรงจำของร่างนี้ที่ควรผุดย้อนขึ้นมาเหมือนนิยายทะลุมิติเรื่องอื่นกลับไม่มี
เหงซวย! นางร้ายในนิยายเรื่องอื่นไม่เห็นรันทดเท่านาง?!
แต่หลั่นเหอเข้ามาสวมร่างนางร้ายตัวประกอบจะอยู่ให้รอดจนนิยายจบแฮปปี้เอนดิ้ง! ได้มีโอกาสมามีชีวิตใหม่ทั้งที แถมยังสวย รวย อึ๋ม ได้บารมีของบิดาผู้นำเผ่าเฟิ่งหวงไว้ให้เกาะ หากมิใช่ลงมือสิ้นคิดขัดขวางวาสนานางเอก คงไม่ตายอย่างอนาถแน่ล่ะ!
“ฟู่ซินเหรินเซียนจวิน”
เสียงเรียกจากสตรีข้างกายดึงฟู่ซินเหรินหลุดจากความคิด นางหันกลับไปมอง จากนิยายจึงรู้ว่าตัวละครนี้ชื่ออะไร “ลิ่วอันใช่หรือไม่ ข้าจะไปนำแม่นางหลิงเอ๋อร์-”
ฟู่ซินเหรินแววตาแน่วแน่น้ำเสียงหนักแน่น พูดถึงนิสัยของแม่นางฟู่ ลิ่วอันหน้าเสียในทันที วิ่งอ้อมดักหน้าฟู่ซินเหรินขัดประโยคพูดของนางอย่างไม่กลัวตาย “มะ..ไม่ได้นะเจ้าคะ ต่อให้ข้าต้องถูกเฆี่ยนตีจนตายตรงนี้ ก็ไม่อาจปล่อยให้ท่านลงมือสังหารคนได้!”
ทั้งที่พูดอย่างกล้าหาญแต่ลิ่วอันกลับปิดตาแน่น ตัวสั่นหงก เตรียมใจมาพร้อมรับอารมณ์โทสะของฟู่ซินเหริน หากแต่สิ่งที่นางคิดนั้น กลับไม่เกิดขึ้น
เมื่อมีมืออุ่นที่ทั้งเล็กและนุ่มนิ่มบีบเบา ๆ เข้าที่ข้อมือ ทำให้ลิ่วอันตกใจลืมตา จึงเห็นแววตาอันน่าประหลาดใจว่าคล้ายเป็นห่วงสายหนึ่งจากดวงหน้างามของฟู่ซินเหริน
“สังหารหลิงเอ๋อร์ เป็นเรื่องแรกที่ข้าจะไม่ทำอันขาด ข้าจะไปเอานางมาส่งคืนเขาต่างหาก! เซียวจื่อหยางมาพร้อมอสนีห้อมกาย เจ้าคิดว่าเขาจะปราณีข้าหรือไง เจ้าเองก็รีบหนีไปเร็วเข้า เดี๋ยวก็ติดร่างแหไปกับข้าด้วยหรอก!”
ฟู่ซินเหรินดึงข้อมือลิ่วอันให้หนีไปทางด้านหลังที่นางจากมา ก่อนพยักหน้าให้กับนายทหารที่ยืนรออยู่ นายทหารคนนั้นรู้งาน รุดหน้าเดินนำทางต่อ ฟู่ซินเหรินจึงเร่งฝีเท้าตามไปยังที่ตั้งเตาหลอมโดยทันที ระหว่างทางใบหน้างามเบะปากคล้ายจะร้องไห้อยู่ตลอดเวลา เพราะไม่ว่าจะลดโทษลงเหลืออสนีกี่สาย นางก็ตายได้ทั้งนั้นแหละแม่จ๋า!
หลั่นเหอไม่มีคำใดจะกล่าวนอกจาก นังฟู่ซินเหริน นังบ้าเสียสติ นังจั๊ดง่าวTOT!!