Episode-๐๒ มันเป็นหน้าที่

1621 Words
“พูดให้มันดีนะ กูเป็นพี่มึงตั้งหลายปี” “ค่ะ!!” ระหว่างนี้ฉันก็ทำหน้าที่ไปเรื่อย มีการพูดคุยหยอกล้อกันตามประสา ต้องบอกก่อนว่าเพื่อนเฮียอัธยาศัยดีทุกคนค่ะ แต่ไม่มีการถูกเนื้อต้องตัวเกิดขึ้นนะ พวกพี่เขาแค่ชวนคุยเท่านั้นเอง “พี่ส้ม ช่วยดูแลลูกค้าให้หนูแปปหนึ่งนะ ขอไปเข้าห้องน้ำก่อน” “โอเค” หลังจากนั้นก็แยกตัวมาเข้าห้องน้ำคนเดียว พอทำธุระส่วนตัวเสร็จออกมาก็เห็นเฮียไกด์นั่งอยู่ก่อนแล้ว เขาคงมาสูบบุหรี่มั้ง เลิกสนใจเขาแล้วเดินเข้าด้านใน แต่ว่ากลับถูกรั้งไว้ซะก่อน “เดี๋ยว!” “คะ?” “ทำไมถึงทำงานแบบนี้” น้ำเสียงจริงจังเอ่ยก่อนจะหยุดยืนตรงหน้าฉัน “แหมเฮีย หนูก็ต้องกินต้องใช้เหมือนกันนะ” “แต่มึงยังเด็ก” “ปีหน้าหนูก็สิบแปดแล้วช่างมันเถอะน่า... ไปเข้าข้างในกัน” ฉันว่าพลางออกแรงดึงให้คนตรงหน้าเดินตามมาด้วย พอถึงโต๊ะก็ถูกเอ่ยแซวทันที “เดี๋ยวนะ ไหนมึงว่าไม่สนใจไงแล้วทำไมเดินกลับมาด้วยกันวะไอ้ไกด์” “ถ้าสนใจจริงๆกูคงลากกลับห้องไปแล้ว” ฟังดูก็รู้ว่าเฮียมันตอบส่งๆไปแบบนั้น “แล้วพรุ่งนี้เรียนไหม?” หันมาถามฉันสีหน้าเรียบนิ่ง “เรียนค่ะ นอนวันละสี่ชั่วโมงก็พอ” พูดดีมาก็พูดดีกลับ สงบศึกกันชั่วคราว เกือบเที่ยงคืนเฮียก็เช็คบิล แถมยังให้ทิปฉันตั้งหนึ่งพันแน่ะ!! “ล้อเล่นหรือเปล่าเฮีย” “ถ้าไม่เอางั้นกูเก็บ” หมับ! “ให้แล้วให้เลย ใครเขาเอาคืนกัน ขอบคุณนะคะ” พลางยกมือไหว้อย่างมีมารยาทแถมยังฉีกยิ้มให้อีกด้วย “กลับบ้านไปได้แล้ว” “โธ่เฮีย! สั่งเป็นเจ้าของร้านเลย นี่มันยังไม่ถึงเวลาปิดนะคะ” “อีกสิบห้านาทีก็ปิดแล้วไหม?” “ก็ใช่แต่ยังกลับไม่ได้ไง” ร้านปิดเที่ยงคืนค่ะ กว่าจะเปลี่ยนชุด กว่าจะทำอะไรอีก ถึงบ้านก็ราวๆตีหนึ่งทุกวันนั่นแหละ สำหรับฉัน ผู้ชายอย่างเฮียไกด์ถือว่าอันตรายพอสมควรเพราะเข้าถึงยาก ภายนอกเขาอาจจะนิ่ง พูดบ้างไม่พูดบ้าง พูดอีกอย่างทำอีกอย่าง ไม่รู้เลยว่าเขาคิดอะไรอยู่ อย่างตอนที่ไปทะเลคราวนั้น เขาแสดงออกชัดเจนว่ารำคาญฉัน แถมยังบ่นด่าสารพัดเพราะฉันกวนประสาทไง หลังจากทริปทะเลตอนนั้นเราก็ไม่เจอกันอีกเลย จนกระทั่งวันนี้ แถมยังใจดีผิดหูผิดตาอีกด้วยนะคะ ในทุกๆวันชีวิตฉันก็วนเวียนอยู่แค่นี้แหละ เช้าไปเรียน ต่อด้วยพาร์ทไทม์และปิดท้ายด้วยดื่ม เป็นอยู่แบบนี้จนถึงมอหก... ฉันตั้งใจไว้ว่าจะเรียนบริหารสาขาการเงินและการธนาคารค่ะ ส่วนเภสัชที่เคยพูดไว้ก่อนหน้านี้คิดว่าสมองตัวเองคงรับไม่ไหวหรอก ท่องจำสูตรยาเยอะแยะไปหมด เพราะฉะนั้นนี่คือทางเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้ อ๋อ! แล้วฉันก็ลากน้ำตาลมาด้วยนะคะ เป็นเพื่อนกันจะได้ไม่เหงา ส่วนพาร์ทไทม์ฉันลาออกแล้วค่ะ เนื่องจากเรียนหนักมาก ติวเข้มอะไรเยอะแยะไปหมด แอบเสียดายเหมือนกันเพราะตรงนี้แหละที่ทำให้ฉันมีเงินก้อนเข้ามหาวิทยาลัยน่ะ ส่วนที่กินที่ใช้คือรายได้ที่มาจากเจ๊ม่านต่างหาก ยอมรับค่ะว่าได้เงินดี แต่ก็แลกมาด้วยสุขภาพเช่นกัน ปีหนึ่งที่นี่บังคับให้อยู่หอใน แต่ไม่ได้หมายความว่าห้ามนักศึกษาออกไปไหนนะคะ มันจะมีเวลาเปิดปิดอยู่ ถ้ากลับเข้ามาไม่ทันก็ไม่ต้องเข้าเลยไม่อย่างนั้นจะถูกจดรายชื่อเอาไว้ ใจหนึ่งก็อยากอยู่บ้านถึงแม้ว่ามันจะไม่ค่อยหน้าอยู่ก็เถอะ และคืนนี้ฉันก็ทำงานอีกตามเคย ไม่มีใครรู้หรอกว่าฉันทำอะไรแบบนี้ ไม่ได้โกหกเพื่อนนะ แค่ไม่บอกก็เท่านั้นเอง ตาลมันนอนเร็วค่ะ และเป็นคนขี้เกรงใจถ้าหากรู้ว่าฉันเข้าห้องแล้ว มันจะไม่มีการมาเคาะประตูเรียกอีกเลย นั่นก็เป็นข้อดีต่อการแอบออกจากห้องของฉัน แรกๆก็ระแวงแหละกลัวว่าสักวันมันจะจับได้ ที่ไม่อยากให้รู้ไม่ได้อายอาชีพนี้หรอกนะ แต่อายถ้ารู้ที่มาที่ไปของครอบครัวฉันมากกว่า เป็นอยู่แบบนี้ประมาณครึ่งปี พอหลังจากนั้นสบายใจได้ค่ะ เพราะมันไปค้างกับพี่ทิวบ่อย บางครั้งก็กลับบ้าน ฉันเลยพลอยสบายใจไปด้วย เมื่อพ้นสภาพปีหนึ่งพวกเราก็ทำเรื่องย้ายออกเลย แน่นอนว่าตาลไปอยู่กับพี่ทิว ส่วนฉันย้ายกลับมาบ้านค่ะ ไม่รู้เหมือนกันว่าคิดถูกหรือเปล่าที่กลับมา... “เงิน?” แม่เอ่ยถามพลางแบมือมาตรงหน้าฉัน “เอาไปก่อนสามร้อย หนูต้องเก็บไว้จ่ายค่าไฟ” “สี่ร้อยไม่ได้เหรอ จะเอาไปซื้อกับข้าวด้วย” “...” ชั่งใจครู่หนึ่งก่อนจะหยิบให้ไป คล้อยหลังแม่ฉันก็แต่งตัวออกมาที่ร้านเลย แถมยังมาก่อนเวลาอีกด้วย “ไงเรา หน้านิ่งเชียว” เจ๊ม่านเอ่ยทักทายอย่างเช่นทุกครั้ง “เบื่อๆน่ะเจ๊ มีอะไรที่ทำแล้วได้เงินมากกว่านี้ไหม?” “มี... แต่ไม่แนะนำให้ทำ” “...” “หยุดความคิดเดี๋ยวนี้นะ มีอะไรก็บอกกันตรงๆสิ” “ตอนนี้ยังไม่มีค่ะ แต่วันข้างหน้าหนูไม่แน่ใจ” เมื่อก่อนมีรายได้สองทางไง เงินมันเลยไม่ขาดมือ แต่ตอนนี้มันเริ่มชักหน้าไม่ถึงหลังแล้วค่ะ อีกอย่างฉันกับเจ๊ม่านไม่ได้เกี่ยวข้องทางสายเลือดด้วยซ้ำ แถมเขายังดีมากด้วย แล้วใครจะกล้ารบกวนขนาดนั้นล่ะคะ วันนี้นั่งกับลูกค้าค่ะ น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับฉัน แต่ว่าเขามาคนเดียวนะคะ แปลกมากเลยปกติจะเห็นมากันเป็นกลุ่ม “ดื่มด้วยกันสิ” เขาว่าพลางยื่นแก้วมาตรงหน้าฉัน “สภาพเหมือนคนอกหัก” ฉันว่ายิ้มๆ “เออดิ ทำไมอ่ะ แปลกเหรอ ผู้ชายก็เจ็บเป็นเหมือนกันแหละน่า...” “ฮ่าๆ ไม่ได้ว่าอะไรเลย มาๆชนแก้วกันดีกว่า” หลังจากนั้นก็พูดคุยกันสนุกปากเลยค่ะ แต่ไม่ได้ถามชื่อหรอกนะ มันไม่จำเป็น “จะห้าทุ่มแล้ว เรากลับก่อนดีกว่า เดี๋ยววันหน้ามาใหม่” “โอเค คราวหน้าเจอกันนายต้องไม่เศร้าแบบนี้แล้วนะ” “ได้ดิ นี่ทิป เราให้” เงินจำนวนหนึ่งถูกวางลงตรงหน้าฉัน “เยอะไปมั้ง” “ไม่หรอก ค่าเสียเวลานั่งฟังเราเพ้อ” เขาว่ายิ้มๆก่อนจะเช็คบิลแล้วออกจากร้านไปเลย “แนน! ว่างป่ะ มาแทนพี่แปปสิ ขอไปห้องน้ำหน่อย” พี่ส้มเอ่ย “ได้พี่ แต่รีบหน่อยนะหนูจะไปห้องน้ำเหมือนกัน” “ห้านาที พี่ขอห้านาทีจริงๆ” พูดจบก็เดินไปอย่างรวดเร็วเลยค่ะ คงจะอัดอั้นมานาน ฮ่าๆ เลิกสนใจพี่ส้มก่อนจะหันมาที่โต๊ะ ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกค่ะ กลุ่มเฮียไกด์นั่นเอง แต่วันนี้เขามีสาวสวยมาด้วยนะ คงไม่กวนประสาทฉันอย่างทุกครั้งหรอกมั้ง “ไงเรา ยิ้มหวานเชียวนะ” คนนี้ชื่อพี่พีชค่ะ “ฮ่าๆ ไม่มีอะไรเลยพี่ หนูแค่ทำตามหน้าที่เท่านั้นเอง” “แต่บางร้านที่พี่ไปเขาไม่ยิ้มขนาดนี้นะ” “ไม่ยิ้มที่ร้าน แต่ไปยิ้มที่อื่นใช่ไหมคะ?” “พูดตรงไปอีก” “มันก็แล้วแต่คนค่ะ แต่หนูไม่เกี่ยวนะ!” ต้องพูดดักทางไว้ก่อน เดี๋ยวจะถูกใครบางคนพูดแซะเอาได้ พูดคุยหยอกล้อกันได้ไม่นานพี่ส้มก็มาค่ะ ฉันจึงแยกตัวมาเข้าห้องน้ำ หมับ! “เฮีย!! ตกใจหมด” มาเงียบๆแถมยังไม่พูดไม่จาอีก “ได้ข่าวว่าหางานเพิ่มเหรอ?” “ใช่ค่ะ แล้วเฮียมีอะไรให้หนูทำไหม?” พลางฉีกยิ้มกว้างไปให้เขา “...” “ปล่อยแขนหนูได้แล้ว หนูจะเข้าห้องน้ำ” เฮียไกด์ไม่ได้พูดอะไรแค่เพียงปล่อยให้ฉันเป็นอิสระ ใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำหลายนาทีเหมือนกัน รู้สึกเหมือนมันหมุนแปลกๆ สงสัยวันนี้ฉันจะถูกฤทธิของแอลกอฮอล์เล่นงานซะแล้ว “คิดอะไรอยู่ถึงได้ขอม่านทำงานแบบนั้น” เสียงเฮียไกด์ดังมาจากด้านหลัง ฉันคิดว่าเขาจะไปแล้วซะอีก “แล้วเฮียยุ่งอะไรด้วย มันก็เป็นงานสุจริตเหมือนกันไม่ใช่เหรอคะ” “กลั่นออกมาจากสมองแล้วใช่ไหมที่พูดออกมา?” โอ้โห... อีเฮียมันด่าโคตรเจ็บเลยเหอะ “ไม่เห็นต้องคิดเลย หนูทำงานหาเงินนะ ไม่ได้แบมือขอใคร” “แต่แบอย่างอื่น” “...” เจ็บค่ะ... แต่มันก็ไม่ผิดที่เขาหรือใครจะเข้าใจแบบนี้ “หนูจะแบอะไรให้ใคร มันก็ไม่ใช่เรื่องของเฮียไม่ใช่เหรอคะ” “...” “เฮียไม่เคยต้องดิ้นรนด้วยตัวเอง ไม่เคยพยายามอยู่คนเดียวเฮียไม่เข้าใจหรอก” จบประโยคฉันก็เดินหนีเขามาหลังร้าน ไอ้คำดูถูกก็ได้ยินผ่านหูมาเยอะแหละ แต่ไม่ค่อยได้ใส่ใจไงแต่พอถูกพูดต่อหน้ามันกลับรู้สึกเจ็บอย่างบอกไม่ถูก ... ชีวิตคนเรามันไม่ได้มีทางเลือกเหมือนกันหมดทุกคนนี่
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD