บทที่ 5
แฟนพี่ไรเฟิล
'กลางแดดมีเงา กลางใจเค้ามีพี่'
"หายหน้าไปทั้งวันเลยนะ"
ทันทีที่ไรเฟิลพาแพรไหมกลับมาถึงบ้านในช่วงเย็นของวัน เฟิร์นก็รีบมาคุยกับเพื่อนสนิททันที สมแล้วที่เป็นแพรไหม อยากได้อะไรก็ต้องได้ แถมยังทุ่มเทขนาดนี้อีก ก็ได้แต่หวังว่าพี่สาวจะตกหลุมรักแพรไหมเข้าสักวันแหละนะ
"หายที่ไหน ก็อยู่กับพี่ไรเฟิลตลอด"
"อยากจะแหม"
แพรไหมส่งยิ้มให้เพื่อนสาวแล้วรีบควักส้มออกมาจากกระเป๋าเสื้อทันที
"นี่ของแก เก็บมาฝากจากไร่สด ๆ เลยนะ อร่อยมาก และที่สำคัญชั้นเก็บเองด้วย"
"ว้าวววววววววว"
"..."
"น่าภูมิใจจริง ๆ ขอบใจมากนะแก"
เฟิร์นแกล้งลากเสียงยาว ทำราวกับดีใจนักหนาที่เพื่อนเก็บส้มสด ๆ จากไร่มาให้ ทั้งที่เธอกินทุกวันจนเบื่อแล้ว
"รู้หรอกน่าว่าประชด"
ไรเฟิลมองดูสองสาวที่กำลังหัวเราะอย่างออกรสออกชาติด้วยใบหน้าเอือม ๆ
สองสาวรู้ทันกันไปเสียหมดทุกเรื่อง มิน่าล่ะถึงได้มาเป็นเพื่อนสนิทกัน
"ไปอาบน้ำแล้วลงมากินข้าวได้แล้ว"
"แกไม่ถามหน่อยเหรอว่าวันนี้ชั้นเป็นไงบ้าง ไปเจออะไรมา พี่แกแกล้งอะไรชั้นรึเปล่า"
แพรไหมแกล้งทำน้ำเสียงติดจะน้อยใจ แถมยังทำหน้าออดอ้อนเพื่อนสาวอีก มีหรือที่เฟิร์นจะเมินเพื่อนสนิทลง
"ก็เก็บไว้เล่าตอนกินข้าวไง"
"เล่าตอนนี้ไม่ได้เหรอ"
"ได้สิ แต่ว่าบ้านชั้นน่ะ ชอบเล่าเรื่องอะไรต่อมิอะไรตอนล้อมวงกินข้าวกันนะ แบบนั้นแสนจะมีความสุขเพราะทุกคนได้ฟังและรับรู้ร่วมกัน"
"..."
"แต่แกจะพูดตอนนี้ก็ได้"
แพรไหมมีท่าทีลังเล ซึ่งนั่นก็ทำให้เฟิร์นอดอมยิ้มเอ็นดูไม่ได้ มาดูกันว่าแพรไหมจะเล่าตอนนี้ หรือว่าจะเลือกเก็บไว้เล่าตอนกินข้าว
เฟิร์นแค่อยากให้เพื่อนได้อาบน้ำชำระล้างร่างกายให้สดชื่นเสียก่อนก็เท่านั้นเอง เธอไม่รู้ว่าพี่สาวแกล้งอะไรเพื่อนบ้าง แต่จากสภาพเนื้อตัวมอมแมมที่เธอเห็น เศษดินเปื้อนตามกางเกง เศษหญ้าแปะแทนกิ๊บอยู่บนผม เฟิร์นก็พอจะเดาได้ว่าวันนี้นั้นแพรไหมบุกแหลกพอสมควร
"เก็บไว้พูดตอนกินข้าวดีกว่า"
ในที่สุดแพรไหมก็เห็นด้วย
"งั้นแกก็ไปอาบน้ำ"
"โอเค"
แพรไหมพยักหน้ากับเพื่อนสาว ตากลมเหลือบมองคุณเจ้าของไร่แล้วส่งยิ้มหวานให้หนึ่งที
ไรเฟิลส่ายหน้าช้า ๆ ในใจก็แอบคิดว่าแพรไหมจะชอบเขาจริง ๆ งั้นหรือ ไม่เคยเจอกันด้วยซ้ำ ไม่เคยพูดคุยกันสักคำ แค่เห็นรูป เห็นหน้าเขาเธอก็พร้อมจะชอบและลงทุนมาถึงที่นี่เลยเนี่ยนะ มันดูน่าเหลือเชื่อเกินไป
หรือความรัก จะเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่ออยู่แล้วนะ
"กินเลยนะ ค่ำนี้พี่จะเข้าเมือง"
แพรไหมหูผึ่งเมื่อได้ยินสิ่งที่ไรเฟิลพูดกับน้องสาว ไม่ได้การละ อย่างนี้เธอต้องรีบอาบน้ำแล้วรีบลงมาดักรอพี่ไรเฟิลซะแล้วสิ
พี่ไรเฟิลไปไหน น้องแพรไหมจะตามไปด้วยทุกที่
ร่างเล็กรีบวิ่งเข้าห้องของตัวเองทันที แพรไหมส่องกระจกแล้วก็ไม่แปลกใจเลยสักนิดเดียวที่เพื่อนสาวไล่ให้มาอาบน้ำ ก็ดูสภาพเธอตอนนี้สิ มอมแมมยิ่งกว่าหมาน้อยตกน้ำเสียอีก
"ดูแลตัวเองก่อนนะแพรไหม"
ส่งยิ้มให้กำลังใจตัวเองในกระจกเสร็จ แพรไหมก็คว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไปทันที อากาศแบบนี้เธออาบน้ำเย็นไม่ได้หรอกนะ ถึงจะไปอยู่เมืองหนาวอย่างฝรั่งเศสมานานก็เถอะ ขืนให้อาบน้ำเย็น ๆ มีหวังหัวใจคงวายตายไปเสียก่อนที่จะได้เป็นแฟนกับพี่ไรเฟิล
แพรไหมใช้เวลาในห้องน้ำไปเกือบหนึ่งชั่วโมงเพื่อชำระล้างร่างกายตัวเองและขจัดคราบดินคราบโคลนรวมถึงเศษหญ้าเศษฟางทิ้งไป เมื่อเสร็จสิ้นแพรไหมก็ใส่เสื้อผ้าที่เหมาะสำหรับออกไปข้างนอกทันที
วันนี้เธอมีนัดกับพี่ไรเฟิล เป็นนัดที่แอบได้ยินเขาคุยกับเพื่อนสาวเมื่อครู่ว่าวันนี้จะไม่กินข้าวที่บ้าน จะออกไปกินข้างนอกแทน แบบนี้จะให้น้องแพรไหมปล่อยไปได้ยังไงกันล่ะคะ พี่ไรเฟิลต้องให้น้องแพรไหมไปด้วยอยู่แล้ว
เมื่อปฏิบัติภารกิจเสร็จสิ้นทุกอย่าง แพรไหมก็รีบไปยืนรอเขาที่รถทันที
วันนี้ไรเฟิลมีนัดกับลูกค้า ที่ไม่ค่อยอยากจะเป็นแค่ลูกค้าสักเท่าไหร่ คุณโมเน่ลูกสาวนักการเมืองในตัวจังหวัดติดต่อเขามาเมื่อหลายวันก่อน ว่าจะจัดงานฉลองที่พ่อของตัวเองชนะการเลือกตั้ง
จะว่าไปแล้วเขตนี้เขาก็เห็นก็คนนี้คนเดียวที่ได้เป็นตลอด ไม่ใช่ว่าทำงานดี เป็นแล้วบ้านเมืองเจริญหรอกนะ
แต่เป็นเพราะว่าประชาชนคุ้นหน้า รู้จักแค่คนนี้ต่างหาก ตามนิสัยแล้วประชาชนส่วนใหญ่จะเลือกแค่คนที่ตัวเองรู้จัก จะดีหรือชั่วก็ตามแต่ ไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลง ไม่ยอมเลือกคนใหม่เข้ามารับใช้ เพราะเหตุนี้ถึงมีแต่คนเดิม ๆ ที่ชนะอยู่ตลอด และสิ่งที่ตามมาทีหลังก็คือบ้านเมืองยังย่ำอยู่ที่เดิมค่อนไปทางถอยหลังเข้าคลอง ไม่พัฒนาเสียที
"ไปไหนคะ"
ทันทีที่เปิดประตูรถ ก็มีเสียงหวาน ๆ ดังขึ้นที่ด้านหลังทันที เขาไม่รู้ว่าบังเอิญ หรือแพรไหมตั้งใจมาดักรอเขากันแน่
ไรเฟิลกลอกตาไปมาอย่างเอือมระอา ถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อรับรู้ได้ว่าใครกำลังตามเป็นเงาอยู่ด้านหลัง
ยัยน้องแพรไหมอีกแล้วสินะ
"ไม่ให้ไป"
"น้องแพรไม่ได้ขอไปด้วยสักหน่อย"
ครั้งนี้มาแปลกแฮะ แต่ก็ดีแล้วที่แพรไหมจะไม่ตามไปด้วย
"แต่จะไปด้วยเลยต่างหาก ไม่ต้องขอ เพราะขอยังไงพี่ไรเฟิลก็ไม่ให้ไปด้วยอยู่แล้ว"
"แพรไหม!"
ให้ตายสิยัยเด็กดื้อ เอาแบบนี้เลยเหรอ
"พี่ไม่ให้ไป"
"น้องแพรจะไป"
"ไม่ได้!"
"พี่ไรเฟิลนัดสาวไว้เหรอคะ"
"เปล่า"
สาวที่ไหนกันเล่า ไม่มีเรื่องแบบนั้นหรอก แค่กับเธอคนเดียวเขาก็ปวดหัวจะแย่แล้ว
แพรไหมรีบเดินอ้อมไปอีกฝั่ง เปิดประตูแล้วขึ้นไปนั่งยิ้มหน้าบานอยู่บนรถอย่างสบายใจเฉิบ
ไม่รอบคอบเลยไรเฟิล ทำไมแกไม่ล็อกประตูฝั่งนั้นด้วยนะ
"น้องแพร"
"น้องแพรไปด้วย"
"พี่ไปคุยธุระ"
"น้องแพรจะไปคุยธุระกับพี่ไรเฟิลด้วย"
"ไม่ให้ไป ลงได้แล้ว"
"ไม่ลงค่ะ"
"ยัยดื้อเอ๊ย"
ไรเฟิลสบถอย่างหัวเสีย เขาหมดปัญญาจะเถียงกับยัยเด็กดื้อคนนี้แล้วนะ เธอไม่ยอมฟังเขาเลย จะเอาชนะอย่างเดียว
"ถ้าไม่ลงเองพี่จะอุ้มลงเดี๋ยวนี้แหละ"
"ถ้าพี่ไรเฟิลอุ้มน้องแพร ก็แสดงว่าพี่ไรเฟิลชอบน้องแพร"
"ไม่มีทาง"
ไรเฟิลตอบทันควัน แค่อุ้มก็แปลว่าชอบแล้วเหรอยัยประหลาด
"ให้น้องแพรไปด้วยนะคะ น้องแพรอยากไปเที่ยวบ้าง"
"พี่ไม่ได้ไปเที่ยว พี่ไปธุระ"
"พี่ไรเฟิลก็ทำธุระไป ส่วนน้องแพรก็จะไปเที่ยวตามประสาคนสวยน่ารัก"
แพรไหมทำตาปริบ ๆ เพื่อหวังให้เขาเห็นใจ และสุดท้ายก็เป็นไปตามคาด ไรเฟิลส่ายหน้าช้า ๆ ให้กับความใจอ่อนของตัวเอง จากนั้นก็สตาร์ทเครื่องยนต์แล้วออกรถทันที
ให้ไปด้วยก็ได้ แต่ขออย่างเดียวเลยนะ อย่าทำให้เขาหัวหมุนเป็นพอ
ทั้งคู่ออกจากไร่มาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงก็ถึงจุดนัดหมาย สถานที่ที่ไรเฟิลมาเป็นร้านอาหารแห่งหนึ่งในตัวเมือง อาจเพราะสิ่งปลูกสร้างของที่นี่ถูกไฟสีส้มนวลอาบไล้ จึงทำให้รู้สึกอบอุ่นและสบายตา
ว่าแต่พี่ไรเฟิลจะใจดีพาเธอไปเดินที่ประตูท่าแพอันเลื่องชื่อไหมนะ แบบนี้คงต้องลองอ้อนดูหน่อยแล้ว
"ตอนนี้ทุ่มครึ่ง พี่ให้เที่ยวได้ไม่เกินสามทุ่ม"
"..."
"อย่าไปไหนไกลล่ะ"
ไรเฟิลพูดเสร็จก็เดินหนีคนตัวยุ่งทันที เขารู้ว่าแพรไหมไม่เคยมาที่นี่ แต่ก็ไม่อยากเป็นคนพาเธอเที่ยวอยู่ดี ใช้ชีวิตคนเดียวในเมืองนอกได้ ก็คงใช้ในเมืองนี้ได้เช่นเดียวกัน
แต่ไรเฟิลคงจะลืมนึกไป ว่าประเทศที่พัฒนาแล้วกับประเทศที่ด้อยพัฒนามันต่างกันมากแค่ไหน
ที่นั่นเธอจะไปไหนก็ได้ไม่มีใครมาคอยจ้องทำร้ายหรือเอาเปรียบ แต่ที่นี่ไม่ใช่อย่างนั้น หากจะถามไถ่หรือซื้อของเธอต้องระวังตัวเองเป็นพิเศษ
บางครั้งหากจะซื้อของเธออาจถูกเอาเปรียบเรื่องราคาก็เป็นได้หากคนขายเห็นว่าเธอเป็นนักท่องเที่ยว จากราคา 50 พวกเขาอาจขายให้เธอที่ราคา 200
"ตามมาทำไม"
"ก็พี่ไรเฟิลบอกว่าห้ามน้องแพรไปไหนไกล"
อะไรมันจะซื่อขนาดนั้นกันล่ะแพรไหม ห้ามไปไหนไกลเพราะเขากลัวเธอจะหลง เนื่องจากแพรไหมไม่เคยมา ไม่ใช่ห้ามไปไหนไกลแล้วมาเดินตามก้นเขาต้อย ๆ อยู่แบบนี้
"น้องแพรจะไปกับพี่ไรเฟิลค่ะ"
คนตัวเล็กเกาะแขนเขาเอาไว้ทันที เอาล่ะไรเฟิล แกหลงกลยัยน้องแพรไหมเข้าให้แล้วล่ะนาทีนี้
ไรเฟิลถอนหายใจอีกครั้ง วันนี้นับไม่ถ้วนแล้วล่ะว่าเขาถอนหายใจไปกี่ครั้งแล้ว
โอเคน้องแพรไหม ไปไหนไปกัน ก็เล่นหลอกเขาสำเร็จแล้วนี่ อยากตามเขาไปที่ไหนก็ตามเลย ได้ทั้งนั้น
"ทางนี้ค่ะคุณไรเฟิล"
แพรไหมมองตามเสียงเรียกเมื่อเข้ามาถึงในร้าน ผู้หญิงผมยาวยืนอยู่ที่โต๊ะที่ตั้งอยู่ตรงมุม ริมฝีปากถูกเคลือบด้วยลิปสติกสีแดงสด แต่รวม ๆ แล้วก็สวยงามตามวัย แต่น่าเสียดายที่ผู้หญิงตรงหน้าสวยน้อยกว่าเธอนิดเดียว
ว่าแต่ นิสัยไม่ดีเลยแพรไหม เธอไม่มีสิทธิ์ไปวิจารณ์รูปร่าง หรือหน้าตาใครนะ เพราะทุกคนก็สวยและงดงามคนละแบบ อย่าเอาค่านิยมพวกนี้มาตัดสินสิว่าใครสวยกว่าใคร
"ปากแดง ๆ จะไว้ใจได้กา"
แพรไหมกระซิบเบา ๆ แต่ไรเฟิลก็ทำหูทวนลม เขายิ้มให้กับผู้หญิงคนนั้นแล้วสาวเท้าไปหาเธอทันที โดยที่มีน้องแพรไหมเกาะไม่ปล่อย
"สวัสดีค่ะคุณโมเน่"
"สวัสดีค่ะคุณไรเฟิล เชิญนั่งค่ะ"
ไรเฟิลนั่งลงตามคำเชิญชวน ตามด้วยแพรไหมที่นั่งลงข้าง ๆ เช่นเดียวกัน
"สวัสดีค่ะ น้องแพรไหมค่ะ"
โดยที่ไม่มีใครถาม แพรไหมรีบแนะนำตัวทันที
"สวัสดีค่ะ"
บุคคลฝั่งตรงข้ามยิ้มให้
"เป็นแฟนพี่ไรเฟิล"
และหุบยิ้มโดยฉับพลันเมื่อได้ยินประโยคต่อมา ไรเฟิลยังนั่งนิ่ง เขาชักจะชินแล้วล่ะ ตามแต่ใจแพรไหมเลยละกัน อยากทำอะไรก็ทำ
เพราะเขาให้ความสำคัญกับผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงหน้าเป็นแค่ลูกค้าเท่านั้น ไรเฟิลจึงไม่ได้อธิบายใด ๆ ให้ฟัง ไม่แม้แต่จะแย้งว่าเขาและแพรไหมไม่ได้เป็นแฟนกัน
"เอ่อ...ค่ะ"
โมเน่กัดฟันกรอด แต่ก็ยังยิ้มตอบตามมารยาท คุณไรเฟิลมีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมเธอไม่ทราบ
บทสนทนาจบลงเมื่อพนักงานเสิร์ฟนำอาหารมาวางบนโต๊ะ
โมเน่ติดต่อเขามาหลายวันแล้ว แต่ไรเฟิลก็บอกปัดว่าไม่สะดวกทุกครั้ง เธอให้เหตุผลว่าอยากคุยเรื่องนี้กับเขาต่อหน้า และในวันนี้เธอก็ติดต่อมาอีก ด้วยอยากตัดรำคาญเขาจึงตกลงมาพบเธอที่นี่
ทั้งที่เรื่องนี้น้องสาวเขาเป็นคนจัดการ แต่คุณโมเน่อะไรนี่ต้องการคุยกับเขาท่าเดียว
"คุยธุระเลยดีกว่าค่ะ"
"เดี๋ยวสิคะ จะรีบไปไหนล่ะ กินข้าวกันก่อนดีกว่า"
"กินไปคุยไปก็ได้นี่คะ"
แพรไหมเสริมอีกแรง เดาว่าธุระก็คงไม่สำคัญหรอก ยัยนี่คงอยากได้พี่ไรเฟิลเป็นแฟนเหมือนเธอล่ะสิ เสียใจด้วยนะพี่ไรเฟิลเป็นของเธอคนเดียว
"ก็ได้ค่ะ ที่นัดคุณมาวันนี้เพราะอยากคุยเรื่องการจัดงานฉลองชัยชนะของคุณพ่อน่ะค่ะ"
"เมื่อไหร่คะ"
"ต้นเดือนหน้าค่ะ คุณพ่ออยากให้จัดแบบใหญ่โต โมเน่เลยคิดว่าที่ไร่คุณน่าจะเหมาะ"
" เดือนหน้าที่ไร่มีจัดงานแต่งงานสามครั้ง เกรงว่าจะไม่ได้หรอกค่ะ"
ไรเฟิลตอบปัด ความจริงเดือนหน้าที่ไร่มีจัดงานมงคลสมรสเพียงงานเดียวเท่านั้นแหละ แต่เขาแค่พูดดักไว้ก่อน เพราะตัวเขาเองก็ไม่อยากจัดงานอื่นนอกจากงานแต่งงานเช่นเดียวกัน
และที่สำคัญเขาไม่อยากจัดงานนี้ งานฉลองชัยชนะของนักการเมืองที่เอาเงินตัวเองออกก่อน แล้วค่อยเอาคืนจากเงินงบประมาณและภาษีประชาชนทีหลัง เขาไม่อยากมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องแบบนี้สักเท่าไหร่
"ไม่มีคิวให้เลยเหรอคะ"
"เกรงว่าจะไม่ค่ะ"
"คุณพ่อบอกว่ายอมจ่ายให้ไม่อั้นเลยนะคะ"
ไม่ได้ก็คือไม่ได้สิ ยัยนี่เข้าใจยากจัง น้องแพรไหมชักจะมีน้ำโหแล้วนะ
"คุณยกเลิกงานแต่งสักงาน แล้วรับงานของโมเน่ไปทำดีกว่านะคะ"
"ไม่ได้หรอกค่ะ"
ทำไมพี่ไรเฟิลถึงใจเย็นได้ขนาดนี้นะ
"จ่ายให้ไม่อั้นเลยนะคะ"
"คุณนี่เข้าใจอะไรยากจังเลย ไม่ก็คือไม่ค่ะ เอาเงินของคุณไปจ้างที่อื่นดีกว่านะคะ"
"ขอโทษนะคะ โมเน่คุยกับเจ้าของไร่อยู่"
แพรไหมหน้าร้อน รู้สึกเหมือนโดนตบหน้าเลยแฮะ ยัยนี่หาว่าเธอเสือกงั้นหรือ
"ว่าไงคะคุณไรเฟิล"
ร่างเล็กที่ความอดทนต่ำลงเรื่อย ๆ หันไปมองหน้าเขา ไรเฟิลยังนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม ถ้าเขายอมทำตามที่ยัยนี่บอก เธอคงงอนและผิดหวังในตัวเขามาก ๆ แน่เลย
"ยกเลิกสักงาน แล้วรับงานของโมเน่แทน"
"ทำไมไม่ลองไปจ้างที่อื่นดูล่ะคะ"
"ที่นี่ไร่คุณมีชื่อเสียงที่สุดแล้วค่ะ คุณพ่อชนะการเลือกตั้งมาอย่างยาวนาน ถ้าจะฉลองก็ขอให้สมเกียรติหน่อย"
เป็นแบบนี้เองสินะ อยากมีเกียรตินี่เอง เพราะไร่เขามีชื่อเสียงเลยอยากจัดงานที่ไร่เพื่อเสริมบารมีตัวเอง แบบนี้ค่อยคุยกันง่ายหน่อย
"เหมือนที่น้องแพรบอกนั่นแหละค่ะ ไม่ก็คือไม่"
"ไม่คิดก่อนสักหน่อยเหรอคะ"
"เงินไม่อั้นที่คุณว่า พี่ไรเฟิลก็มีเหมือนกันค่ะ"
พ่อของยัยนี่คงเป็นผู้มีอิทธิพลของที่นี่สินะ เธอเกลียดคนมีอิทธิพลมาก ๆ เลย ทำเหมือนว่าโลกนี้หมุนรอบตัวเอง เหมือนกับว่าทุกคนต้องทำตามสิ่งที่ตัวเองต้องการยังไงยังงั้น
แล้วเอาเงินมาอ้างอีก คิดว่าตัวเองมีคนเดียวหรือไง
"ขอโทษอีกครั้งนะคะ โมเน่คุยกับเจ้าของไร่อยู่ค่ะ"
คนตรงหน้าส่งสายตาตำหนิมายังแพรไหมอีกครั้ง คงคิดว่าเธอยุ่งเรื่องของชาวบ้านอีกแล้วสินะ
"แฟนเจ้าของไร่ ก็เหมือนเจ้าของไร่นั่นแหละค่ะ"
แพรไหมหันขวับไปมองเขาตาโต พี่ไรเฟิลยอมให้เธอเป็นแฟนแล้วงั้นหรือ ในที่สุดก็มาถึงวันนี้จนได้สินะแพรไหม หลังจากตื๊อเขามาสองวันเต็ม
ไม่รู้สิ เขาแค่คิดว่าแพรไหมถูกกันออกจากบทสนทนาบ่อย ๆ ทั้งที่เธอก็แค่ออกความเห็นตามความเป็นจริง
ก็แค่เออออตามน้ำ น้องแพรไหมคงไม่คิดเข้าข้างตัวเองจนเก็บเอาไปเพ้อฝันหรอกนะ
"ต้องขอโทษด้วยนะคะ ที่ไร่ต้องจัดงานเยอะแล้ว คงรับงานของคุณไม่ได้"
พูดเสร็จร่างสูงก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกับคว้าเอามือของแพรไหมให้ลุกขึ้นตาม
"ขอตัวก่อนนะคะ"
"เดี๋ยวก่อนสิคะ กินข้าวด้วยกันก่อน อาหารเต็มโต๊ะเลย"
"พี่ไรเฟิลมีธุระต่อ ต้องขอโทษที่ไม่ได้ร่วมดินเนอร์ด้วยนะคะ"
"ธุระอะไรเหรอคะ รีบขนาดนั้นเลยเหรอ กินข้าวด้วยกันก่อนสิคุณไรเฟิล"
"ธุระที่แฟนเค้าชอบทำกันสองต่อสองน่ะค่ะ คนนอกไม่ยุ่งดีกว่านะคะ"
พูดเสร็จคนที่ถูกคว้าให้ลุกขึ้นตามเมื่อครู่ก็เป็นฝ่ายเดินนำไปก่อนทันที โดยที่มือทั้งสองข้างของแพรไหมยังคล้องแขนเขาอยู่ และไรเฟิลก็จำเป็นต้องเดินตามโดยอัตโนมัติ
สมน้ำหน้า โดนเอาคืนซะบ้างยัยคนปากแดง
"นิสัยไม่ดี"
"..."
"ทำตัวไม่น่ารักเลยนะ"
"ยัยนั่นเหรอคะ"
"ยัยนี่แหละ"
ไรเฟิลจิ้มหน้าผากคนข้างกายไปหนึ่งที มีอย่างที่ไหนเที่ยวไปบอกใครต่อใครว่าเป็นแฟนกับเขา ใช้ไม่ได้เลยจริง ๆ
"ยัยนั่นต่างหากที่ไม่น่ารัก พูดไม่รู้เรื่อง"
"ยัยนี่ก็เหมือนกัน แถมยังชอบบอกคนอื่นว่าเป็นแฟนกับพี่อีก"
"แต่เมื่อกี้พี่ไรเฟิลก็ยอมรับแล้วนี่คะ"
แพรไหมยิ้มหวาน
"พี่แค่ตัดรำคาญต่างหาก"
"รำคาญน้องแพรเหรอ"
"ก็ไม่เชิง"
"คนใจร้าย"
แพรไหมสะบัดหน้าหนีแล้วปล่อยมือจากแขนเขา ตอนนี้เธอเริ่มจะหิวแล้วนะ พี่ไรเฟิลไม่คิดจะพาเธอไปกินข้าวหน่อยเหรอ
"น้องแพรหิว"
"..."
"อยากกินราเมงภาคเหนือ"
ไรเฟิลหลุดยิ้ม ราเมงภาคเหนือเหรอ แพรไหมคิดได้ยังไงกินนะ นั่นมันข้าวซอยต่างหาก
"ให้โอกาสพูดใหม่"
"น้องแพรชอบพี่ไรเฟิลค่ะ"
บ้ารึไง เขาให้โอกาสแพรไหมพูดเรื่องราเมงใหม่ต่างหาก ไม่ได้บอกให้พูดเรื่องชอบเขาสักหน่อย เกินไปแล้วนะน้องแพรไหม
"ชอบหยอดขนาดนี้ไม่เลี้ยงละ หาซื้อกินเองละกัน"
ไรเฟิลส่ายหน้า เอาเป็นว่าให้น้องแพรไหมไปหาซื้อราเมงภาคเหนือกินเองละกันนะ หาให้ทั่วทั้งเมืองจะเจอรึเปล่าก็ไม่รู้ไอ้ราเมงภาคเหนือเนี่ย
"ทำไมชอบใจร้ายกับน้องแพรจังคะ"
"หมั่นไส้"
"น้องแพรก็หมั่นไส้พี่ไรเฟิลเหมือนกัน ข้อหาน่ารักเกิน"
เฮ้ออออ มายืนเถียงกันอยู่อย่างนี้วันนี้จะได้กินข้าวรึเปล่าก็ไม่รู้
"ขี้เกียจเถียงละ ตามมาสิเดี๋ยวพี่จะพาไปกินราเมงภาคเหนือ"
แพรไหมยิ้มร่าแล้วเดินตามเขาไปต้อย ๆ ป่านนี้ยัยเฟิร์นคงรอแย่แล้วสินะ ส่งข้อความไปบอกก่อนดีกว่าว่าวันนี้พี่ไรเฟิลพาเธอออกมาดินเนอร์แล้วจะเซอร์ไพรส์ขอแต่งงาน คิคิ
"ใช่นี่รึเปล่าราเมงภาคเหนือ"
ไรเฟิลชี้ไปที่รูปภาพอาหารที่ติดอยู่หน้าร้านอาหารข้างทางแห่งหนึ่ง เป็นร้านข้าวซอย และรูปก็เป็นข้าวซอย ไม่ใช่ราเมงอย่างที่แพรไหมคิด
"ใช่ค่ะ ๆ พี่ไรเฟิลรู้ใจน้องแพรที่สุดเลย"
"นี่เขาเรียกว่าข้าวซอย ไม่ใช่ราเมงนะยัยเซ่อ"
"นี่ข้าวซอยเหรอคะ"
ไรเฟิลพยักหน้าหงึกหงักพร้อมกับอมยิ้ม ราเมงที่ไหนมีหน้าตาแบบนี้กันนะ
"อยากกินกี่ชามดีคะ"
"ชามเดียวก็พอค่ะ เดี๋ยวน้ำหนักขึ้น พี่ไรเฟิลจะไม่ชอบ"
"บอกแล้วไงว่าจะขึ้นหรือลดก็ไม่ชอบอยู่ดี"
"ใจร้ายยังไงก็ใจร้ายอย่างงั้น"
แพรไหมหน้างอง้ำ ร่างเล็กเดินกระแทกไหล่อีกคนเข้าไปนั่งหน้าตูมอยู่ในร้านทันที ไม่ชอบก็เก็บไว้ก่อนไม่ได้รึไงกันเล่า ไม่เห็นต้องรีบบอกเลย
"วันนี้ทำตัวไม่น่ารัก พี่ไม่เลี้ยงนะ"
"น้องแพรมีเงินค่ะ เลี้ยงตัวเองก็ได้"
"..."
"ป้าคะ รา...ข้าวซอยหนึ่งที่ค่ะ"
เกือบไปแล้วแพรไหม เกือบสั่งราเมงแล้วไหมล่ะ เธอเพิ่งรู้นะว่าสิ่งนี้เรียกข้าวซอย ไม่ได้เรียกว่าราเมงอย่างที่เธอเข้าใจ ถ้าพี่ไรเฟิลไม่บอก เธอคงหน้าแตกไปแล้วนะเนี่ย
"ของพี่ล่ะ"
"สั่งเองสิคะ"
"น้องแพรก็ใจร้ายเหมือนกันนั่นแหละ"
"แต่ไม่เท่าพี่ไรเฟิลอยู่ดี วันนี้ใช้น้องแพรเก็บส้ม แถมยังปล่อยให้น้องแพรหลงป่าอีก"
เธอหลงเองต่างหาก ขี้ตู่เหลือเกินนะ
"พี่เลี้ยงเองก็ได้ แต่สั่งให้หน่อยสิ"
"ทำไมน้องแพรต้องสั่งให้ด้วยคะ"
"ก็...เผื่อน้องแพรสั่งแล้วอร่อยไงคะ อยากกินอาหารที่น้องแพรสั่งบ้าง"
เหตุผลแค่นี้เนี่ยนะ ฟังไม่ขึ้นเลยนะคะพี่ไรเฟิล จะแกล้งอะไรเธออีกรึเปล่าก็ไม่รู้
"ไม่รักไม่ชอบ ก็อย่ามาให้ความหวัง"
มันเป็นการให้ความหวังยังไงนะ กับแค่ให้สั่งอาหารให้เนี่ย
"สองที่นะคะป้า"
ไรเฟิลตะโกนบอกคุณป้าคนขาย สั่งเองก็ได้แค่นี้เอง
"งอนพี่เหรอ"
"เรื่องอะไรคะ"
"ขอเดาว่าเรื่องที่พี่พูดว่าน้องแพรไม่น่ารัก"
"ใช่ค่ะ"
มีอะไรก็พูดกันตรง ๆ แบบนี้ก็น่ารักเหมือนกันนะ เป็นความสัมพันธ์ที่ไม่ต้องมาคอยคาดเดาว่าอีกคนจะรู้สึกยังไง สบายใจยังไงก็ไม่รู้
"ก็พี่พูดจริง ๆ "
"ต่อไปน้องแพรจะไม่เที่ยวไปบอกใครต่อใครอีกว่าเป็นแฟนพี่ไรเฟิลอีก"
"..."
"พอใจแล้วใช่ไหมคะ"
ไรเฟิลพยักหน้า เป็นแบบนั้นได้ก็ดี ถ้าจะให้ดีก็คือน้องแพรไหมต้องไม่มาตามเขาต้อย ๆ ให้ปวดหัวบ่อย ๆ อีก
หลังจากดินเนอร์ข้าวซอยที่ค่อนข้างอึดอัด และแพรไหมก็เป็นคนจ่ายค่าอาหารเองทั้งของเธอและของเขา ไรเฟิลก็พาแพรไหมแวะไปเดินเล่นที่ถนนคนเดินในละแวกใกล้ ๆ
แพรไหมไม่ได้ขอ แต่เขาคิดว่าเธอคงอยากไปเดินเล่นเปิดหูเปิดตาบ้าง คุณหนูในเมืองมาอยู่ในไร่ตั้งสองวัน คงมีโหยหาความศิวิไลกันบ้างแหละ
ตลอดทั้งตลาดถูกไฟของแสงนีออนสาดส่อง ให้ความรู้สึกที่อบอุ่นและผ่อนคลายแม้นักท่องเที่ยวจะพลุกพล่าน หากมากับคนรัก แล้วจับมือกันเดินชมสินค้าคงจะสนุกและมีความสุขน่าดู
แต่ติดตรงที่ไรเฟิลเป็นแค่คนที่เธอชอบ เธอและเขาไม่ได้เป็นคนรักกัน
"สร้อยข้อมือเส้นนี้เท่าไหร่คะ"
ร่างเล็กแวะดูสร้อยข้อมือที่เป็นเชือกเส้นเล็ก ๆ และมีจี้เป็นไม้แกะสลักรูปสัตว์ต่าง ๆ มากมาย เธอชอบงานแบบนี้ เพราะรู้สึกว่ากว่าจะทำได้แต่ละอัน คนทำต้องใส่ใจเป็นอย่างมาก
"เส้นละร้อยเดียวค่ะ"
ก็ถือว่าราคาเหมาะสมอยู่นะถ้าเทียบกับความตั้งใจของคนทำแล้ว
"มีเป็นแบบคู่ด้วยนะคะ น้องมากับแฟนรึเปล่าเอ่ย"
คนขายส่งสายตาไปทางไรเฟิล เธอเคยเจอมาเยอะแล้ว ผู้หญิงมาด้วยกันสองคนก็ไม่ใช่เพื่อนเสมอไป และผู้หญิงมาเป็นกลุ่มก็ไม่ใช่กลุ่มเพื่อนเสมอไป เขาอาจมากันเป็นคู่ ๆ ก็เป็นได้
"ไม่ใช่แฟนหรอกค่ะ"
แพรไหมตอบแล้วเดินจากไปทันที เธอไม่ได้สนใจสร้อยข้อมือต่อ แม้จะแสดงออกชัดเจนว่าชอบมากเพียงใดก็ตาม ไม่สนใจแม้แต่ไรเฟิลที่ยืนอยู่ด้านหลัง คงพอใจแล้วสินะที่เธอไม่ไปเที่ยวบอกใครต่อใครว่าเป็นแฟนกันกับเขา
ร่างเล็กเดินไปเรื่อย ๆ เธอชอบบรรยากาศของที่นี่นะ แสงนีออนให้ความรู้สึกอบอุ่นแม้อากาศจะค่อนข้างหนาวเย็น
แพรไหมเดินเรื่อยเปื่อยจนกลับมาถึงรถในที่สุด และเธอเพิ่งรู้ตัวว่าไรเฟิลหายไป
เหลียวหน้าเหลียวหลังได้สักพักเธอก็เจอกับเขา ไรเฟิลกำลังเดินมาทางนี้ ในมือถือถุงสองสามถุง เขาคงซื้อของส่วนตัว หรือไม่ก็ซื้อของไปฝากน้องสาวสินะ
จะว่าไปเธอก็ไม่ได้อะไรไปฝากเพื่อนสาวสักอย่างเลยนี่ เอาไว้คราวหลังละกันนะยัยเฟิร์น วันนี้ไม่สบอารมณ์
"นี่"
ทันทีที่เดินมาถึง ร่างสูงก็ยื่นถุงกระดาษใบเล็กมาตรงหน้าเธอ
"พี่ให้"
แพรไหมรับมาอย่างงวยงง เธอเปิดถุงนั้นออกดูก็พบว่าเป็นสร้อยข้อมือแบบที่เธออยากได้ แถมยังมีจี้เป็นรูปกระต่ายน้อยอีกต่างหาก และในนั้นก็มีอีกเส้น แต่เป็นรูปหมี ให้เธอทั้งสองเลยเหรอ
"เห็นน่ารักดี เลยซื้อมาฝาก"
จากที่หน้าบึ้งแพรไหมกลับหลุดยิ้มหวาน ไรเฟิลเป็นคนปากหนักแต่การกระทำกลับสุดแสนจะน่ารัก
เขาเห็นว่าเธออยากได้ และเห็นว่ากระต่ายช่างเหมือนกันกับแพรไหมเลยซื้อมาให้เธอ และคนขายยังคะยั้นคะยอให้เขาซื้อสร้อยที่มีจี้เป็นหมีมาด้วย ด้วยความใจดีไรเฟิลจึงซื้อมา ไม่ได้กะจะใส่เป็นคู่กับแพรไหมหรอกนะ
"มา เดี๋ยวพี่ใส่ให้"
แพรไหมยื่นมือไปต่อหน้าเขาอย่างไม่อิดออด ไรเฟิลหยิบสร้อยเส้นเล็กมาสวมลงกับข้อมือของเธอแล้วส่งยิ้มเอ็นดูมาให้
"น้องแพรเหมือนกระต่ายเลย"
"น่ารักใช่ไหมคะ"
"ตื่นตูม"
ไรเฟิลแกล้งแหย่ และก็ได้รับเป็นการมองค้อนตอบกลับมา เห็นยัยน้องแพรหายหน้าบึ้งเขาก็ดีใจ
"ทำไมถึงซื้อมาสองเส้นล่ะคะ"
"แม่ค้าบอกว่าซื้อสองเส้นถูกกว่า"
"สองเส้นเท่าไหร่คะ"
"สองร้อยค่ะ"
ห๊ะ...หนึ่งเส้นหนึ่งร้อย สองเส้นก็สองร้อย มันลดราคาตรงไหนเนี่ยพี่ไรเฟิล คุณเจ้าของไร่สอบตกวิชาคณิตศาสตร์งั้นหรือ
"มันลดราคาตรงไหนคะ"
"ลดก็ลดเถอะน่า อย่าถามมาก กลับกันเถอะดึกแล้ว"
พี่ไรเฟิลของเธอคงเป็นคนฟอร์มจัดสินะ อยากซื้อมาง้อเค้าล่ะสิท่า น่ารักที่สุดเลย แบบนี้ก็มีหวังแล้วสิแพรไหม
"แต่ยังไงก็ขอบคุณนะคะ"
เพราะใกล้กัน และเพราะไรเฟิลไม่ทันได้ตั้งตัว เมื่อจบประโยคของแพรไหม เขาจึงได้รับคำขอบคุณเป็นการจุ๊บเบา ๆ ตรงแก้มนุ่ม
ให้ตายเถอะ ยัยน้องแพรไหมแต๊ะอั๋งเขาอีกแล้วสินะ เสียกอดไม่พอ ยังมาเสียแก้มให้เธออีกหรือนี่ แล้วจะยืนบื้ออยู่ทำไมไรเฟิล ขึ้นรถสิวะ แต่ทำยังไงก็ไม่สามารถก้าวเดินได้ ตอนนี้เท้าเขาก้าวไม่ออก แบบนี้หรือเปล่าที่เรียกว่าตัวแข็งทื่อ
แล้วแบบนี้หรือเปล่าที่เรียกว่าเสียอาการ