บทที่ 3
น้องแพรไปด้วย
'ยุงกัดรู้สึกคัน ส่วนฉันอยากเป็นแฟนเธอ'
เช้านี้หมอกลงหนาจัดเหมือนวันก่อน ๆ ที่ผ่านมาและภายในใจไรเฟิลก็ขุ่นมัวไม่แพ้กัน เขายังเคืองยัยน้องแพรเรื่องเมื่อคืนไม่หาย กล้าดียังไงไปเด็ดดอกกุหลาบสุดรักสุดหวงของเขา ต้องไปดูเสียหน่อยแล้ว ว่าตอนนี้ต้นดอกกุหลาบเขาเป็นยังไงบ้าง
"แกโง่มากนะ ให้เค้าเด็ดไปได้ไง"
"ต้นไม้พูดไม่ได้นะคะ"
ไรเฟิลสะดุ้งเล็กน้อย แต่ก็ยังเก็บอาการตกใจเอาไว้ได้อยู่ บ้าเอ๊ยยัยเด็กนี่ ตามมาตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ ทำตัวเหมือนผีไม่มีผิด
"มาไม่ให้สุ้มให้เสียง"
"ตกใจเหรอคะ"
"เปล่า กะจะนินทาพอดี"
อารมณ์ขันอีกแล้ว เล่นตลกเก่งนะเนี่ยคุณแฟนในอนาคต
"นินทาว่าอะไรคะ"
"จบดอกเตอร์จริงหรือเปล่า ทำไมเหมือนเด็กเลย"
"หน้าเด็กเหรอคะ"
แพรไหมถามพร้อมกับแกล้งทำหน้าเอียงอาย ต้องใส่จริตลงไปสักหน่อย เดี๋ยวพี่ไรเฟิลไม่เชื่อว่าเขินจริง
"สมอง"
แรงมาก!
"พี่ไรเฟิลก็หน้าเด็กเหมือนกันค่ะ"
"ของมันแน่อยู่แล้ว"
"หน้าเหมือนเด็กแพรเลย ว่าไงจ๊ะหนูไรเฟิล วันนี้หนูจะไปไหน ให้พี่แพรไหมตามไปเฝ้าด้วยนะคะ"
แพรไหมยกมือนุ่มขึ้นมาเกาคางของเขาราวกับคุยกับน้องหมาน้องแมวยังไงยังงั้น มากไปแล้วนะ
"ปีนเกลียว"
ไรเฟิลชักสีหน้า ยัยนี่ชักจะกวนหนักเข้าไปทุกวันแล้ว
เพิ่งมาที่นี่และรู้จักกับเขาเมื่อวาน แต่ความกวนและความสนิทสนมเหมือนรู้จักกันมาเป็นสิบปี
"ปีนพี่ไรเฟิลแทนเกลียวได้ไหมคะ"
"เฮ้อ"
ไรเฟิลถอนหายใจ เขายังไม่ทันที่จะได้ดูต้นดอกกุหลาบให้ถี่ถ้วนด้วยซ้ำ ขืนอยู่ต่อมีหวังปวดหัวมากกว่านี้หลายเท่าแน่ เพราะงั้นไรเฟิลจึงลุกขึ้นและเดินหนีคนตัวเล็กเข้าไปในบ้านทันที
"น้ำฮ้อน ได้แล้วเจ้า"
ไรเฟิลเดินหนีคนตัวเล็กมานั่งลงยังโต๊ะรับประทานอาหาร แต่กระนั้นแพรไหมก็ยังเดินตามมาติด ๆ แถมยังนั่งลงยังเก้าอี้ไม้ข้างตัวเขาอีก ยัยนี่เกาะติดยิ่งกว่าปลิงอีกแฮะ
"เฟิร์นยะหยังอยู่"
"ยังบ่หันเลยเจ้า"
"แล้วกิ๋นข้าวกับหยัง"
"ป้ายะข้าวต้มไว้ คุณไรเฟิลจะกิ๋นเลยก๋า"
คุณไรเฟิลของคุณป้าพยักหน้าให้น้อย ๆ นี่ก็สายแล้ว เขาต้องรีบไปดูสัตว์เลี้ยงที่ท้ายไร่ เพราะมัวแต่คุยสัพเพเหระกับคนข้างกาย ทำให้วันนี้ต้องเข้าไร่สาย แล้วน้องสาวก็ยังไม่ตื่นอีก แขกตัวเองแท้ ๆ แต่น้องเฟิร์นไม่สนใจเลยนะ ให้มาวิ่งตามเขาต้อย ๆ เหมือนหมาน้อยวิ่งตามแม่อยู่ได้
"แล้วแม่ญิงคนนี้..."
ป้านวลซึ่งเป็นแม่บ้านประจำของที่นี่เอ่ยถามอย่างสงสัย เพราะเมื่อวานป้าขอลาหยุดหนึ่งวันเพื่อไปหาหมอที่โรงพยาบาลตามนัด วันนี้ป้าจึงกลับมาทำงานตามปกติ ด้วยเหตุนี้จึงไม่รู้ว่ามีแขกมาใหม่หน้าตาสะสวยอาศัยอยู่ที่นี่ด้วย
"สวัสดีค่ะ"
แพรไหมยกมือไหว้อย่างผู้มีมารยาท ไม่รู้ว่าคนที่นี่เคร่งครัดเรื่องนี้หรือเปล่า แต่แพรไหมเคยได้ยินคำร้องท่อนหนึ่งจากเพลงของภาคเหนือที่มีชื่อว่า 'ล่องแม่ปิง' ว่าคนงาม ๆ ต้องงามคู่ความเด่นดี ต้องฮักศักดิ์ศรีกุลสตรีแม่ย่าแม่หญิง
และเธอก็อยากเป็นกุลสตรีเพื่อมัดใจคุณพี่ไรเฟิลอยู่พอดี
"สวัสดีเจ้า"
ป้านวลรับไหว้
"แพรเป็นเพื่อนของยัยเฟิร์นค่ะ แต่ว่าอีกไม่นานก็จะขยับสถานะแล้ว"
ไรเฟิลและป้านวลหันมองคนพูดเป็นตาเดียวกันแต่ต่างความรู้สึก ป้านวลรอฟังอย่างตั้งใจ ส่วนไรเฟิลกลับกลอกตาอย่างเอือมระอา
"เป็นแฟนพี่ไรเฟิลค่ะ"
ว่าแล้วเชียว
"เฮ้อ!!"
คนถูกพาดพิงถึงกับถอนหายใจหนักหน่วง เป็นเอามากนะเนี่ยแพรไหม
"คนสึ่งตึง อู้ไปเรื่อย"
"คุณไรเฟิลก็"
"เฟิลอู้แต๊นะป้า"
แพรไหมมองสองคนสลับกันไปมา เธอไม่เข้าใจหรอกนะว่าพี่ไรเฟิลกับคุณป้าพูดอะไรกัน แต่ที่รู้แน่ ๆ ก็คือต้องเป็นเรื่องเกี่ยวกับเธอแน่นอน
"หนูชื่อแพรไหมค่ะ ฝากเนื้อฝากตัวเป็นหลานสะใภ้คุณป้าด้วยนะคะ"
ป้านวลอมยิ้มเอ็นดูส่งมาให้ ส่วนไรเฟิลส่ายหน้าหนี เพราะกำลังเอือมระอาเต็มทน เอาเถอะอยากพูดอะไรก็พูด ขอแค่เขาไม่ปวดหัวก็พอแล้ว
"ป้าหาข้าวงายมาเต๊อะ เฟิลหิวแล้ว"
ไรเฟิลรีบเปลี่ยนเรื่อง ขืนสนทนาต่อมีหวังไม่มีที่สิ้นสุดแน่ แพรไหมน่ะ ผีเจาะปากมาพูดเลยนะนั่น จ้อไม่หยุดเลย
ป้านวลหายเข้าไปในครัวเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงไรเฟิลกับแพรไหมที่นั่งอยู่ตรงนี้ มือเรียวเอื้อมไปหยิบแก้วที่วางอยู่กลางโต๊ะมาสองแก้ว เทน้ำร้อนที่ป้านวลนำมาวางเมื่อครู่ลงในนั้น จากนั้นก็หยิบถุงชาถุงเล็ก ๆ ที่ถูกมัดด้วยเชือกและตรงปลายมีชื่อของไร่สลักเอาไว้หย่อนลงไปในแก้ว
จากนั้นก็ยื่นแก้วชาหนึ่งแก้วมาตรงหน้าแพรไหม
"ดื่มสิ"
แพรไหมมองดูการกระทำของเขาด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม แม้ไรเฟิลจะพูดห้วน ๆ แต่การกระทำของเขาก็ดูใส่ใจอยู่ดี
แถมเมื่อครู่ไรเฟิลยังพูดภาษาเหนือด้วย แพรไหมเพิ่งเคยได้ยินเขาพูดเป็นครั้งแรก ทั้งสำเนียงและน้ำเสียงการพูดของเขาช่างไพเราะเพราะพริ้ง เหมาะสมที่จะเป็นแฟนเธอยิ่งนัก
"ยิ้มทำไม"
"พี่ไรเฟิลน่าฮักขนาด"
ปฏิบัติการหยอดวันละนิดจิตแจ่มใสเริ่มต้นขึ้นแล้วสินะ รู้ตัวอยู่หรอกว่าน่ารัก ไม่เห็นต้องชมเลย
"รู้"
"แล้วรู้ไหมคะว่าน้องแพรชอบ"
ไรเฟิลยักไหล่ ปกติก็เคยได้ยินคนบอกแบบนี้บ่อย ๆ นะ ซึ่งทั้งหมดนั่นเขาไม่ได้มีอาการแปลกประหลาดอะไรเลย แต่กับเด็กคนนี้แตกต่างจากทุกคน ทำไมหน้าเขาถึงร้อนแบบนี้นะ ต้องเป็นเพราะน้ำร้อนเมื่อครู่นี้แน่เลย
"เพิ่งรู้เมื่อวาน"
"แล้วชอบน้องแพรหรือยังคะ"
"อืมมม"
ร่างสูงทำท่าครุ่นคิด ไรเฟิลเป่าลมหายใจลงไปในแก้วเพื่อระบายความร้อนอย่างใจเย็น
"จากทั้งหมดที่เราเจอกัน และเห็นการกระทำที่น้องแพรไหมทำทั้งหมดหนึ่งวันเต็ม บอกเลยว่า..."
"ว่า"
"ไม่ชอบ พี่ไม่ชอบเด็กดื้อ"
แพรไหมหน้างอง้ำ พูดตรงขนาดนี้เลยเหรอ ไม่กลัวเธอเสียใจรึไง ไอ้พี่ไรเฟิลบ้า แต่ก็น่ารัก
"ถ้าน้องแพรไม่ดื้อล่ะคะ"
"ก็..."
"..."
"ไม่ชอบอยู่ดี"
"งั้นน้องแพรจะดื้อค่ะ ดื้อจนพี่ไรเฟิลชอบเลย"
ตั้งแต่ตื่นนอนมาจนถึงตอนนี้ ไรเฟิลไม่รู้ว่าเขาถอนหายใจไปกี่ครั้งแล้ว ถอนหายใจให้กับน้องแพรไหมคนเดียว คนอะไรจะดื้อด้านขนาดนี้กันนะ เขาก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าเด็กนอกเป็นแบบนี้ทุกคนหรือเปล่า รั้นเป็นบ้าเลย
เพราะถ้าเป็นแบบนี้ เขาจะได้เปลี่ยนคำเรียกใหม่ จากคำว่าดื้อ เป็นคำว่ามั่นใจในตัวเองแทนละกัน
"แล้วแต่ละกัน"
แล้วแต่ละกันที่หมายถึงเบื่อจะพูดด้วยแล้ว ไรเฟิลยกแก้วชาขึ้นจิบ กลิ่นหอมอ่อน ๆ ชวนให้ผ่อนคลาย และความร้อนของน้ำก็ช่วยให้ร่างกายอบอุ่น เพราะอากาศค่อนข้างหนาวน้ำในแก้วจึงเย็นเร็ว
แพรไหมส่งยิ้มจริงใจให้กับเขาแล้วทำแบบเดียวกันบ้าง พอแก้วจ่อที่ปาก กลิ่นอายของดอกไม้ที่ไม่รู้ว่าดอกอะไร ใบชา และกลิ่นส้มอ่อน ๆ ลอยเข้ามาเตะจมูก เธอไม่เคยได้กลิ่นแบบนี้มาก่อน แต่หากได้กลิ่นแล้วกลับชวนให้ผ่อนคลายยิ่งนัก ไม่แปลกใจเลยที่ชาของที่ไร่เป็นที่นิยมอย่างที่เพื่อนสาวบอก เพราะแปลกใหม่และไม่มีใครเหมือนแบบนี้นี่เอง
พอยกขึ้นจิบถึงได้รู้ว่ารสชาติไม่ธรรมดา แม้ไม่มีน้ำตาลแต่ชาในแก้วกลับให้รสหวานจาง ๆ ติดลิ้นเพียงน้อยนิด พอกลืนลงท้องกลิ่นหอมก็กำจายในลำคอและปาก เธอชักจะติดใจเสียแล้วสิ
"ลำแต้แต้เจ้า ลำขนาด"
"ของมันแน่อยู่แล้ว"
ไรเฟิลส่ายหน้า อร่อยจนต้องพูดภาษาเหนือเลยสินะ การจิบชาตอนเช้าช่วยให้ร่างกายอบอุ่นและที่สำคัญดีต่อสุขภาพด้วย ยิ่งฤดูนี้เป็นฤดูหนาวก็ยิ่งต้องรักษาสุขภาพตัวเองเอาไว้ ทำร่างกายตัวเองให้อบอุ่นอยู่เสมอ ไม่งั้นโดนหวัดโดนน้ำมูก โดนไอเล่นงานแน่ ๆ
จิบชาไปได้สักพักป้านวลก็ยกข้าวต้มมาเสิร์ฟ ทั้งคู่ตั้งหน้าตั้งตากินเงียบ ๆ ไม่มีเสียงรบกวนใด ๆ จากแพรไหมอีก มีบ้างบางครั้งที่เธอตั้งใจมองหน้าเขาแล้วยิ้มหวานให้ แต่ไรเฟิลก็ไม่ได้สนใจ ไม่หลงกลหรอกนะ ขืนยิ้มตอบยัยนี่ต้องหลงเข้าข้างตัวเองว่าเขามีใจอีกแน่นอน
"จะไปไหนคะ"
เมื่ออิ่มแล้วไรเฟิลก็ลุกขึ้นยืน เขาทำเหมือนกำลังจะไปที่ไหนสักที่ แต่แพรไหมที่จ้องเขาอยู่ก่อนแล้วก็รีบลุกตามทันที ไม่ยอมให้หลุดพ้นสายตาไปได้หรอกนะ
"ไปไร่"
"น้องแพรไปด้วย"
"ไม่ได้!"
ไรเฟิลปฏิเสธทันที จะไปได้อย่างไร เป็นภาระเปล่า ๆ ยัยเฟิร์นไปไหนนะ ทำไมไม่รีบตื่นมาเก็บเพื่อนตัวเองเนี่ย
"แต่น้องแพรอยากไป"
"แต่พี่ไรเฟิลไม่ให้ไป"
"..."
"เด็ดขาด!"
ร่างสูงทิ้งท้ายแล้วหันหลังให้ เขาต้องรีบไปจากที่นี่ ไม่งั้นสมองที่อยู่ในหัวเขาต้องเต้นตุบ ๆ เป็นแน่
แพรไหมย่นจมูกใส่อย่างขัดใจ แต่ไรเฟิลไม่มีทางได้เห็นแน่นอน
ทันทีที่เขาเดินผ่าน แพรไหมก็ลุกขึ้นยืน กางแขนออกกว้างแล้ววิ่งไปกอดเขาจากทางด้านหลังทันที
"เฮ้ย!"
"ถ้าไม่ให้น้องแพรไป อย่าหวังว่าน้องแพรจะปล่อย"
บ้าเอ๊ยยัยตัวร้าย เล่นแบบนี้เลยเหรอ แพรไหมชักจะดื้อมากขึ้นทุกวันแล้วนะ
"ปล่อย!"
"ไม่!"
ไรเฟิลกลอกตา เขาถอนหายใจอีกครั้ง งงตัวเองจริง ๆ บอกให้แพรไหมปล่อย แต่ในใจกลับอยากอยู่อย่างนี้ต่ออีกสักหน่อย อาจเป็นเพราะอากาศที่หนาวเหน็บจึงทำให้กอดของแพรไหมอบอุ่นก็เป็นได้
สุดท้ายแล้วไรเฟิลก็ต้องเป็นฝ่ายยอม เขาต้องยอมให้คุณดอกเตอร์สมองเอ๋อตามมาด้วย เพราะเธอกอดไม่ปล่อยจริง ๆ แกะยังไงก็แกะไม่ออก ทั้งโมโหทั้งกลัวคนมาเห็น ขืนเป็นแบบนั้นมีหวังคนตัวเล็กนั่นแหละที่จะเสียหาย
แพรไหมจะถูกมองว่ามาตามจับเขาทันที เพราะคนที่แล้ว ๆ มาก็ถูกมองประมาณนั้นทั้งหมด ทั้งที่พวกเธอเหล่านั้นก็แค่ตามกรี๊ด ๆ เขาจนแสบแก้วหูเท่านั้นเอง
รู้หรอกน่าว่าฮอตจนปรอทแตก แต่ยัยนี่ก็เป็นกับเขาด้วยหรือนี่ เป็นเอามากซะด้วยสิ
"ยังเช้าอยู่เลยนะคะ"
"เจ็ดโมงครึ่งแล้ว"
เพราะหมอกที่ปกคลุมไปทั่วบริเวณทำให้แพรไหมคิดว่าตอนนี้ยังเช้าตรู่อยู่ ไรเฟิลออกมาทำงานเวลานี้ทุกวันเลยเหรอ ยังไม่เห็นวี่แววของแสงพระอาทิตย์ที่ส่องลอดม่านหมอกลงมาเลยด้วยซ้ำไป
"พี่ไรเฟิลจะไปไหนคะ"
"พี่เหนื่อยพูดกับเธอจัง"
ไรเฟิลตอบตามตรง แพรไหมเอาแต่จ้อถามไม่หยุด ผีเจาะปากเธอมาพูดนั่นคือเรื่องจริง เขาทำงานคนเดียวไม่ต้องยุ่งเกี่ยวหรือคุยกับใคร คุยแค่กับวัว กับม้า กับแพะกับแกะเท่านั้น ไม่สันทัดคุยกับคนเลย ติดจะรำคาญด้วยซ้ำไป
"เราคุยกันทางจิตไม่ได้นี่คะ"
"ขยันเล่นมุกเนอะ"
"เอ๊ะหรือว่า...พี่ไรเฟิลช่วยขยับออกมาข้างหน้านิดนึงได้ไหมคะ"
แพรไหมทำท่าครุ่นคิดแล้วเอ่ยวานเขาเบา ๆ
คนขับที่นั่งหลังติดเบาะอยู่เมื่อครู่ขยับตามที่แพรไหมต้องการอย่างไม่คิดอะไร
"ทำไม"
"ใจเราจะได้ตรงกันค่ะ จะได้คุยทางจิตได้สบาย"
ให้ตายสิ สาบานกับเขาได้หรือเปล่าว่าน้องแพรไหมจบดอกเตอร์จากนอกประเทศ ไม่ใช่นอกโลก มุขแบบนี้คิดได้ยังไง
หลังจากนั้นแพรไหมพูดอะไรถามอะไร ไรเฟิลก็ไม่ตอบอีกเลย เขาเหนื่อยที่จะคุยกับเธอจริง ๆ นะ ดูตอนนี้สิ เธอดี๊ด๊าชอบใจอย่างกับเด็ก ๆ ได้ของเล่นถูกใจ เมื่อได้นั่งรถกับเขาเป็นครั้งแรก อะไรมันจะดีใจขนาดนั้นนะ แล้วยังมีหน้ามาบอกอีกว่าที่ตรงนี้เป็นของน้องแพร เป็นของตุ๊กตาหน้ารถอย่างน้องแพรคนเดียวเท่านั้น ต่อไปนี้ห้ามใครมานั่ง
เพ้อเจ้อใหญ่แล้วน้องแพรไหม เขาเคยให้ใครมานั่งที่ไหนกัน เธอเป็นคนแรกเลยนะเนี่ย
ถามว่าพิเศษเหรอ เปล่าหรอก รถคันนี้เขาเพิ่งไปถอยมาใหม่ยังไม่ถึงสัปดาห์ด้วยซ้ำ และเจ้าดำคันเก่งของเขาก็เพิ่งได้รับแขกอย่างคุณดอกเตอร์แพรไหมเป็นครั้งแรกด้วย ไฮโซดีนะเจ้าดำ คนนั่งคนแรกจบนอกเสียด้วย เสียดายหน่อยเดียวที่สมองเออเร่อไปนิด
หลังจากนั่งรถโฟวิลคันสูงมาได้ไม่นานแพรไหมก็เจอกับคอกสัตว์น้อยใหญ่สองสามคอก ด้านข้างของคอกเป็นทุ่งหญ้าเขียวขจี พื้นที่แห่งนี้น่าจะเป็นพื้นที่ที่มีไว้สำหรับเลี้ยงสัตว์สินะ
แพรไหมเดาว่าที่นี่ต้องเป็นหลังเขาแน่นอน เพราะเธอรู้สึกได้ว่าไรเฟิลพาเธอขับรถมาตามเส้นทางด้านหลังบ้าน และลงเขามาเรื่อย ๆ ไม่ถึงสิบนาทีด้วยซ้ำก็ถึงแล้ว
คนงานกำลังปล่อยวัวบางตัวออกจากคอก บางตัวก็กำลังถูกรีดนมอยู่ รวมถึงแพะและแกะด้วย เดาว่าสัตว์ตัวเล็กคงมีเกือบครึ่งร้อย ส่วนวัวก็เป็นวัวนมที่มีอยู่ประมาณสิบกว่าตัวเห็นจะได้ เธอชอบที่นี่จัง ทั้งบรรยากาศและวิถีชีวิต
ม้าตัวใหญ่สี่ห้าตัวกำลังเดินมาทางนี้ และแพรไหมก็ทนให้มันเดินมาใกล้กว่านี้ไม่ได้แม้แต่ก้าวเดียว
คนตัวเล็กวิ่งอ้อมรถไปหลบอยู่หลังไรเฟิลทันที
"เป็นอะไร"
"น้องแพรกลัว"
"ดีเลย งั้นขึ้นรถ"
"ให้น้องแพรรออยู่ในรถเหรอคะ"
พี่ไรเฟิลสุดแสนจะเทพบุตรเลย เห็นเธอกลัวเขาก็ให้เธอรอในรถ น่ารักที่สุด เป็นแบบนี้เธอยิ่งตกหลุมรักเขาลึกลงเรื่อย ๆ
"เปล่า จะกลับไปส่งที่บ้าน กลัวแล้วจะตามมาทำไม มันเป็นภาระเห็นหรือเปล่า"
เพล้ง!! หน้าแตกอีกแล้วแพรไหม ไอ้พี่ไรเฟิลคนปากเสีย แต่เธอก็ยังชอบเขาอยู่ดี
"ก็น้องแพรกลัว กลัวแล้วจะให้ทำไงล่ะ กลัวก็คือกลัวไง มันแก้ไม่ได้หรอกนะ"
แพรไหมเถียงเขาคอเป็นเอ็น กลัวมันก็คือความกลัว คนเรากลัวไม่เหมือนกัน และเธอก็กลัวสัตว์มาก ๆ มันแก้ตอนนี้ไม่หายหรอกนะ อยู่ดี ๆ จะให้หายกลัวไปเองงั้นหรือ มันทำแบบนั้นไม่ได้ นอกจากจะมีเหตุการณ์ที่ทำให้เธอหายกลัว หรืออยู่กับมันจนชินนั่นเอง
"โอเค เข้าใจแล้วว่ากลัว ไม่ต้องสาธยายมาก"
"..."
"หนาวไหมเนี่ย ทำไมไม่ใส่เสื้อแขนยาว"
ไรเฟิลเอี้ยวตัวกลับมามองคนด้านหลัง เขาเองก็ลืมสังเกตไปเลยว่าแพรไหมไม่ได้ใส่เสื้อแขนยาว กางเกงก็เป็นแค่กางเกงนอนขายาวตัวเดียว ให้ตายสิ พอนึกมาถึงตรงนี้แล้วไรเฟิลชักสงสัย ว่ายัยน้องแพรไหมล้างหน้าล้างตาหรือยังเนี่ยก่อนที่จะตามเขามา
"กำลังสบายค่ะ"
โอ้โหน้องแพรไหม เขาอยู่ที่นี่มาทั้งชีวิต แค่อุณหภูมิต่ำกว่ายี่สิบมานิดเดียวก็หนาวจนคางสั่นแล้ว และวันนี้ยังเช้าอยู่ หมอกก็ยังไม่จาง ไรเฟิลเดาได้จากประสบการณ์ ว่าอุณหภูมิในตอนนี้ต้องเป็นเลขตัวเดียวอย่างแน่นอน
"แพรอยู่ที่ฝรั่งเศสหนาวกว่านี้อีกค่ะ"
ลืมไปเสียสนิท ว่าแพรไหมเพิ่งกลับจากฝรั่งเศส อากาศแค่นี้คงไม่ระคายผิวคุณดอกเตอร์หรอก
"ใส่ไว้"
แต่ยังไงก็ตาม ไรเฟิลถอดเสื้อกันหนาวของตัวเองออกแล้วสวมให้คนตัวเล็กทันที แม้แพรไหมจะไม่หนาว แต่เขาก็ไม่อยากรับผิดชอบดูแลเธอหรอกนะ เพราะมีโอกาสเป็นไปได้ที่แพรไหมจะไม่สบายเพราะโดนหมอก
ดังนั้นเสื้อแขนยาวตัวหนาที่มีหมวกให้คลุมหัวด้วยจึงถูกสวมให้อีกคนทันที
"ขอบคุณนะคะ แล้วพี่ไรเฟิลไม่หนาวเหรอ"
"ในรถมีอีกตัว"
แพรไหมอมยิ้มเมื่อนึกบางอย่างขึ้นมาได้ บางอย่างที่พอจะคิดเข้าข้างตัวเองได้ยังไงล่ะ
ทั้งที่ในรถมีอีกตัวแต่ไรเฟิลกลับถอดตัวที่เขาใส่ให้เธอ ดังนั้นแพรไหมขอคิดว่าเขาเป็นห่วงไม่อยากให้หมอกโดนตัวเธอมากกว่านี้แม้แต่วินาทีเดียวสินะ ถึงได้ถอดเสื้อให้เธอทันที น่ารัก
ม้าตัวใหญ่ถูกคนงานจูงห่างออกไปก่อนที่จะเดินเข้ามาใกล้เธอไปมากกว่านี้ หลังจากสวมเสื้อแขนยาวตัวใหม่เรียบร้อยไรเฟิลก็เดินตามไปทันที ทุกเช้าเขาจะมาที่นี่ก่อนเป็นอันดับแรก เพื่อมาตรวจดูสุขภาพสัตว์และรีดนมวัว
"จะไปไหนคะ"
"รีดนมวัว"
ไรเฟิลเดินห่างออกไปแล้ว แต่แพรไหมยังยืนอยู่ที่เดิม เธอไม่กล้าเข้าไปหรอกนะ
"เอ้า ตามมาสิ"
"ไม่ค่ะ น้องแพรจะรออยู่ที่นี่"
จะรออยู่ที่นี่ได้อย่างไร จะมายืนตากหมอกอยู่กลางแจ้งรอจนเขารีดนมวัวเสร็จเลยงั้นหรือ เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก
ไรเฟิลเดินกลับมาคว้าแขนเล็กติดมือไปด้วย ให้ตายสิ บอกตามตรงว่าแพรไหมดูแลยากกว่าสัตว์เลี้ยงทุกตัวของเขาเลยก็ว่าได้
เมื่อเดินเข้ามาใกล้คอกวัวแพรไหมก็ขืนตัวไว้ พี่ไรเฟิลจะพาเธอไปหาวัวจริง ๆ น่ะหรือ
"พี่ไรเฟิลคะ แพรจะรออยู่ตรงนี้"
"เห็นตรงนั้นหรือเปล่าแพรไหม"
ไรเฟิลชี้ไปตรงที่ว่างข้าง ๆ คอก
"พี่จะให้แพรไปรออยู่ตรงนั้น ตรงนี้มันไม่มีร่ม เดี๋ยวโดนหมอกแล้วจะไม่สบาย"
แหมคุณพี่ บอกตั้งแต่แรกเธอก็มาด้วยแล้วไหมล่ะ เป็นห่วงเค้าล่ะสิคุณพี่ไรเฟิล น่ารักจังเลย
"เป็นห่วงน้องแพรล่ะสิ"
"พี่แค่ไม่อยากรับผิดชอบชีวิตใคร"
"แต่รับผิดชอบหัวใจน้องแพรด้วยนะคะ แค่เห็นหน้ามันก็เป็นของพี่ไปทั้งดวงแล้ว"
"ควรไปขายขนมครกนะ ขยันหยอด"
ไรเฟิลส่ายหน้าอย่างเอือมระอา จากนั้นก็ปล่อยมือคนตัวเล็กแล้วเดินตรงไปหาวัวทันที
มีคนงานกำลังใช้มือรีดนมวัวลงในถังรออยู่ก่อนแล้ว ไรเฟิลเข้าไปคุยกับคุณลุงคนนั้นสักพัก คงถามสารทุกข์สุกดิบและความเรียบร้อยของที่นี่ จากนั้นพี่ไรเฟิลก็ล้างทำความสะอาดมือตัวเอง และลงมือรีดน้ำนมจากเต้าลงในถังสีขาวทันที
มองจากตรงนี้เขาช่างมีเสน่ห์ ผมเผ้าถูกเกล้าเป็นมวยไว้กลางหัว เผยให้เห็นใบหน้าที่ทรงเสน่ห์น่าหลงใหล
เธอตกหลุมรักเขาแล้วจริง ๆ ตกหลุมรักทุกอย่างที่เป็นเขา
แพรไหมมองดูเจ้าของไร่ด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า หากมีคนเห็นเธอในตอนนี้ แน่นอนว่าต้องมีคนบอกว่าเธอเพ้อฝันอย่างแน่นอน ดวงตาหวานหยาดเยิ้มและใบหน้าเคลิ้มฝันนั่นบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าแพรไหมหลงใหลในตัวไรเฟิลมากมายขนาดไหน
โฮ่ง!!
"กรี๊ดดดดดดดดดดดด"
"เฮ้ยยยยยยย"
เพราะไหมกรี๊ดจนสุดเสียงด้วยความตกใจ เมื่อจู่ ๆ ก็มีหมาสีดำแซมด้วยขาวตัวใหญ่มายืนเห่าเธอ หัวใจดวงน้อยที่เธอยกให้พี่ไรเฟิลไปแล้วเต้นแรงจนจะทะลุออกมานอกอก
ไรเฟิลมองตามเสียงแล้วก็ตกใจไม่แพ้กัน เจ้าหนมปังยืนเห่าแขกที่ไม่คุ้นตาอย่างเอาเป็นเอาตาย
ส่วนคนถูกเห่าก็ยืนนิ่ง แต่ปากกลับกรีดร้องไม่หยุด แถมขาก็ยังสั่นพั่บ ๆ อีกต่างหาก ยังไม่ทันครึ่งวันเลยด้วยซ้ำ แต่แพรไหมทำเขาหัวหมุนไปหลายรอบแล้ว
โฮ่ง โฮ่ง
"หนมปังหยุด"
"ฮือออออออ"
ไรเฟิลวางมือจากวัวแล้วรีบตรงดิ่งมาหาคนตัวเล็กทันที แม้จะขาสั่น แต่แพรไหมก็ยังมีความสามารถกระโดดกอดเขาได้อยู่
ใบหน้าเล็กซบลงตรงไหล่ สองมือกอดคอไรเฟิล ส่วนสองขาก็เกาะเอวเขาไว้แน่น
โฮ่ง!
"พอแล้วหนมปัง"
ไรเฟิลปรามสุนัขพันธุ์คอลลี่ที่เขาเลี้ยงไว้เพื่อให้เลี้ยงแกะด้วยเสียงที่ค่อนข้างดัง สุนัขตัวนี้เป็นมิตรกับทุกคนนะ แต่กับแพรไหมมันคงไม่คุ้นหน้า ประกอบกับคนตัวเล็กยืนนิ่งอยู่ในมุมอับ ตามสัญชาตญาณแล้วเจ้าหมาคงคิดว่าเธอมาร้ายเป็นแน่
โฮ่ง!
"หยุดได้แล้ว ชู่วววว"
ไรเฟิลปรามอีกครั้ง และครั้งนี้น้องหมาก็ฟัง มันส่ายหากดุ๊กดิ๊กแล้วเข้ามาเลียขาไรเฟิลด้วยความดีใจ แตกต่างจากเมื่อครู่สิ้นเชิง
แพรไหมยิ่งกอดเขาแน่นขึ้นเมื่อเจ้าหมาเข้ามาใกล้ ไรเฟิลแกล้งเธอหรือเปล่านะ
"ไปเลี้ยงแกะของแกได้แล้วไป คุณแพรไหมกลัว"
แม้แต่ยามที่เธอกำลังกลัวและอยู่ในสถานการณ์คับขัน พี่ไรเฟิลยังอ่อนโยนกับสัตว์ได้หรือนี่ ใจดี สุภาพ รักสัตว์ สเปคเลย
เจ้าหมาส่ายหางแล้ววิ่งไปตามคำสั่งราวกับฟังออก ไรเฟิลลูบหลังเธอเบา ๆ อย่างต้องการปลอบประโลม
ขึ้นชื่อว่ากลัวสัตว์ ก็คงกลัวทุกชนิดเลยสินะ แต่ไม่คิดว่าแพรไหมจะกลัวขนาดนี้
"กระโดดกอดพี่เพราะกลัวเจ้าหนมปังหรือเพราะอยากแต๊ะอั๋งพี่กันแน่"
"น้องแพรกลัว นึกว่าจะโดนหมาขย้ำแล้ว"
"มันไม่ทำอะไรหรอกน่า แค่ไม่คุ้นหน้าเท่านั้นเอง"
"น้องแพรไม่ยอมให้หมาขย้ำนะคะ ยอมให้พี่ไรเฟิลขย้ำคนเดียว"
น้องแพรไหมไม่เคยแผ่วเลยแฮะ นี่แค่ช่วงเช้านะ ไรเฟิลโดนจับ โดนกอด โดนหยอดไปไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว เรียกได้ว่านับไม่ถ้วนเลยดีกว่า
เบาได้ก็ควรเบาก่อนนะแพรไหม อะไรมันจะไปคลั่งรักขนาดนั้น เขาชักงวยงง ไปเรียนเมืองนอกเมืองนาทำไมไม่ไปตกหลุมรักหนุ่มฝรั่งตาน้ำข้าวนะ แบบนั้นคงแซ่บและน่าตกหลุมรักมากกว่าเขาเสียอีก
ยัยดอกเตอร์สมองเออเร่อคงเป็นฉายาที่เหมาะสมที่สุดแล้วล่ะ
แล้วนี่ยัยเฟิร์นไม่คิดจะมาตามเพื่อนเลยหรืออย่างไร ถึงได้ปล่อยให้มาเดินตามเขาต้อย ๆ อยู่อย่างนี้ ไปไหนไปด้วยราวหมัดกับหมา แถมยังกลัวนั่นกลัวนี่อยู่ตลอด กลัวแล้วจะตามมาทำไมกัน เป็นภาระที่สร้างความปวดหัวและปวดหูเพราะเสียงร้องกรี๊ด ๆ นี่ให้กับไรเฟิลเป็นอย่างมาก
ขอร้องล่ะแพรไหม กลับบ้านไปเถอะนะ นี่ไม่ได้ไล่แต่เพื่อความปลอดภัยของเส้นเลือดในสมองเขา ได้โปรดทำตามที่พี่ไรเฟิลประสงค์ทีเถอะน้องแพรไหมยัยดอกเตอร์สมองเอ๋อ
แต่พอคิดไปคิดมา แพรไหมก็เป็นคนเหนือเหมือนกันนะ เหนือความคาดหมายยังไงล่ะ