เสียงเพลงในงานวัดดังกระหึ่มทั่วบริเวณ รวมไปถึงรอบๆบริเวณใกล้เคียงด้วย เอื้อมดาวรีบวิ่งเข้าไปในงาน ด้วยสภาพผมเผ้ายุ่งเยิ่ง เพราะขับมอเตอร์ไซค์มาด้วยความรีบร้อน เดินไปตามทางเดินที่มีแสงไฟในงานสาดส่อง พร้อมกวาดสายตามองหากลุ่มเพื่อนที่นัดกันไว้
วันนี้ที่วัดมีงานบุญประจำปี จัดขึ้นทุกปีในช่วงปลายปี บางปีจัดนานถึงเจ็ดวัน แต่ปีนี้ด้วยสภาพทางเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยดีนัก จึงจัดแค่สามวันเท่านั้น วันนี้เป็นวันสุดท้าย มีดนตรีสดมาเล่น ให้ประชาชนที่มาทำบุญได้เพลิดเพลินกับเสียงเพลงและนักน้องดังที่กำลังเป็นที่นิยม ทั้งยังมีการแข่งขันร้องเพลงของคนในท้องถิ่น ชิงเงินรางวัลสามหมื่น แม้เงินจะไม่มากมายนัก แต่วัยรุ่นแถวๆนี้ก็จับกลุ่มลงแข่งกันเยอะพอสมควร การแข่งร้องเพลงมีมานานหลายปีแล้ว และที่เอื้อมดาวมาในวันนี้ ก็เพราะเธอถูกเพื่อนขอร้องให้ลงแข่งด้วยนั่เอง
เอื้อมดาวเพิ่งเรียนจบ กลับมาอยู่บ้านได้แค่สองเดือน ก่อนหน้านั้นเธอใช้ชีวิตเป็นเด็กกรุงเทพ เรียนอยู่ที่นู้นตั้งแต่จบมอสาม ตอนนี้จบมหาวิทยาลัยแล้ว คณะที่จบมาคือคณะศิลปกรรมศาสตร์ สาขาวิชาดนตรีเอกการขับร้อง ไม่ได้ตั้งใจกลับมาที่บ้านเพื่อหางานทำ เพราะรู้แน่ชัดว่ามันไม่มี แต่กลับมาที่นี่เพราะอยากมาพักสมอง เพื่อทำเพลงของตัวเอง และเพื่อนสมัยเด็กที่รู้ว่าเธอจบด้านนี้มา ก็ลากเธอมาแข่งร้องเพลงหวังเองเงินรางวัลสามหมื่น
“เอื้อมทางนี้ๆ” เพื่อนสาวสองคนกวักมือเรียกอยู่ไม่ไกล ในมือแต่ละคนมีตุ๊กตาตัวไม่ใหญ่นักคนละตัว เอื้อมดาวรีบวิ่งเข้าไปหา มองตุ๊กตาด้วยความอิจฉา เพราะเธอก็อยากได้เหมือนกัน ยิงปืน ปาโป่ง เป็นอะไรที่ขาดไม่ได้ถ้ามีงาน ไม่ได้เล่นมานาน วันนี้อยากจะเล่นให้เต็มที่ เท่าที่เวลาจะเอื้ออำนวย
“ไม่รอกันเลย แล้วนี่ใครให้?”
“ฝีมือล้วนๆ” แววตาพูดอวด ชูตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลขึ้นสูง เพื่อให้ยัยเตี๊ยที่ชอบตุ๊กตาโดดจับ
“ขอจับหน่อย” เอื้อมดาวตัวเตี้ยสุดในกลุ่ม กระโดดหย่อยๆ คว้ามือไปจับเจ้าขนฟูที่เพือนชูขึ้นเหนือหัว ใบหน้าสวยโดดเด่นทำตาละห้อย เมื่อคว้าไม่ได้ มองหน้าเพื่อนอย่างน่าสงสาร รู้ทั้งรู้ว่าเธอชอบ ยังจะแกล้งอีก
“เดี๋ยวยิงให้ใหม่ ถ้าชนะอะนะ” แววตายื่นข้อเสนอ สองตัวที่เธอกับเพื่อนถืออยู่ตั้งใจจะให้เอื้อมดาวนั่นแหละ เพราะเอื้อมดาวชอบตุ๊กตาพวกนี้ที่สุด แต่ให้ง่ายๆมันก็ยังไงๆอยู่ เลยเอาเรื่องการแข่งมาขู่ เพราะเอื้อมดาวคือความหวังเดียวของเธอ
“แต่เราไม่ได้ซ้อมกันเลยนะ” เอื้อมดาวเริ่มไม่มั่นใจ จนเพื่อนทั้งสองเดินเอาแขนมาพาดคอ ลากเดินไปตามทางเดินวนดูของในงาน เดินฆ่าเวลารอบงาน รอแข่ง
“เราสองคนเล่นได้หมดทุกเพลงแหละ แต่ร้องไม่เพราะเท่าเอื้อม เรามั่นใจว่าเสียงเอื้อมสุดยอดที่สุดแล้ว” อิ่มอุ่น ยกยอเพื่อนตัวเอง แต่มันไม่เกินจริงเลยสักนิด คนละแวกนี้ที่เล่นดนตรี ก็แค่เล่นเอาสนุก ฆ่าเวลาหรือหากิจกรรมทำเท่านั้น แต่เอื้อมดาวผ่านการเรียนทั้งทฤษฎีและปฏิบัติ ภาษีย่อมเหนือกว่าอยู่แล้ว
“เราจะเล่นเพลงอะไรดี”
เพราะยังไม่ได้คุยรายละเอียดกันเลย จริงๆก็เพิ่งรู้ว่ามีแข่งและลงสมัครไปในนาทีสุดท้ายก่อนจะปิดให้ลงแข่งขัน เมื่อตอนห้าโมงเย็นนี่เอง รายละเอียดจึงไม่ได้คุยกันมากมายนัก เพราะอยู่คนละหมู่บ้าน ติดต่อสื่อสารกันผ่านโทรศัพท์ และนัดมาเจอกันที่งาน
“เห็นเขาว่าวงเอสตัวเต็งของทุกปี เล่นเพลงแนวร็อคนะ เราจะเล่นเพลงอะไรถึงจะล้มแชมป์สามสมัยได้” แววตาหยุดเดิน เพื่อให้ข้อมูลที่กำลังจะพูดรั่วไหลน้อยที่สุด เมื่อเห็นมีมุมอับหลังโบสถ์ที่คนไม่ค่อยพลุกพล่าน ก็ดึงมือสองสาวตามไปอย่างรวดเร็ว
วงเอส คือวงที่ลงแข่งทุกปี ตั้งแต่มีการแข่งปีแรกๆ วงดนตรีบ้านๆในปีนั้น กลายเป็นวงดนตรีระดับจังหวัดในปีต่อมา และตอนนี้สมาชิกในวงก็เริ่มมีผลงานในระดับภูมิภาค มีสมาชิกทั้งหมดสี่คน นักร้องนำ เก่งทั้งกีตาร์และเสียงร้องทรงพลัง มือกลอง เบส และมือกีตาร์อีกหนึ่ง เป็นวงที่มีดีทั้งความสามารถและหน้าตา แว่วมาว่านักร้องนำเคยถูกทาบทามเข้าวงการมาแล้ว
เอื้อมดาวฝังข้อมูลของคู่แข่งเงียบๆ นึกภาพตามไม่ออกเลย ว่าวงเอสที่เพื่อนเล่าถึงฝีมือเจ๋งขนาดไหน เพราะเธอเองก็เรียนดนตรีอยู่แล้ว รอบตัวมีแต่คนเก่งๆทั้งนั้น อยากจะรู้เหมือนกันว่าบ้านนอกแบบนี้ แอบซุกซ่อนดาวจรัสแสงไว้หรือเปล่า
“ตื่นเต้นแฮะ” เอื้อมดาวรู้สึกแบบนั้นจริงๆ เธอไม่เคยดูถูกบ้านเกิดตัวเอง แต่รู้ว่าบางสิ่งบางอย่างมันก็ต่างกันกับที่ๆเธอเคยไปเรียน และเธอรู้สึกตื่นเต้น เมื่อได้รู้ว่าที่นี่มีคนเก่งๆอยู่เหมือนกัน
“อีกครึ่งชั่วโมงก็จะเริ่มแล้ว วงเราเล่นลำดับสุดท้ายนะ ก่อนหน้าก็วงเอส คงมีเวลาได้ตัดสินใจบ้างว่าจะเล่นแนวไหน” แววตาสรุป และเพื่อนก็พยักหน้าเห็นด้วย สองสาวไม่มีปัญหากับการเล่นกีตาร์ เพราะฝึกมาดีพอสมควร เอื้อมดาวยิ่งไม่ต้องพูดถึง เพลงแนวไหนก็รัองได้หมด เพราะฝึกร้องเพลงกับแม่มาตั้งแต่ประถม การแข่งครั้งนี้จึงไม่มีใครกังวล ออกจะตื่นเต้นด้วยซ้ำ
สามสาวเปลี่ยนที่อยู่จากข้างโบสถ์ ไปเดินฆ่าเวลาแถบที่คนพลุกพล่าน สามสาวไม่กล้าเข้าไปเล่นอะไร เพราะยังไม่ยากหอบหิ้วอะไรตอนนี้ ลำพังเครื่องดนตรีที่ห้อยอยู่ที่หลังก็เดินเหินลำบากมากพออยู่แล้ว ไหนจะตุ๊กตาที่ตกมาได้ก่อนหน้าสองตัวอีก จึงพากันเดินมองคนอื่นเล่น ยกเว้นคนที่ไม่ได้เอาอะไรมาเลยอย่างเอื้อมดาว ที่เพื่อนตั้งใจให้มาเป็นนักร้องอย่างเดียว