7

1487 Words
“เอาค่ะคุณครู” เด็กน้อยดีใจที่คุณครูคนสวยจำได้ว่าเธอชอบทานอะไร รีบกุลีกุจอเลื่อนจานไปด้านหน้าทันที “เอ๊ะ! คุณครูทราบได้ยังไงครับว่ายายหนูชอบทานบล็อกโคลีผัดกุ้ง” นนท์ถามอย่างแปลกใจ “หนูนาเคยบอกน่ะค่ะ เห็นเป็นเมนูประจำเวลาพาข้าวมาทานที่โรงเรียน กับข้าวของหนูนาหอมเชียวค่ะ ใครเป็นคนทำให้คะนี่” ถามแล้วอมยิ้ม ทั้งๆ ที่รู้จากปากของลูกศิษย์ตัวน้อยแล้วนั่นเอง “ผมทำเองครับ” เพราะบุตรสาวชอบทานเมนูนี้เป็นพิเศษเขาจึงทำให้ ใส่ปิ่นโตเล็กๆ สีหวานน่ารักมาให้ทานที่โรงเรียนทุกวัน “ไข่เจียวกุ้งสับไหมครับยายหนู” “ดีค่ะคุณพ่อ” นรีรัตน์เลื่อนจานไปให้บิดาตักให้ คุณครูสาวเลยหยิบซอสมะเขือเทศมาราดให้อีกด้าน เด็กสาวขอบคุณก่อนจะตักเคี้ยวตุ้ยๆ อย่างเอร็ดอร่อย “คุณครูชิมยำปลาดุกสิคะ อร่อยมากๆ เลยค่ะ” นรีรัตน์ตักอาหารให้คุณครูสาวอย่างเอาใจ ภคนีอมยิ้มแต่ไม่ว่าอะไร สองพ่อลูกสั่งอาหารเมนูหนักไปทางปลาจริงๆ แต่ปลาที่นี่เนื้อหวานไม่คาว รสชาติอร่อยจนเธอชักจะติดใจ นานๆ จะได้เจอร้านอาหารอร่อยๆ แบบนี้สักที “ขอบใจจ้าสาวน้อย” ขอบใจเสียงหวานแล้วตักมาชิมก่อนจะอมยิ้มให้อีกครั้ง “ต้มยำครับคุณครู จะได้คล่องคอ” สองพ่อลูกเอาใจภคินีอย่างต่อเนื่อง “ต้มยำเค้าอร่อยนะคะ ไม่เผ็ดเกินไป แต่รสชาติเข้มข้นมาก” เธอวิจารณ์อาหารตามความเคยชิน เพราะปกติก็เป็นคนชอบทำอาหารทานเอง มากกว่าออกไปทานนอกบ้าน “เจ้าของร้านเป็นเพื่อนผมเองล่ะครับ” นนท์เฉลยเมื่อเห็นคุณครูสาวถูกใจในรสชาติอาหารที่เขาพามารับประทาน “เหรอคะ ว่าทำไมคุณนนท์อุตส่าห์ขับรถมาเสียไกลเลย” แม้จะอยู่ใกล้บ้านเขา แต่บ้านเธอก็คงจะฟาก เธอคิดว่าเขาจะพาไปทานร้านใกล้ๆ จะได้ไม่ต้องขับรถวกไปวนมาเสียไกลแบบนี้ “ผมอยากพามาทานร้านอร่อยๆ น่ะครับ กลัวยายหนูงอแงด้วย รายนี้ถ้าไม่อร่อยก็กินเหมือนแมวดม” พูดแล้วหันไปขยี้ศีรษะเล็กๆ อย่างเอ็นดู ภคินีมองภาพนั้นแล้วยิ้มตาม ผู้ชายคนนี้อบอุ่น อ่อนโยน แถมยังรักครอบครัว “คุณครูอยู่กับลูกชายเหรอครับ” เขาเริ่มถามเรื่องส่วนตัวของเธอ อยากรู้สถานะความเป็นอยู่ของคุณครูสาวบ้าง “เปล่าค่ะ นีอยู่คนเดียว ส่วนตาคิมอยู่หอน่ะค่ะ ลูกชายของนีชื่อภาคิม เมื่อก่อนตาคิมอยู่กับตายาย พอดีนีได้งานเป็นครูอนุบาลที่นี่ก็เลยมาสอนน่ะค่ะ คือผอ.ปัจจุบันเป็นเพื่อนของนีเอง เค้าอยากได้ครูที่รักอาชีพนี้จริงๆ เพราะเป็นครูอนุบาลต้องรักเด็กอย่างแท้จริง ไม่อย่างนั้นตีเด็กตายเลยค่ะ เพราะเด็กแต่ละคนซนมากๆ ต้องใช้จิตวิทยาและความอดทนและมีเหตุมีผลเข้าใจเด็กค่ะ” เธอพูดแล้วหัวเราะเบาๆ ดวงตาเป็นประกายทอแสงบ่งบอกว่าภูมิใจกับอาชีพที่ทำอยู่อย่างมากมาย นนท์เห็นแล้วนึกชื่นชม ถ้าคุณครูของประเทศเป็นแบบนี้ทุกคน คงจะดีไม่น้อย  “คุณครูนีเก่งมากๆ เลยนะครับ ผมเข้าใจเลยครับ ขนาดยายหนูนี่ซนจนแม่บ้านเอาไม่อยู่เลยครับ” หันไปมองลูกสาวตัวน้อยที่ตั้งหน้าตั้งตากินไม่พูดขาผู้ใหญ่แม้แต่คำเดียว “คุณพ่อนินทาหนูนาระยะเผาขนเลยนะคะ” เด็กน้อยเงยหน้าขึ้นมองด้วยสายตาซุกซน “แล้วจริงไหมล่ะครับ เราเปลี่ยนพี่เลี้ยงมากี่คนแล้ว” เขาขยี้ศีรษะบุตรสาวอย่างเอ็นดู ยายตัวแสบส่ายหน้าไปมา ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ “ก็พวกนั้นชอบขัดใจหนูนานี่คะ” เด็กน้อยไม่ได้บอกว่าขวางหูขวางตาเพราะทำท่าจะมาจับบิดาของเธอเป็นสามี กลัวจะโดนหาว่าแก่แดดเอาอีก “นั่นไงครับ เราอย่าเอาแต่ใจมากสิครับ เดี๋ยวไม่มีใครอยากอยู่ด้วยนะ” เขาหยิกแก้มยุ้ยๆ นั้นพร้อมกับสั่งสอนไปพร้อมๆ กัน “คุณครูนีไงคะ ไม่เห็นเคยขัดใจหนูนาเลย” เมื่อโดนบิดาดุเลยหันไปหาพวก “คุณครูคงปวดหัวแย่เลยนะครับ ยายหนูคงเอาแต่ใจ ผมเองก็ผิดตามใจแกมากเกินไป” นนท์แอบยื่นหน้าไปกระซิบ ลมหายใจในระยะใกล้ชิดทำให้แก้มสาวแดงเรื่อ แต่เธอก็พยายามเก็บอาการหวั่นไหวนั้นเอาไว้ “เปล่าเลยค่ะ มันก็ต้องมีวิธีการกันนิดหนึ่ง” คุณครูสาวกระซิบตอบกลับไปเสียงนุ่ม คนฟังถึงกับอมยิ้ม เขาเองก็หวั่นไหวแปลกๆ เหมือนเพิ่งแตกเนื้อหนุ่มใหม่ๆ เมื่อได้กลิ่นหอมกรุ่นของแก้มสาว ถ้าไม่บอกว่าเธอผ่านการมีลูกมาแล้ว และอายุอานามสามสิบแปดสามสิบเก้า เขาคงคิดว่าเธอเป็นสาวโสดที่อ่อนกว่าอายุจริงหลายปี “คุณครูกับคุณพ่อมีความลับอะไรกันคะ บอกหนูนาด้วยสิ” เด็กน้อยยื่นหน้าเข้าไปหาคนทั้งสองบ้าง “กำลังพูดกันว่าอาหารอร่อยครับ” นนท์หันมาตอบเสียงนุ่ม “อย่าโกหกนะคะ” เด็กน้อยดักคออย่างรู้ทัน “ว้า... รู้ทันซะแล้ว” นนท์ขยี้ศีรษะบุตรสาวอย่างเอ็นดู ภคินีเห็นแล้วอมยิ้มอีกครั้ง สองพ่อลูกน่ารักจนเธอแทบยิ้มไม่หุบ นนท์ชอบขยี้ศีรษะบุตรสาว ไม่ก็หยิกแก้ม ไม่ก็หยอกล้อ แต่สิ่งที่เธอเห็นคือเขาจะคอยถามไถ่ตักอาหารให้นรีรัตน์ตลอดด้วยความใส่ใจ แถมยังเผื่อแผ่มายังเธอด้วย “หนูนาทานแกงจืดไหมคะ คุณครูตักให้” เธอชิมแกงจืดแสนอร่อยแล้วหันไปถามเด็กน้อยที่กำลังเคี้ยวอาหารอย่างเอร็ดอร่อย “ได้ค่ะ เอาเต้าหู้ไข่นะคะ หนูนาชอบค่ะ” รีบพยักหน้ารับคำทันทีเพราะเป็นอาหารสุดโปรดอีกอย่างหนึ่งที่บิดาชอบทำให้ทานเวลาเร่งรีบ เพราะบิดาบอกว่ามันทำง่ายกว่าอาหารอื่นๆ “กินเก่งแบบนี้โตไวๆ แน่เลยค่ะ แล้วรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ก็จะฉลาดด้วย” คุณครูสาวเอ่ยชมเสียงหวาน มีเด็กหลายคนที่บิดามารดาต้องบังคับให้กินข้าวเพราะงอแงกินแต่ขนมไม่มีประโยชน์ แต่นรีรัตน์ไม่ใช่ เด็กคนนี้ฉลาด รู้จักประจบประแจง แววตาเศร้าๆ ที่ชอบมองเด็กคนอื่นๆ ถูกมารดาจูงมือกลับทำให้เธอนึกสงสารทุกครั้ง แค่คิดก็อยากโอบกอดเอาไว้ในอ้อมแขน ปลอบประโลมให้อีกฝ่ายคลายจากความเศร้าสร้อยและน้อยอกน้อยใจในเรื่องที่ตัวเองขาดมารดาผู้ให้กำเนิดตั้งแต่เด็ก “หนูนาทานเผ็ดได้ด้วยนะคะ” เด็กน้อยอวดอ้าง “เก่งจังค่ะคุณครูทานได้นิดหน่อยค่ะ ถ้าเผ็ดจัดทานไม่ได้ค่ะ” ภคินีพูดคุยโต้ตอบกับลูกศิษย์ตัวน้อยอย่างคุ้นเคย “หนูนาก็ทานได้นิดหน่อยเหมือนกันค่ะ” ตอบแล้วหันไปสนใจกับข้าวที่บิดาตักมาให้อย่างอารมณ์ดี บรรยากาศในการรับประทานอาหารอบอุ่นและเป็นกันเอง มีเสียงหัวเราะเบาๆ เกิดขึ้นที่โต๊ะอาหารเพราะความน่ารักของเด็กน้อย นนท์ทอดสายตามองหญิงสาวที่เข้ากับบุตรสาวของเขาได้ดี แล้วรู้สึกมีความสุขอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ถ้าภคินีได้เข้ามาอยู่ในบ้านดูแลนรีรัตน์แบบนี้ทุกวันก็คงจะดีสินะ เขารู้สึกว่าสิ่งที่ขาดหายได้กลับมาแล้ว กลับมาเติมเต็มครอบครัวของเขาอีกครั้งและตลอดไป หลังจากรับประทานอาหารมื้อพิเศษเสร็จสิ้น พ่อหม้ายหนุ่มก็เลี้ยวรถกลับมาส่งคุณครูสาวที่บ้านของเธอ เขาขับเรื่อยๆ ไม่รีบร้อนเอาใจตัวแสบที่นั่งอยู่เบาะหลังด้วยดวงตาเป็นประกาย รู้ดีว่าอยากใช้เวลาอยู่กับคุณครูประจำชั้นให้นานที่สุด แถมยังคุยจ้อซักถามอะไรหลายอย่างที่ดูเป็นประโยชน์กับการจีบของคนเป็น ‘พ่อ’ เสียเหลือเกิน คุณครูคนสวยก็ดูเต็มอกเต็มใจที่จะตอบคำถามช่างซักของลูกศิษย์ตัวน้อย เธอเหมาะที่จะเป็นคุณครูอนุบาลเสียจริง เพราะไม่มีท่าทีรำคาญให้เห็นแม้แต่น้อย นนท์นึกชื่นชมคุณครูสาวในใจ แบบนี้นี่เอง บุตรสาวของเขาถึงได้เคารพรักภคินีหนักหนา เพราะนอกจากจะไม่รำคาญแล้ว ยังมีวิธีการตอบที่ดีเยี่ยม ทำให้คนฟังถึงกับอมยิ้มและเกรงใจในเวลาเดียวกัน ผู้หญิงคนนี้มีดีอยู่ในตัวเอง นนท์คิดเงียบๆ ในใจอย่างพึงใจ และเขาก็จะเดินหนีรุกจีบให้สำเร็จให้จงได้ ไม่ใช่เพราะลูกร้อยเปอร์เซ็นต์แต่ตอนนี้เพราะใจเขากลับชอบคนที่นั่งข้างๆ เข้าเต็มเปาเสียแล้ว...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD