“หนูนาไม่เอาครับ กวนคุณครูแบบนั้นได้ยังไง”
“ไม่กวนหรอกค่ะ จริงๆ หนูนาแกเป็นเด็กขี้อ้อน คุยจ้อเชียวค่ะ ช่างพูดช่างคุย อยู่ด้วยแล้วหายเหงาไปเลยค่ะ”
“ขอบคุณมากครับคุณครูที่เอ็นดูแก และต้องขอโทษด้วยถ้าแกจะทำให้คุณครูต้องลำบากอะไร หนูนาแกขาดแม่ตั้งแต่เด็กน่ะครับ” นนท์ยังพูดอย่างเกรงใจ
“น่าสงสารแกนะคะ คงอยากมีแม่เหมือนคนอื่นๆ เขา” ภคินีพูดด้วยความเอ็นดูระคนสงสาร
“ครับ รบเร้าผมใหญ่เลย แต่ผมก็ไม่รู้จะไปหาที่ไหน” นนท์พูดติดตลก เพื่อสร้างความเป็นกันเองกับคุณครูสาว
“คุณแม่ของแกเสียนานแล้วเหรอคะ” ภคินีเอ่ยถาม ขณะที่ปล่อยให้เด็กน้อยวิ่งไปหาเพื่อนรักอีกด้านหนึ่ง
“ตั้งแต่แกคลอดน่ะครับ ผมเลี้ยงแกมาตลอด อีกอย่างนึง ถ้าจะหาคนมาเป็นแม่ของแก ผมก็อยากจะให้ผู้หญิงคนนั้นรักแกจากใจจริงด้วยครับ” เขาเป็นผู้ชายมีความต้องการก็จริง แต่เขาไม่ใช่พ่อหม้ายตัวเปล่าๆ ดังนั้นเรื่องความต้องการตามประสาผู้ชายเขาหาเอานอกบ้านได้ แต่กับบุตรสาวคนเดียว เขาต้องรักและดูแลให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้
“หายากนะคะคุณพ่อที่น่ารักแบบคุณนนท์ แต่จริงๆ แล้วนีว่ามีผู้หญิงมากมายให้คุณนนท์เลือกนะคะ แต่คุณนนท์คงไม่สนพวกเธอเสียมากกว่า”
ภคินีพูดแล้วอมยิ้ม คนหน้าตาดี ฐานะดี แถมยังดูหนุ่มแน่นอย่างนนท์ ไม่น่าจะร้างหญิงสาวมาเคียงข้าง เขาคงต้องมีบ้าง แต่อาจจะชั่วครั้งชั่วคราวเพราะไม่อยากให้บุตรสาวมีปัญหาเรื่องแม่เลี้ยงลูกเลี้ยง เธอคิดว่าเธอเดาถูกเพราะเขาดูดีมาก ทั้งสุภาพและอ่อนโยน ยิ่งเป็นพ่อหม้ายแถมร่ำรวย ไร้ภรรยา ใครๆ ก็อยากมาอยู่ในตำแหน่งนั้นแทนที่คนเก่าที่ตายจากไปแล้ว
“ไม่มีหรอกครับ ใครจะสนใจพ่อหม้ายลูกติดอย่างผมกัน”
“แหม... ถ่อมตนจังนะคะ ถึงจะเป็นพ่อหม้ายแต่คุณนนท์เป็นคนดี รักครอบครัว ขยันขันแข็งออกแบบนี้ มีคนอยากจะสมัครเป็นแม่ของหนูนาเยอะแน่ๆ เลยค่ะ” คุณครูสาวเอ่ยเสียงสุภาพด้วยรอยยิ้ม เมื่อเขาเป็นกันเองไม่ถือตัว
“ไม่มีจริงๆ ครับ วันๆ ผมทำแต่งาน แล้วก็ดูแลลูก ไม่ได้สนใจผู้หญิงที่ไหนเลย” นนท์ยกมือขึ้นลูบท้ายทอยไปมา บอกด้วยน้ำเสียงอายๆ ซึ่งจริงๆ เขาก็เป็นแบบนั้นบางส่วน แต่บางส่วนก็มีปลดปล่อยกันบ้างตามประสาผู้ชาย แค่ไม่บ่อยจนกลายเป็นหมกมุ่นเท่านั้น
“สงสัยคุณนนท์จะรักเดียวใจเดียวกับแม่ของหนูนามากๆ นะคะ เลยไม่สนใจคนอื่นจริงๆ แบบนี้”
“ครับ แต่เมื่อก่อนผมก็ไม่ได้จีบแม่ของยายหนูหรอกครับ ผู้ใหญ่จัดให้” เขาบอกตามจริง เพราะติดจะเป็นคนขี้อาย เรียบร้อยเด็กเรียน ขยันขันแข็งในการทำงาน เลยไม่ค่อยได้สนใจสาวๆ คนไหน อาจมีบ้างตามประสาคนโสด แต่เมื่อเขาแต่งงานก็ไม่เคยนอกลู่นอกทางเลยสักครั้ง
“เดี๋ยวนี้ยังมีคลุมถุงชนกันอีกเหรอคะ”
“ก็มีครับ พ่อกับแม่ของผมกับพ่อกับแม่ของแม่ยายหนูให้ลองศึกษากันก่อน ผมเป็นพวกขี้อายไม่กล้าจีบใคร พ่อแม่เป็นห่วงกลัวขึ้นคาน ก็เลยหาคู่ให้ แต่แม่ของยายหนูน่ารัก ผมเลยตกลงปลงใจกับผู้ใหญ่ อีกอย่างเธอเองก็ไม่ได้รังเกียจผม”
“แบบนี้คงกินแห้วสิคะ ถ้าจะจีบใครมาเป็นแม่ของหนูนาอีกคน”
“ผมก็ว่าอย่างนั้นล่ะครับ” นนท์พูดแล้วหัวเราะ ภคินีจึงหัวเราะตาม
“จริงๆ นีล้อเล่นนะคะ” เธอรู้ว่าเขาถ่อมตน มีผู้หญิงทอดสะพานให้ เขาคงไม่สนต่างหาก
“ล้อเล่นเรื่องอะไรครับ” นนท์ถามอย่างงุนงง
“เรื่องกินแห้วน่ะสิคะ บางทีเนื้อคู่อีกคนของคุณนนท์อาจจะกำลังรออยู่ก็ได้นะคะ” เธอพูดยิ้มๆ ให้กำลังใจเขา
“เนื้อคู่ผมอาจจะไม่มีแล้วก็ได้ครับ” เขาตอบกลับเสียงนุ่ม ค่อยๆ ทอดสายตามองคุณครูสาวที่บุตรสาวคลั่งไคล้หนักหนาเพื่อเก็บรายละเอียดอย่างเงียบเชียบ เธอดูดี วางตัวดี ยิ้มง่าย และดูใจดี
“เคยมีคนบอกว่าเนื้อคู่มีหลายคนค่ะ เพราะเกิดหลายชาติ” เธอพูดติดตลก เพราะตัวเองก็เป็นหม้ายสามีตาย ผู้ใหญ่ก็อยากให้ลองศึกษาดูใจคนใหม่ เผื่อจะได้ดูแลกันยามแก่เฒ่า เธอเองยังไม่คิดจะมีใครใหม่ เพราะยังรักฝังใจกับบิดาของบุตรชาย และยังหาคนที่ดีพอที่จะรับเธอและลูกไม่ได้
“คุณครูนีเชื่อเรื่องนี้ด้วยเหรอครับ” นนท์ถามอย่างแปลกใจ
“ก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งค่ะ” เธอพูดเสียงนุ่ม ทำท่าคิดตาม
“แล้วคุณครูล่ะครับ ไม่คิดจะหาใครมาดูแลบ้างเหรอครับ” ภคินีหัวเราะเสียงสดใสเป็นประกายตามประสาคนอารมณ์ดี ก่อนตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลตามนิสัยของเธอ
“คงไม่มีใครสนใจแม่หม้ายลูกติดอย่างนีหรอกค่ะ อีกอย่างนึงนีกับลูกก็โอเคดีค่ะ”
“ลูกของคุณครูอายุเท่าไหร่แล้วครับ โทษนะครับผมถามได้ไหม”
“โตแล้วค่ะ สิบแปดแล้ว ปีนี้แกเข้าเรียนมหาลัยปีหนึ่งค่ะ สอบได้คณะแพทย์ศาสตร์ค่ะ”
“เก่งจังเลยครับ ผมน่ะมีลูกตอนอายุเยอะแล้ว มัวแต่ทำงานไม่กล้าจีบสาว กว่ายายหนูจะโตผมคงแก่เป็นคุณตาแล้วครับ”
“คุณนนท์ไม่เห็นแก่เสียหน่อยนี่คะ พูดเสียตัวเองแก่มากขนาดนั้น”
“ปีนี้ผมสี่สิบแล้วนะครับ ตอนแต่งงานก็สามสิบสามสามสิบสี่แล้ว ตอนแม่ยายหนูท้องยายหนูผมก็สามสิบสี่ ยายหนูคลอดผมก็สามสิบห้าพอดี”
“แบบนี้ไม่เรียกแก่หรอกค่ะ”
“ให้กำลังใจผมจังเลยนะครับ”
“นีน่ะมีลูกเร็วมากค่ะ ยี่สิบได้มั้งคะ คบกับพ่อของตาคิม พอเรียนจบก็แต่งงานกัน แต่มีลูกก่อนแต่งค่ะ” เธอบอกตามตรง แปลกใจตัวเองเหมือนกันที่กล้าเล่าเรื่องนี้ให้คนตรงหน้าฟัง
“ดีสิครับมีลูกทันใช้” เขาพูดตามที่คนเฒ่าคนแก่เค้าพูดกัน ภคินีอมยิ้มไม่ได้ว่าอะไร ก่อนจะเปลี่ยนไปคุยเรื่องลูกศิษย์ตัวน้อยแสนน่ารักแทน
“หนูนาตื่นเช้าจังเลยนะคะ มาโรงเรียนก่อนเด็กคนอื่นๆ เลยค่ะ” ภคินีพูดเสียงอ่อนโยน เพราะเธอเองก็มาทำงานเช้าเหมือนกัน นรีรัตน์จะมาโรงเรียนก่อนเด็กคนอื่น โดยเฉพาะช่วงเวลานั้นยังไม่มีใครมานอกจากครูเวรที่ยืนรอรับอยู่หน้าโรงเรียนเท่านั้น หรือไม่ก็จะมีเพื่อนสนิทของเด็กหญิงตัวน้อยที่อยู่ใกล้โรงเรียนมาพร้อมๆ กัน หรือไล่เลี่ยกัน
“แกอยากมาเล่นกับเพื่อนรักของแกน่ะครับ” เขาหมายถึง รวิอร เพื่อนรักของบุตรสาวที่เข้าขากันดี ซนก็ซนเหมือนกัน คุยจ้อเหมือนกัน แถมยังชอบอะไรเหมือนๆ กัน
“รวิอรน่ะเหรอคะ ขานั้นก็มาเช้าค่ะ พ่อแม่เค้างานยุ่งเลยเอาลูกมาทิ้งไว้ตั้งแต่เช้า” พูดด้วยความเอ็นดู
“แกพูดถึงแต่คุณครูนีบ่อยมากนะครับ ผมแทบอยากจะพูดว่าคลั่งน่ะครับ เหมือนคลั่งดาราที่ชอบสักคน พอตื่นขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวกินข้าว อยากจะมาโรงเรียนมาเจอคุณครูนี เวลาแกนึกอะไรขึ้นมาได้ ก็บอกว่าครูนีสอนอย่างโน้นอย่างนี้ครับ” นนท์พูดตามจริง เขาเห็นบุตรสาวเอาแต่พูดถึงครูประจำชั้น เรียกว่าหายใจเข้าหายใจออกเป็นคุณครูนีก็ว่าได้
“จริงเหรอคะนี่” ภคินียิ้มกว้าง แม้จะคลั่งไคล้กับการที่ลูกศิษย์ตัวน้อยชอบเธอพอสมควร แต่เขาถึงกับใช้คำว่าคลั่งก็ทำให้เธอรู้สึกเขินอย่างบอกไม่ถูก
“จริงสิครับ แกรักคุณครูมาก คุณครูคนอื่นๆ แกไม่เคยเห็นพูดถึงเลย จนตอนนั้นผมอยากมาทำความรู้จักเลยครับ”
นนท์พูดตามจริง และมีจุดประสงค์อื่นในใจด้วยตามคำยุยงของบุตรสาว เลยอยากจะมาเห็นหน้าคุณครูสาวแสนสวยสักครั้ง เขาเองก็แทบไม่เชื่อว่าภคินีจะอายุ สามสิบแปดย่างสามสิบเก้าเข้าไปแล้ว เธอยังดูเด็กกว่าอายุจริงหลายปี น่าจะเหมือนคนอายุสามสิบต้นๆ เพราะยังสาวยังสวย แถมยังดูอ่อนโยนอย่างไม่น่าเชื่อ
“ก็รู้จักแล้วนี่คะ” เธอพูดยิ้มๆ นนท์ลูบท้ายทอยไปมา เขาคงรุกเพียงแค่นี้ เพราะจีบผู้หญิงไม่ค่อยเป็น กลับบ้านบุตรสาวรบเร้าแต่จะให้เขาจีบคุณครูประจำชั้นคนนี้ไปเป็นแม่ให้ได้