“โอ๊ย พี่จุ๊บแจงจ๋า... หนูนาจะตายตามพี่จุ๊บแจงไปแล้ว ดูพี่เอกทำสิ” นรีรัตน์เอานิ้วตัวเองมาดูดจ๊วบๆ เมื่อเห็นเอกวัฒน์เลื่อนใบหน้าลงไปซุกที่กลางหว่างขาของจุ๊บแจง แล้วดูดเลียเหมือนคนอดอยากหิวโหย คนแอบมองหน้าห้องถึงกับเสียวท้องน้องวาบ
“อึ้ย... จั๊กจี้แทน แต่มันก็เสียวๆ แปลกๆ สองผัวเมียนี่รุนแรงใช่ย่อย ถ้าเตียงพังจะหัวเราะให้ฟังร่วงเลย” นรีรัตน์แอบปิดตา บางครั้งแต่ก็แอบมองลอดนิ้วที่เป็นช่องว่าง เหมือน อยากๆ ไม่อยากๆ สุดท้ายก็อยาก...ดู
“พี่เอกจ๋า... ตรงนั้น เสียวจัง” จุ๊บแจงร้องบอกเสียงสั่น
นรีรัตน์ตัวสั่นตามไปด้วย เธอรู้สึกเสียวปลาบแปลบไปทุกรูขุมขน แถมยังรู้สึกแปลกๆ ตรงซอกทางรักของตัวเอง พอเลื่อนมือลงไปสัมผัสโดยการสอดมือเข้าใต้กระโปรงตัวสั้นก็พบกับน้ำหวานเหนียวๆ ที่ไหลรินออกมาอย่างมิอาจหักห้าม
เอกวัฒน์ยกร่างภรรยาขึ้นคร่อมก่อนจะสลับหัวกันไปมา ให้ศีรษะของเขาตรงหว่างขาของเธอ และศีรษะของเธออยู่ตรงหว่างขาของเขา พร้อมด้วยการดูดกลืนกันและกันอย่างกระหายหิว
ลิ้นร้อนๆ ของทั้งคู่ทำงานได้อย่างดีเยี่ยมต่างกลืนกินกันด้วยความหื่นกระหาย นรีรัตน์หายใจหอบถี่ เธอเผลอลูบนิ้วไปกับกลีบกายสาวฉ่ำน้ำหวานบางเบา ลากไปลากมาแล้วสยิวก็เลยลากซ้ำๆ อยู่แบบนั้นจนเร็วถี่ขึ้น หายใจหอบขึ้น
“พี่เอกจ๋า... ไม่ไหวแล้ว”
“พี่ก็เหมือนกันจ้ะเมียจ๋า”
“โห... พี่เอกกับพี่จุ๊บเล่นท่ายากเลยแฮะ”
เด็กอยากรู้อยากเห็นตาโตเท่าไข่ห่านเมื่อสองหนุ่มสาวหมุนกายกลับหัวกลับหาง ก่อนที่เอกวัฒน์จะพลิกร่างภรรยาสาวให้นอนตะแคงแล้วเสียบแทงเข้าไปในขณะที่เขาคุกเข่าอยู่
นรีรัตน์เช็ดน้ำลายติ่งๆ ของตัวเองไปมา นิ้วเล็กๆ ยังไม่หยุดลูบไล้กลีบดอกไม้ฉ่ำเยิ้มของตัวเอง ก่อนจะเห็นชายหนุ่มนอนตะแคงแนบร่างภรรยาในขณะที่ยังสอดประสานอยู่ โดยทั้งคู่หันหน้ามาทางเธอพอดี คนแอบมองโดยไม่ได้ตั้งใจตาโตยิ่งกว่าเดิมเมื่อเห็นชิ้นเนื้อแกร่งรกไปด้วยดงไหมหยาบกระด้างวิ่งเข้าวิ่งออกในซอกทางรักของจุ๊บแจงที่ปกคลุมด้วยดงไหมเรียงตัวเป็นกระจุกดูอ่อนโยนกว่า
“แม่เจ้า... ไม่น่าเชื่อ” ไม่น่าเชื่อว่าอวบใหญ่แบบนั้นจะทะลุทะลวงเข้าไปในซอกเนื้อคับแคบของฝ่ายหญิงได้ เธอมองแทบไม่กะพริบตา ขยี้ตาอีกรอบ เช็ดน้ำลายไปด้วยความตื่นเต้นระคนเขินอายนิดๆ
“ผู้ชายทำไมมีขนเยอะขนาดนั้นนะ พี่หมอจะมีขนแบบนี้ด้วยหรือเปล่าหนอ” เธอส่ายหน้าไปมาเมื่อเริ่มคิดฟุ้งซ่าน เพิ่งมาอยู่ที่นี่ได้สองสามวันก็ได้ดูหนังสดเสียแล้ว เกิดมาไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อน
หญิงสาวยกมือขึ้นทาบอก รู้สึกว่าหัวใจเต้นแรงเหมือนจะผิดปกติ หรือทะลุกระเด็นออกมาภายนอก เธอมองการกระทำของคนทั้งสองเพลินจนลืมเวลาว่าผ่านไปกี่นาทีหรือกี่ชั่วโมงเข้าไปแล้ว
นรีรัตน์เห็นเอกวัฒน์พลิกร่างภรรยาให้นั่งคุกเข่าแล้วเขาก็จับบ่าเธอเอาไว้แล้วควบขี่อย่างเมามัน เสียงเตียงลั่นเป็นจังหวะเหมือนจะพังแหล่มิพังแหล่ คนแอบมองสอดนิ้วเข้าปากดูดเบาๆ ด้วยความเสียวแทนคนด้านใน
ให้ตายสิ! ทำไมขาแข็งขยับไม่ได้อย่างนี้นะ ถ้ายังขืนแอบมองแบบนี้สงสัยเป็นตากุ้งยิงแหง แต่มันก็ยังไม่จบกระบวนการนี่นา น่าจะหนีทันก่อนที่พี่สองคนจะเห็น ปักหลักอยู่อีกสักแป๊บหนึ่งคงไม่เป็นไร
ใจของนรีรัตน์แบ่งออกเป็นสองฝักสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งเป็นฝ่ายอธรรม อยากดูๆๆ จนไม่อยากขยับไปไหน ฝ่ายหนึ่งเป็นฝ่ายคุณธรรม บอกตัวเองว่าแอบมองผัวเมียเล่นรักกันมันไม่ดีนะ ใครรู้เข้าอายเขาตาย คนที่จะอายคือคนแอบมอง แต่คนที่เขาทำอะไรกันข้างในอย่างคึกคักเป็นผัวเมียกัน ก็ธรรมดาของผัวเมีย อาจจะไม่อายด้วยซ้ำ ไม่งั้นคงไม่มาจ้ำจี้กันกลางวันแสกๆ แบบนี้
แต่... มันมีให้ดูก็ดูไปเถอะ ของดีๆ แบบนี้หาดูได้ยากนะ ในที่สุดอธรรมก็ชนะคุณธรรมจนได้ นรีรัตน์ลอบกลืนน้ำลายติดกันหลายครั้ง มือจิกขอบประตูเอาไว้แน่น อีกมือก็ยังลูบเล่นที่เนินสาวด้วยความเพลิดเพลิน
เธอเห็นจุ๊บแจงเกร็งร่างแล้วหวีดร้องเสียงระส่ำก็แทบจะกรีดร้องตาม ดีที่เอามืออุดปากตัวเองเอาไว้ทัน เสียงคร่ำครวญว่าใกล้แล้วๆ แทบจะขาดใจทำให้นรีรัตน์ถอนใจเฮือกแล้วเฮือกเล่า เธอก็ใกล้แล้วเหมือนกัน ใกล้จะหมดแรงเพราะการแอบมองที่กินเวลายาวนานเกินไปแล้ว
“จุ๊บจ๋า... แยกขากว้างๆ เลยเมียยอดรักของผัว ผัวจะไม่ยั้งแรงแล้วนะ”
พอสามีสั่งปุ๊บ จุ๊บแจงก็รีบทำตามอย่างรวดเร็ว ทั้งๆ ที่เขาเพิ่งส่งเธอไปสวรรค์ชั้นฟ้า แต่เมื่อเขาสอดประสานลงมาอย่างต่อเนื่อง อารมณ์ของเธอก็ค่อยๆ เพลิดขึ้นอีกตามอารมณ์พิศวาส
“พี่จุ๊บจะเป็นอะไรไหมนั่น พี่เอกตัวใหญ่ยังกับยักษ์ ดูกระแทกเข้า น่ากลัวชะมัด”
เสียงเนื้อกายของคนด้านในทำให้นรีรัตน์ปิดตาบ้างแอบเปิดตาบ้างอยู่แบบนั้น เพราะมันกระแทกรุนแรงเสียเหลือเกิน
“พี่เอกซาดิสก์เกินไปหรือเปล่านะ พี่จุ๊บแจงก็ครางเหมือนจะขาดใจ แต่ก็บอกให้ทำต่อ เออนะ... คนเรานี่แปลกจริง ผู้ชายกับผู้หญิงเค้าทำอะไรกันดุเดือดขนาดนี้เลยเหรอเวลานอนด้วยกันในห้องหับสองต่อสอง”
“หรือพี่จุ๊บแจงจะชอบแบบรุนแรง เห้อ...” ถอนใจแล้วค่อยๆ คลานหนีออกมาจากประตูเมื่อเห็นคนทั้งสองกำลังจะเสร็จกิจกรรมอันเร่าร้อน ปากก็บ่นไปไม่มีหยุด
“ฟัดกันยังกับเตียงจะพัง ทำเหมือนจะไปออกศึกที่ไหน กลัวไม่มีคนรู้หรือไงว่าทำอะไรกันอยู่ หนุ่มสาวเดี๋ยวนี้ล่ะทำหนูนาเพลียจริงๆ” เธอส่ายหน้าไปมา โทษสองผัวเมียในห้อง ทั้งๆ ที่ตัวเองมาแอบมองเขา ก่อนถอนใจเฮือกๆ คลานไปอีกนิดก็เจอรองเท้าของใครคนหนึ่ง
“รองเท้าใครคุ้นๆ ขัดซะมันวาววับเชียว คุ้นจริงๆ นะ เหมือนของพี่หมอเลย” เธอค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองก่อนจะหงายหลัง
“พี่หมอ!!!”
“ทำอะไรหนูนา!!!”
“แอบมองพี่เอกกับพี่จุ๊บแจงขย่มกันบ่นเตียง เฮ้ย! ไม่ใช่ หนูนาหาของ ของหาย” นรีรัตน์เผลอสารภาพออกมาด้วยความตกใจ ก่อนจะตีเนียนก้มหน้าก้มตาหาของหน้าแดงจัดด้วยความอาย!!!
แต่หลังฐานคาตาแบบนี้ แล้วสองผัวเมียก็วิ่งออกมาทั้งที่สวมใส่เสื้อผ้าไม่เรียบร้อยเพราะได้ยินเสียงคนคุยกัน ทุกอย่างเป็นอันจบเห่ เมื่อพยานก็ออกมายืนยันความจริงอันน่าสยิวกิ้ว
“ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โตแน่ๆ เลย ยายหนูนา เป็นลมหนีความผิดดีกว่า เฮือกๆๆๆ หนูนาเป็นลมแล้วค่า... คร่อกฟี้ๆๆ” นรีรัตน์เป็นลมคอพับคออ่อนหนีความผิดลงตรงนั้นแบบไม่ขยับเขยื้อน ภาคิมแทบจะเอาเท้าก่ายหน้าผาก... ให้มันได้อย่างนี้สิ ยายหนูหื่น!!!
หลายปีก่อน...
“คุณครูนีขา...” เสียงเล็กๆ ของเด็กน้อยนามว่านรีรัตน์รีบดิ้นลงจากอ้อมแขนของบิดา ก่อนจะวิ่งถลาเข้าไปหาคุณครูประจำชั้นอนุบาลที่เธอรักนักหนา
“อย่าวิ่งค่ะหนูนา เดี๋ยวหกล้มเอานะลูก” ภคินีรีบนั่งยองๆ ลงแล้วอ้าแขนออกรับร่างเล็กๆ ของเด็กน้อยเอาไว้ ก่อนจะกอดหอมด้วยความเอ็นดู
“มีคุณครูนีอยู่ หนูนาไม่กลัวหรอกค่ะ” เด็กน้อยพูดอย่างน่ารัก กอดคอของคุณครูคนสวยเอาไว้
“หนูนาให้คุณครูอุ้มแบบนั้น หนักแย่เลยเลย” นนท์เอ่ยปรามบุตรสาวด้วยความเกรงใจคุณครูสาว
“ไม่เป็นไรค่ะ” ภคินีตอบรับเสียงนุ่ม เธอเอ็นดูนรีรัตน์มาก จึงไม่ได้คิดว่าเป็นภาระอะไรหากจะอุ้มเด็กน้อยเพื่อแสดงความรักบ้าง
“เห็นไหมคะคุณพ่อ คุณครูนีใจดี๊ใจดีมากๆ เลยค่ะ” นรีรัตน์ซุกหน้าที่ซอกคอของคุณครูสาว นนท์เห็นแล้วอดไม่สบายใจ เพราะความอยากมีแม่มาเกินไปของบุตรสาว อาจทำให้คนอื่นลำบากใจ