Episode 06 "ยิ้ม"

1268 Words
​ Episode 06 งานแต่งงาน “ได้ข่าวว่าการแต่งงานในครั้งนี้ ทางเจ้าบ่าวหมดเงินไปเยอะมากเลย ไม่ทราบว่าพอจะใบ้ได้ไหมคะว่าหมดไปเท่าไหร่” นักข่าวถามขึ้น ขณะที่พวกเรากำลังแถลงข่าวและให้สัมภาษณ์ถึงการแต่งงานในครั้งนี้ “รบกวนใบ้ให้นิดนึงได้ไหมคะ?” “อ่า…ก็พอสมควรครับ แฮะๆ” คุณโรมขำแห้ง ก่อนที่จะเอื้อมมือมากุมมือของเราไว้เบาๆ “แค่แหวนที่นิ้วก็…หลักสิบล้านได้เลย” “ว่าแล้วเชียว เพราะตอนที่กำลังเดินเข้ามา สิ่งที่เตะตาที่สุดก็คงไม่พ้นแหวนแต่งงานในมือเจ้าสาวนั่นแหละค่ะ” นักข่าวคนที่สองพูดตอบ ก่อนที่จะถามคำถามที่สองขึ้นมา “วันนี้ยิ้มหน้าบานเลย ปกติไม่ค่อยยิ้ม ดูท่าจะมีความสุขมากเลยนะคะน้องพริ้งเพรา” “ก็ต้องมีความสุขสิคะ วันนี้เป็นวันแต่งงานของหนูเลยนะ” “เวลาน้องพริ้งเพรายิ้มเนี่ย น่ารักที่สุดเลยค่ะ” เมื่อถามคำถามที่สองจบ ก็ถึงเวลาในการตอบคำถามที่สาม ที่มาจาก… “แต่คุณโรมเขาเจ้าชู้มากเลยนะคะ! ไม่ทราบว่า…น้องพริ้งเพรามีวิธีจัดการกับเรื่องนี้ยังไงคะ!?” มาจากผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ไม่ใช่นักข่าว เธอเดินแทรกเข้ามาและถามคำถามนี้ขึ้นต่อหน้านักข่าวทุกคน “ผู้หญิงคนนี้ชื่อโซเฟีย เคยกินกันอยู่เมื่อหลายเดือนก่อน แต่เขาน่ารำคาญมาก ฉันก็เลยเลิกคุยไป” คุณโรมโน้มตัวเข้ามากระซิบที่ข้างหูของเราเบาๆ “ไม่ได้คุยกันตั้งนานแล้ว ก่อนที่เราจะคุยเรื่องแต่งงานกันด้วยซ้ำ ฉันไม่รู้ว่าเขามาที่นี่ได้ยังไง” “เดี๋ยวฉันจัดการเอง” เรากระซิบตอบกลับไปเบาๆ “แต่ไม่ได้ทำเพื่อช่วยคุณหรอกนะคะ เพราะฉันทำเพื่อปกป้องเกียรติ และศักดิ์ศรีของตัวเองและครอบครัวค่ะ” ว่าจบ เราก็หันไปตอบผู้หญิงคนนั้นทันที “เรื่องนั้นหนูจัดการได้อยู่แล้วล่ะคะ แม้ว่าชื่อเสียงของเขาจะโด่งดังในเรื่องของการเจ้าชู้มากแค่ไหน แต่หนูมั่นใจว่าหนูสามารถทำให้เขาหยุดที่หนูได้ ไม่อย่างนั้น…เขาคงไม่มีทางยอมแต่งงานกับหนูอย่างแน่นอน ถ้าหนูไม่เจ๋งพอ” “แต่ถ้าเขาหยุดที่หนูไม่ได้ หนูก็จะไม่ร้องไห้ให้กับเขา เพราะหนูจะเป็นเมียหลวงยุคใหม่ ยุคที่จะไม่มีวันเสียน้ำตาให้กับผู้ชายเจ้าชู้เด็ดขาดค่ะ” เรายิ้มตอบ ก่อนที่คุณโรมจะพูดแทรกขึ้นมา เพื่อตัดบทการสนทนาของเราทั้งสอง “มีใครจะถามอะไรเพิ่มเติมไหมครับ? พอดีตอนนี้ได้เวลาที่พวกเราจะต้องไปเปลี่ยนชุดแล้ว รีบๆ ถามนะครับ เพราะหลังจากที่แต่งงานเสร็จ พวกเราก็จะไปฮันนีมูนกัน คงไม่มีเวลามาตอบคำถามอะไรอีกแล้วนะครับ แฮะๆ” ระหว่างที่คุณโรมกำลังให้สัมภาษณ์กับนักข่าว เราก็หันไปส่งสัญญาณทางสายตาให้กับผู้เป็นแม่ของตัวเองที่กำลังยืนมองอยู่ห่างๆ เมื่อคุณแม่รับรู้ ท่านก็รีบให้บอดี้การ์ดเข้ามาพาผู้หญิงคนนั้นออกไปทันที เนื่องจากเธอไม่มีบัตรเชิญ แล้วก็ไม่มีชื่ออยู่ในสำนักข่าวที่เราเชิญมาในวันนี้ด้วย “แล้วเรื่องลูก…คิดกันเอาไว้ว่ายังไงครับ? อยากจะมีสักกี่คนดี” นักข่าวผู้ชายหันมาถามเรา หลังจากที่หันไปสัมภาษณ์คุณโรมเยอะแล้ว “ได้คุยกันบ้างหรือยังครับ?” “เรื่องนั้นยังไม่ได้คุยกันเลยค่ะ” คุณโรมหันมาฉีกยิ้มให้เรา หลังจากที่เราตอบคำถามนั้นไป แต่เราไม่ได้หันไปยิ้มตอบกลับเขาเลยสักนิด สำหรับงานวันนี้ เรายิ้มให้กับทุกคน ยกเว้นเขาเพียงคนเดียว “แต่ก็จะมีแน่ๆ เพราะว่าคุณพ่อและคุณแม่ของเราทั้งสองก็แก่มากแล้ว พวกท่านอยากให้เราสองคนแต่งงานกันเร็วๆ จะได้รีบมีหลานให้ท่านเร็วๆ น่ะค่ะ ส่วนจะมีกี่คนอันนี้ก็ยังไม่รู้เลยค่ะ” “มีสักโหลนึงก็น่าจะดีนะครับ 555” โทษนะ…ถ้ามีลูกครบโหลจริงๆ มดลูกเราก็คงเละไม่เหลือซากแล้วล่ะ เอาอะไรมาไหวก่อน ใจเย็นๆ นะ “555 ผมล้อเล่นนะครับ” และหลังจากที่ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวเสร็จ พวกเราก็เข้าสู่พิธีแต่งงานกันต่อ จนมาถึงช่วงเวลาแห่งการโยนช่อดอกไม้ เราขึ้นมายืนอยู่บนเวที โดยมีคุณโรมยืนอยู่ข้างๆ ขณะที่เรากำลังหันหลังให้กับแขกในงานเพื่อที่จะโยนช่อดอกไม้ คุณโรมก็ได้เอื้อมมือมากอดเอวของเราไว้หลวมๆ และพูดขึ้นว่า... “ทำไมเธอถึงยิ้มให้กับทุกคน ยกเว้นฉัน?” “ถ้าอย่างนั้นฉันก็ขอถามคุณกลับบ้างก็แล้วกันนะคะ” “แต่เธอยังไม่ได้ตอบคำถามฉันเลยนะ” “ฉันรู้ค่ะ แต่ทำไมเราต้องฉีกยิ้มให้กับผู้ชายที่ไม่เคยยิ้มให้เราด้วยล่ะ?” “ใครบอกว่าฉันไม่เคยยิ้มให้เธอ ตอนที่กำลังสัมภาษณ์กับนักข่าวฉันก็หันมายิ้มใส่เธอตลอด มีแต่เธอนั่นแหละที่ไม่ยิ้มให้ฉัน” “กรุณาอย่าเอารอยยิ้มจอมปลอมมาเปรียบเทียบกับรอยยิ้มที่จริงใจค่ะ” “เหอะ! เธอนี่มันจริงๆ เลย” เขาหัวเราะในลำคอเบาๆ “ที่ฉันมาแต่งงานกับเธอ มันก็เพราะคุณพ่อและคุณแม่ของฉันบังคับ ไม่อย่างนั้นเราก็คงไม่ได้แต่งงานกัน แล้วถ้าการบังคับนี้ไม่เกิดขึ้น ผู้หญิงอย่างเธอก็คงไม่มีใครอยากแต่งงานด้วยหรอก คงได้ขึ้นคานไปจนตายแน่ๆ” “แต่ฉันรวยค่ะ” เราไหวไหล่ใส่เขาเบาๆ “ฉันยอมตายอยู่บนคานทองพร้อมด้วยกองเงินกองทองหลักหมื่นล้านของฉัน ดีกว่าติดโรคจากการมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงไม่เลือกหน้าแบบคุณ หวังว่าคุณจะไม่เอาโรคร้ายมาติดฉัน แล้วก็หวังว่าคุณจะไม่เอาโรคร้ายไปติดคนอื่นด้วยนะคะ” “ชิ!” เขาจิ๊ปากอย่างไม่สบอารมณ์ “คืนนี้เธอโดนแน่ ยัยตัวแสบ!” “หนึ่ง!” “สอง!” “สาม!” “โยนแล้วนะคะ~” เราเมินเฉยกับคำพูดของเขา ก่อนที่จะโยนช่อดอกไม้ออกไป และเมื่อหันไปมองก็พบว่าคนที่รับช่อดอกไม้ของเราได้นั้นเป็นเพตราเพื่อนสาวของเรา เพตราเป็นลูกครึ่งไทย-จีนนะคะ ที่บ้านของเธอทำธุรกิจส่งออกผลไม้ ส่วนใหญ่ก็จะส่งออกไปจีนและอีกหลายๆ ประเทศ เราสนิทกันมาก รู้จักกันมาตั้งแต่ประถมแล้วค่ะ ในแก๊งของเราเมื่อนับรวมตัวเราเข้าไปก็จะมีทั้งหมดสี่คน คนแรกในกลุ่มก็คือตัวเราเอง ส่วนคนที่สองก็คือเพตราที่ได้พูดไป คนที่สามเบนจี้ เป็นสาวประเภทสอง เฉาะแล้ว มีกี สวยมากด้วย และคนสุดท้ายเพนนี นักตบอันดับหนึ่งของโรงเรียน ตบลูกวอลเลย์บอลนะคะ ไม่ใช่ตบผัว แต่อะไรๆ มันก็ไม่แน่นอนเสมอไปนั่นแหละค่ะ ไม่แน่นะคะ อนาคตเราอาจจะให้เพนนีมาช่วยตบผัวเราก็เป็นได้ค่ะ แล้วเจอกันเตชินท์ อคิราห์! ​
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD