ร่างอรชรที่ยังอยู่ในชุดนักศึกษาของยาหยีกระโดดเข้ากอดบิดาของตัวเองที่ไม่ได้เห็นหน้าเห็นตากันนานเกือบสองปีด้วยความคิดถึงจับใจ
“พ่อจริงๆ ด้วย ลูกหยีคิดถึงคุณพ่อเหลือเกิน”
สาวน้อยหอมแก้มซ้ายหอมแก้มขวาของบิดาด้วยความคิดถึงจับใจ กอดร่างของชายที่เรียกว่าพ่อแน่น น้ำหูน้ำตาแห่งความดีใจไหลพรากออกมา
“พ่อ...ลูกหยีคิดถึงพ่อเหลือเกิน”
ยอดชายปล่อยให้ลูกสาวกอดหอมตัวเองจนหนำใจแล้ว จึงดันร่างอรชรของบุตรสาวออกห่าง จ้องมองใบหน้าสวยหวานที่ไม่ผิดเพี้ยนไปจากภรรยาที่เสียไปแล้วเลยแม้แต่นิดเดียวด้วยความรักใคร่
“พ่อคิดถึงลูกหยีนะ คิดถึงมาก”
ยาหยียิ้มกว้าง ดึงร่างของบิดาให้ตามตัวเองมานั่งบนโซฟาตัวกะทัดรัดริมห้องเช่าขนาดเล็กของตัวเอง จากนั้นก็รีบวิ่งไปรินน้ำเย็นใส่แก้วมาให้บิดา
“น้ำค่ะพ่อ”
“ขอบใจจ้ะลูกหยี”
ยอดชายรับน้ำขึ้นมาดื่ม ใบหน้าของเขาไม่ได้แสดงท่าทางมีความสุขออกมาเลยแม้แต่นิดเดียว จนลูกสาวต้องเอ่ยถามด้วยความแปลกใจกับท่าทางลุกลี้ลุกลนของบิดา
“พ่อทำท่าเหมือนกำลังหนีใครอยู่”
“ปละ...เปล่านี่ ลูกหยีคิดมากไปหรือเปล่า”
ผู้เป็นบิดาปฏิเสธเสียงมีพิรุธ และนั่นก็ยิ่งทำให้ยาหยีสงสัยมากขึ้นไปอีก สาวน้อยทรุดตัวลงนั่งข้างๆ ร่างของยอดชาย
“แต่พ่อมองออกไปทางประตูตลอดเวลาเลยนะคะ แล้วพ่อก็ทำหน้าเครียด มีอะไรให้ลูกหยีช่วยหรือเปล่าคะพ่อ บอกลูกหยีได้นะคะ”
ยาหยีวางมือของตัวเองลงบนมือของบิดา แล้วก็ต้องตกใจเมื่อมือของบิดานั้นเย็นเฉียบราวกับพึ่งไปจับน้ำแข็งมา
“ทำไมมือพ่อเย็นนักล่ะคะ”
ยอดชายรีบดึงมือของตัวเองออกจากมือนุ่มของบุตรสาว แล้วรีบเปลี่ยนเรื่องคุยทันที
“เงินที่พ่อส่งมาให้พอกับค่าใช้จ่ายของลูกหยีหรือเปล่า เอ่อ...แล้วเมื่อวันก่อนพ่อก็โอนเงินเข้าบัญชีให้ลูกหยีอีกก้อนหนึ่ง ไปอัพสมุดดูหรือยัง”
ยาหยีจ้องหน้าบิดาเขม็ง
“ลูกหยีว่าจะโทรไปถามพ่ออยู่พอดี เงินตั้งสิบล้านบาทที่พ่อโอนมาให้ลูกหยีเมื่อวันก่อน พ่อไปเอามันมาจากที่ไหนคะ”
สาวน้อยคาดคั้นด้วยต้องการรู้ความจริง หล่อนไม่เชื่อหรอกว่าการทำงานเป็นลูกน้องของนักธุรกิจชาวรัสเซียคนหนึ่งจะได้เงินมากมายขนาดนี้ พ่อของหล่อนต้องมีอะไรปิดบังอยู่อย่างแน่นอน
“เงินเดือนของพ่อไง”
“ลูกหยีไม่เชื่อหรอกค่ะ เงินเดือนของพ่อโอนมาให้ลูกหยีตั้งแต่ต้นเดือนแล้วนี่คะ แล้วอีกอย่างเงินเดือนของพ่อก็แค่หกแสนบาท ไม่ใช่สิบล้านบาทอย่างที่พ่อโอนมาให้ลูกหยีเมื่อวันก่อนสักหน่อย บอกมานะคะว่าพ่อไปเอาเงินพวกนี้มาจากไหน”
ยอดชายอึ้งไปนานกับคำถามคาดคั้นของบุตรสาว
“โบนัสของพ่อยังไงล่ะลูกหยี กิจการของนายน้อยไปได้สวย ท่านก็เลยแจกโบนัสให้ลูกน้องทุกคน นี่ยังมีคนได้เยอะกว่าพ่ออีกตั้งหลายคนนะจะบอกให้”
คิ้วเรียวดุจคันศรของยาหยีเลิกขึ้นสูงด้วยความเหลือเชื่อ
“โบนัสเป็นสิบๆ ล้านเนี่ยนะคะ ลูกหยีไม่อยากจะเชื่อเลย”
เมื่อเห็นลูกสาวไม่มีทีท่าว่าจะยอมเชื่อง่ายๆ ยอดชายจึงต้องใช้ไม้สุดท้าย
“อย่าบอกนะว่าลูกหยีคิดว่าพ่อเป็นหัวขโมย ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพ่อจะเลวในสายตาของลูกหยีขนาดนี้”
เมื่อเห็นท่าทางเสียอกเสียใจของบิดา ยาหยีก็ตกใจ แล้วรีบปฏิเสธเป็นพัลวัน
“ไม่ใช่นะคะ ลูกหยีไม่ได้คิดแบบนั้น ลูกหยีแค่แปลกใจ”
ยอดชายระบายยิ้มออกมา เอื้อมมือมากุมมือนุ่มของบุตรสาวเอาไว้แน่น
“พ่อทนให้คนอื่นมองไม่ดีได้ แต่พ่อทนให้ลูกหยีสุดที่รักของพ่อมองพ่อแบบคนร้ายไม่ได้ ลูกหยีต้องสัญญากับพ่อนะ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ลูกหยีจะต้องเชื่อพ่อ จะต้องไว้ใจพ่อ อย่าเชื่อคำพูดของคนอื่น นอกจากพ่อคนเดียว”
“พ่อพูดแปลกจังค่ะ พูดเหมือนจะมีอะไรเกิดขึ้นอย่างนั้นแหละ”
ยาหยีถามออกมาด้วยความเคลือบแคลงใจ บิดาของหล่อนทำท่าทำทางแปลกๆ ตั้งแต่โผล่เข้ามาเมื่อครู่นี้ แล้วตอนนี้ยังมาพูดจาแปลกๆ อีก นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันนะ หรือว่าพ่อของหล่อนกำลังถูกใครตามล่า
“พ่อคะ พ่อคงไม่ได้ถูกใครตามฆ่าใช่ไหมคะ”
ใบหน้านวลซีดเผือดเมื่อถามคำถามนี้ออกไป ซึ่งมันก็ซีดขาวพอๆ กับใบหน้าของยอดชายในขณะนี้นั่นแหละ
“ทำไมลูกหยีถึงคิดแบบนั้นล่ะ ทำไมถึงคิดว่าพ่อจะต้องถูกตามฆ่า”
“ก็พ่อเคยบอกให้ลูกหยีฟังว่าเจ้านายของพ่อเป็นลูกชายของมาเฟียเก่า บางทีพ่ออาจจะทำอะไรผิดมา แล้วเขาก็ส่งคนมาตามฆ่า”
“ไม่มี...ไม่มีหรอก พ่อไม่ได้ทำอะไรผิด”
ยาหยีมองบิดาที่ตอนนี้ผุดลุกขึ้นยืนด้วยความประหลาดใจ หญิงสาวลุกขึ้นตาม ก่อนจะเอ่ยถามทันที
“พ่อจะไปไหนคะนั่น ไม่อยู่กับลูกหยีหรือคะ”
“พ่อต้องไปทำงานที่อื่นสักระยะหนึ่ง แต่อีกไม่นานหรอกลูกหยี เราจะได้อยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตาพ่อลูก”
ยอดชายดึงร่างอรชรของบุตรสาวแสนสวยของตัวเองเข้าไปกอดแนบอก ยกมือขึ้นลูบศีรษะทุยได้รูปสวยของยาหยีด้วยความรักสุดซึ้ง ในใจก็ภาวนาให้คอร์เนลยังยึดติดกับกติกาเดิม นั่นก็คือไม่ใช้กำลังข่มเหงคนในครอบครัวของศัตรูเหมือนดั่งเช่นที่คอร์เนลเคยปฏิบัติมาตลอดชีวิต
“แล้วเมื่อไรพ่อจะมาหาลูกหยีอีกล่ะคะ”
ยาหยีน้ำตาไหลพรากกับอกของบิดา หล่อนรักท่านเหลือเกิน ทั้งรักทั้งบูชากับความเสียสละของท่าน พ่อทำงานทุกอย่างเพื่อส่งให้หล่อนได้เรียนหนังสือสูงๆ และหากว่าหล่อนเรียนจบเมื่อไร พ่อของหล่อนจะไม่มีวันต้องเหนื่อยอีก หล่อนจะเลี้ยงท่านเอง จะดูแลท่านให้ดีที่สุด เหมือนกับที่ท่านทำเพื่อหล่อนมาตลอดชีวิต
“อีกไม่นานลูกหยี...อีกไม่นาน...” ยอดชายแกะมือลูกสาวออกจากตัว และถอยออกห่าง มองหน้ายอดดวงใจอีกครั้งด้วยความรัก
“พ่อต้องรีบไปแล้ว ลูกหยีต้องดูแลตัวเองดีๆ นะลูก และหากลูกหยีรักพ่อ ลูกหยีจะต้องรีบย้ายที่พักให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ วันนี้พรุ่งนี้เลยยิ่งดี”
“ทำไมล่ะคะพ่อ ทำไมลูกหยีถึงต้องย้ายห้องด้วยล่ะคะ”
“พ่อไม่มีคำตอบให้หรอก แต่ถ้าหากลูกหยีรักพ่อ ลูกหยีต้องรับปากว่าจะย้ายห้องให้เร็วที่สุด รับปากสิลูกหยี รับปากกับพ่อ”
ยาหยียกมือขึ้นป้ายน้ำตาทิ้ง พยายามไล่ความสงสัยของตัวเองให้กลับเข้าไปในอกตามเดิม ก่อนจะพยักหน้ารับคำสั่งจากบิดา
“ค่ะ พรุ่งนี้ลูกหยีจะย้ายไปอยู่หอพักในมหาวิทยาลัยกับเพื่อน พ่อสบายใจได้เลยค่ะว่าลูกหยีของพ่อคนนี้จะปลอดภัยจากอะไรก็ตามที่พ่อกำลังกลัว”
ยอดชายระบายยิ้มบางๆ ให้กับบุตรสาว พร้อมๆ กับเหลือบตามองนาฬิกาข้อมือของตัวเองด้วยท่าทางกระวนกระวาย
“ขอบใจมากลูกหยี พ่อคงต้องไปแล้ว”
“พ่อคะ ลูกหยีรักพ่อนะคะ”
ยาหยีโผเข้ากอดบิดาอีกครั้ง คราวนี้น้ำตาหลั่งรินออกมาถล่มทลาย ยอดชายปลอบบุตรสาวทั้งน้ำตา อยากจะอยู่กินข้าวด้วยสักมื้อ แต่ก็ทำดั่งใจปรารถนาไม่ได้ เพราะรู้ดีว่าคอร์เนลยิ่งใหญ่และกว้างขวางแค่ไหน คงไม่นานหรอกคอร์เนลก็จะต้องรู้ว่าเขาหนีมากบดานที่เมืองไทย และบัดนั้นการไล่ล่าก็จะต้องเกิดขึ้น
“พ่อต้องไปแล้วจริงๆ ลูกหยี”
ยอดชายดันร่างอรชรออกห่าง หมุนตัวเดินลิ่วไปที่ประตูห้องพักของบุตรสาว ยาหยีรีบวิ่งตามไปคว้าแขนของบิดาเอาไว้
“พ่อต้องสัญญานะคะว่าจะกลับมาหาลูกหยีเร็วๆ”
ผู้เป็นพ่อค่อยๆ หันกลับมา พร้อมๆ กับยื่นกระดาษแผ่นเล็กๆ ใบหนึ่งให้กับบุตรสาว
“พ่อสัญญาจ้ะลูกหยี”
ยาหยีหยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมามองแล้วก็ต้องถามออกไปด้วยความแปลกใจ
“เบอร์โทรศัพท์นี่คะ อย่าบอกนะว่าพ่อจะเปลี่ยนเบอร์”
ยอดชายพยักหน้ารับ
“หากไม่จำเป็นก็อย่าติดต่อพ่อนะลูกหยี พ่อไปก่อนนะ แล้วเจอกัน”
บิดาเปิดประตูห้องและเดินออกไปแล้ว แต่ยาหยีก็ยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม สมองสับสนงงงวยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเหลือเกิน พ่อของหล่อนทั้งพูดทั้งแสดงท่าทางมีพิรุธหลายอย่าง ทำตัวหวาดระแวงเหมือนกับกำลังถูกตามไล่ล่าอย่างนั้นแหละ แถมยังสั่งให้หล่อนย้ายที่พักอีกต่างหาก นี่มันเกิดอะไรขึ้นนะ พ่อของหล่อนไปทำอะไรไม่ดีเอาไว้หรือเปล่า
ยาหยีคิดจนหัวแทบแตกก็คิดไม่ออก ทำได้แค่เพียงเดินกลับมาทิ้งตัวที่โซฟาริมห้องพักของตัวเองเท่านั้น