มือขาวซีดเลอะเทอะไปด้วยสีมากมายจนแทบไม่มีที่ว่าง ผ้าใบขนาดพอเหมาะถูกรังสรรค์เป็นผลงานชิ้นโบแดงด้วยภาพทิวทัศน์แสนงดงามจับตา ทุกอย่างในนั้นดูราวกับมีชีวิต มันคือจินตนาการอันแสนสวยซึ่งหาได้ยากในยุคสมัยนี้
“ปวดหลังชะมัดเลย” แผ่นหลังเล็กหยัดกายตั้งตรงเนื่องจากก้มเป็นเวลานาน เธอวางพู่กันในมือก่อนจะลงจากเก้าอี้สูงตัวโปรดซึ่งใช้ในการวาดรูป
ผางซูหนี่ หญิงสาวลูกครึ่งจีน-ออสเตรเลีย วัย 35 ปี มีอาชีพเป็นจิตรกรผู้มากฝีมือได้รับรางวัลมากมายทั้งยังสร้างรายได้จากงานวาดต่อเดือนสูงถึงหลายแสนหยวน พื้นฐานครอบครัวร่ำรวยเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศจีนโดยบิดาเปิดบริษัทซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ส่วนมารดาถนัดด้านงานเพชรพลอยจึงมีร้านจิวเวอร์รี่เป็นของตัวเอง เพราะทั้งสองท่านมีพร้อมทุกอย่างให้ลูกสาวอยู่แล้วจึงไม่เคยกดดันใดๆ แม้แต่น้อย สุดท้ายแล้วซูหนี่จึงสามารถเผยพรสวรรค์ของตนออกมาได้
“อืม…จบจากงานนี้แล้วคงพักได้สัก 2 วันสินะ” ริมฝีปากอิ่มขบเม้มอย่างใช้ความคิด นิ้วเรียวไล่ชี้ดูตารางงานในปฏิทินอันใหญ่ที่อยู่ใจกลางห้องทำงานเพื่อให้สะดวกต่อการจดหรือเช็คนัดหมายของแต่ละวัน
♩~♪~~♬~
“ฮัลโหล” มือถือดังขึ้นขณะตรวจทานเวลาพักผ่อนอันน้อยนิด เสียงหวานที่รับโทรศัพท์จึงดูอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก
“หืม ลูกหงุดหงิดเพราะวาดภาพไม่ได้อีกแล้วหรอ” ทันทีที่รู้ว่าปลายสายคือใครหญิงสาวจึงรีบเปลี่ยนอารมณ์
“เปล่าค่ะ พอดีหนูทำงานเสร็จแล้วจึงคิดว่าจะกลับไปหาป๊ากับม๊าที่บ้านสักหน่อย เสียแต่วันหยุดมีแค่ 2 วันเท่านั้นเอง” น่าเสียดายที่ความงกทำให้รับงานจนตารางแน่นขนัดไม่เผื่อให้ได้พักเท่าไหร่
“ให้ป๊าไปรับดีกว่าไหม ขับรถมาเองจะเหนื่อยเกินไปหรือเปล่า” เพราะการวาดภาพใช้สมาธิสูงมากจึงไม่สามารถอยู่ใจกลางเมืองได้ สถานที่ทำงานของซูหนี่จึงอยู่บนภูเขาสูงใกล้ชิดธรรมชาติ ห่างไกลผู้คนและเสียงรบกวน แน่นอนว่าการเดินทางเข้าออกลำบากไม่น้อย
“ไม่เป็นไรค่ะ แค่นี้หนูขับกลับเองไหว ขอบคุณนะคะที่เป็นห่วง” เสียงหวานสดใสรับคำอย่างออดอ้อน บุพการีทั้งสองทำงานหนักมากอยู่แล้วตนจึงไม่ต้องการเป็นภาระเพิ่ม
“ไม่เอาดีกว่า ม๊าว่าให้คนขับรถไปรับก็แล้วกัน ไม่อย่างนั้นคงไม่สบายใจ” แค่ฟังก็รู้แล้วว่าลูกสาวคนเก่งคงโหมทำงานไม่ได้หลับไม่ได้นอนอีกแล้ว ให้เดินทางมาเองย่อมเกิดอันตรายขึ้นได้
“ก็ได้ค่ะ งั้นหนูไปเตรียมเก็บของก่อนนะคะ” บ้านนี้เป็นคนจำพวกคิดแล้วลงมือทำเลย ดังนั้นอีก 2-3 ชั่วโมงคนขับรถคงมาถึงหน้าแกลเลอรี่หลังนี้
“ได้จ้ะ ม๊าจะรออยู่ที่บ้านนะ” ถึงทั้งสองจะงานยุ่งแค่ไหนแต่หากลูกสาวได้มีเวลาพักกลับบ้าน พวกเขาก็จะยกเลิกนัดหมายทั้งหมดเพื่อให้ได้อยู่กับเธอ
หลังจากวางสายผางซูหนี่ก็เริ่มเก็บอุปกรณ์วาดรูปอย่างเร่งรีบ เวลาทำงานทุกอย่างจะกระจัดกระจายอยู่รอบตัวเพื่อให้ง่ายต่อการหยิบ เมื่อถึงเวลาเก็บจึงวุ่นวายไม่น้อย จากนั้นเข้าไปจัดกระเป๋านำไปเพียงของสำคัญเพราะที่บ้านหลังนั้นก็มีห้องของเธออยู่แล้ว
ปี๊น ปี๊น
2 ชั่วโมงไม่ขาดไม่เกินคนขับรถก็มาถึง นี่หากมิใช่ว่าเขาอยู่ไม่ไกลตอนรับคำสั่งนั่นหมายความว่าอีกฝ่ายขับมาด้วยความเร็วที่ไม่ธรรมดา
“มาแล้วค่า” ประตูหน้าแกลเลอรี่เปิดออกช้าๆ เผยให้เห็นร่างบางในชุดเสื้อยืดสีขาวใส่ทับด้วยกางเกงยีนส์ขาสั้นสีน้ำเงินเข้มอวดเรียวขานวลเนียน
“สวัสดีครับคุณหนู นายท่านสั่งให้ผมมารับครับ” ชายวัยกลางคนผู้เป็นคนขับรถมาหลายปีเอ่ยบอกพลางเปิดประตูรถให้
“สวัสดีค่ะ ขอบคุณที่ขับมาไกลนะคะ” หญิงสาวรับคำด้วยรอยยิ้ม
เมื่อขึ้นรถเรียบร้อยพวกเขาจึงออกเดินทาง ในรถไร้เสียงพูดคุยมีเพียงเสียงเพลงคลอเบาๆ ทำเอาความง่วงงุนจู่โจมร่างบางในทันที ดวงตาเฉี่ยวคมปิดสนิทก่อนความรู้สึกรอบกายราวกับกำลังจมดึ่งสู่ห้วงน้ำลึกจะถาโถมเข้ามา ช่วงเวลานั้นเองมีบางอย่างที่แปลกประหลาด เธอรู้สึกเหมือนตนเองกำลังฝัน…และเหตุการณ์ในฝันนั้นช่างดูคุ้นเคยจนน่าแปลกใจ
สภาพแวดล้อมทั้งหมดคล้ายกับย้อนไปช่วงยุคโบราณ เป็นเรื่องราวรักสามเส้าที่ผู้หญิงแอบรักผู้ชายคนอื่นที่ไม่ใช่สามี และเมื่อสามีเริ่มให้ความสนใจสาวคนใหม่จึงแอบลักลอบคบชู้จนโดนจับได้ วาระสุดท้ายจึงโดนขังกรงหมูแล้วจับถ่วงน้ำ ซึ่งจากที่ซูหนี่จำได้มันเหมือนนิยายเรื่องหนึ่งที่เคยอ่านเมื่อนานมาแล้ว ช่วงที่ว่างจากการวาดรูปเธอจึงเริ่มอ่านนิยายออนไลน์ และหมวดที่กำลังมาแรงที่สุดย่อมไม่พ้นแนวจีนโบราณจำพวกทะลุมิติหรือกลับชาติมาเกิด ด้วยความเป็นคนงานยุ่งมากจึงเรียกได้ว่าในหนึ่งปีจะได้อ่านอยู่ 3-4 เรื่อง ทำให้จำเนื้อหาทั้งหมดไม่ได้เท่าไหร่
“ฮูหยิน ได้เวลาตื่นแล้ว” เสียงทุ้มกระซิบแผ่วทำให้ผางซูหนี่ลืมตาอย่างตกใจ
“คุณเป็นใคร!” ร่างบางถดหนีจนติดกำแพงอย่างหวาดกลัว เพราะในห้องนี้มีเพียงเขาและเธอจึงอดคิดไม่ได้ว่าตนถูกลักพาตัว
“เจ้าเอ่ยสิ่งใดกัน ไม่สบายหรือ” มือหนาเอื้อมมาหมายแปะลงบนหน้าผากมนเพื่อวัดไข้ทำให้หญิงสาวตกใจมากกว่าเดิม
“กรี๊ดด ช่วยด้วย!” เสียงหวีดร้องทำเอาสาวใช้ที่รออยู่ข้างนอกพากันตื่นตระหนกแต่ไม่อาจเข้าไปด้านในได้หากไม่มีคำสั่ง
“น้องหญิง เจ้าเป็นอันใดไป” ชายหนุ่มยังคงถามด้วยความสับสน เมื่อเห็นว่านางกลัวมากเขาจึงถอยห่างไปอีกหน่อย
“คุณเป็นใคร!” ซูหนี่ถามซ้ำอีกครั้ง ดวงตากลมโตแดงเรื่อคลอเคล้าไปด้วยน้ำสีใสกลอกกลิ้งใกล้หล่นดูแล้วน่าสงสารนัก
“พี่ก็คือสามีของเจ้าอย่างไรเล่า…เจ้าเป็นอะไรไปรั่วซี” คำตอบนั้นสะกิดใจให้เธอหยุดคิดก่อนกวาดสายตามองรอบกายอย่างพิจารณา
ทุกอย่างช่างเหมือนกับสิ่งที่อยู่ในความฝัน ไม่ว่าจะเป็นห้องนอนนี้ เครื่องเรือน หรือแม้แต่บุรุษตรงหน้า ไม่อยากจะสรุปสถานการณ์เลยว่าตอนนี้วิญญาณของเธอมาโผล่ในยุคโบราณเหมือนนิยายออนไลน์ทั่วไป!
“คุณ…เจ้า..เอ่อ ท่านชื่ออะไร” หญิงสาวเอ่ยตะกุกตะกักเพราะไม่ชินกับสรรพนามใหม่ แต่สำหรับคนที่อ่านนิยายมาบ้างก็พอรู้ว่าควรปรับตัวให้เร็วมิเช่นนั้นได้โดนกล่าวหาว่าเป็นสตรีสติฟั่นเฟือนแน่
“เกิดสิ่งใดขึ้นกับเจ้ากันแน่” แววตาที่มองมาเริ่มฉายชัดถึงการจับผิดทำเอาผางซูหนี่รีบคิดข้อแก้ตัว
“ฉะ…คือ...ข้าไม่มั่นใจนักค่ะ…เจ้าค่ะ ตื่นขึ้นมาก็เหมือนว่าจะจำสิ่งใดไม่ได้เลย” ประโยคคลาสสิคซึ่งตัวละครในนิยายใช้กันบ่อยได้ถูกนำมาใช้ตอบคำถาม
“พวกเจ้าเข้ามาเดี๋ยวนี้” เสียงทุ้มออกแนวดุดันสั่งการจนบรรดาสาวใช้ตัวน้อยรีบเข้ามาไม่กล้ารั้งรอ
“เจ้าค่ะนายท่าน!!” ทั้งสาวใช้ประจำตัวและสาวใช้ทั่วไปก้มหัวหมอบอยู่กับพื้น
“ตามหมอมาดูแลนายหญิงของพวกเจ้า แล้วให้คนไปรายงานข้า” เมื่อสั่งจบร่างสูงก็รีบแต่งกายเพื่อไปทำงาน เขาเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งบิดาดังนั้นมิอาจทำตัวเหลวไหลต่อหน้าคนอื่นได้
“เจ้าค่ะ”
จิตรกรสาวมองทุกอย่างตาปริบๆ ด้วยยังงุนงงสับสน ต้องขอบคุณงานของเธอซึ่งมันช่วยให้มีสมาธิและสติอยู่เสมอจึงยังไม่สติแตกไปเสียก่อน ในสมองน้อยๆ วิเคราะห์เรื่องราวก่อนหน้า ภาพที่จำได้มีเพียงเมื่อตอนขึ้นรถออกจากแกลเลอรี่มาแล้วเผลอหลับไปเท่านั้น
“ฮูหยิน…เกิดสิ่งใดขึ้นหรือเจ้าคะ” สาวใช้คนสนิทเอ่ยถามด้วยความสงสัย ตลอดเวลาที่นายหญิงแต่งเข้ามาล้วนอยู่อย่างสงบเสงี่ยม ไม่เคยเลยสักครั้งจะเห็นนายท่านหุนหันออกไปเช่นนั้น
“เอ่อ…เจ้าอยู่ที่นี่ก่อน ส่วนที่เหลือออกไปได้” แม้ไม่ถนัดการใช้สรรพนามโบราณมากนักแต่ถือว่าถูไถได้ไม่เลว
“เจ้าค่ะฮูหยิน” ข้ารับใช้ทั้งหมดออกไปเหลือไว้เพียงหนึ่งซึ่งเป็นผู้เอ่ยถามในตอนแรก