เมื่ออยู่กันเพียงลำพังร่างบางจึงสูดลมหายใจเข้าลึก ปรับอารมณ์อันแสนฟุ้งซ่านให้มันเข้ารูปเข้ารอย คิดไว้เสมอว่าการไม่มีสติในทุกสถานการณ์เป็นเรื่องเลวร้ายที่สุดดั่งคำสอนของบิดา เนื่องจากบริษัทอสังหาริมทรัพย์มีความเสี่ยงสูงมาก ผู้เป็นพ่อจึงสอนสิ่งเหล่านี้โดยหวังว่าหากบุตรสาวมีโอกาสสืบทอดต่อจะได้มีประสบการณ์
“….ข้าจะพูดเพียงครั้งเดียว….ไม่รู้ว่าเกิดอันใดเมื่อลืมตาขึ้นมาจึงพบว่าความทรงจำทุกอย่างมันหายไป ข้าต้องการสอบถามทุกอย่างที่เจ้ารู้เกี่ยวกับตัวของข้า” ซูหนี่แสร้งตีสีหน้านิ่งเรียบทั้งที่ในใจแท้จริงแล้วแทบหลุดออกมาจากอก ความตื่นเต้นจากการโกหกมันมากมายเสียจนนึกถึงช่วงวัยรุ่นซึ่งหนีเที่ยวกับเพื่อนแล้วไม่ให้ที่บ้านจับได้
“โอ้ไม่นะ! ฮูหยินของบ่าว!” สาวใช้ตัวน้อยถลาเข้ามาหาผู้เป็นนายก่อนคุกเข่าลงกับพื้นร่ำไห้ออกมาประหนึ่งเป็นคนป่วยเสียเอง
“….” หญิงสาวคิดว่าตนก็เล่นใหญ่พอแล้วมิรู้เลยว่าเด็กตรงหน้าจะเล่นใหญ่มากกว่าเธอเสียอีก มองจากรูปลักษณ์ภายนอกอีกฝ่ายคงอายุไม่เกิน 15-16 ปี
“ฮึก…ฮูหยินมีนามว่ารั่วซี แซ่เสิ่น เป็นบุตรีของเจ้ากรมโยธาที่แต่งเข้ามาในตระกูลหยางเจ้าค่ะ บุรุษเมื่อครู่คือสามีของท่านนามว่าจื่อหาน ตระกูลหยางเป็นตระกูลเจ้ากรมยุติธรรมซึ่งดูแลคดีความของขุนนางและชาวบ้านทั้งหมดจึงได้รับความเคารพนับถืออย่างมาก ยามนี้นายท่านได้ขึ้นเป็นผู้นำตระกูลสืบทอดตำแหน่งจากท่านเจ้ากรมยุติธรรมและกำลังเรียนรู้งานเพื่อรับตำแหน่งขุนนางต่อเช่นกันเจ้าค่ะ”
เอาล่ะ มาถึงจุดนี้เหมือนความทรงจำเมื่อปีก่อนจะกลับมา ชื่อตัวละครที่จำได้ไม่ใช่ชื่อของตนเองหรอกแต่เป็นผู้ชายคนนั้น ‘หยางจื่อหาน’ ต่างหาก! นิยายออนไลน์เรื่องนั้นคลับคล้ายคลับคลาว่าเธออ่านจบไปนานมากแล้ว มีชื่อเรื่องว่า 'เส้นทางรักของเกาหยู่ถง' ซึ่งแน่นอนว่าเกาหยู่ถงคือชื่อของนางเอก แม้เนื้อหาส่วนใหญ่ถูกหลงลืมไปตามกาลเวลาอีกทั้งหนังสือที่อ่านก็มีมากมายซึ่งส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มความรู้การวาดภาพ ที่จำเรื่องนี้ได้เพราะพระเอกล้วนๆ! ก็ยังพอสรุปเนื้อหาเท่าที่รู้คร่าวๆ ประมาณว่า
ผู้หญิงคนหนึ่งได้ทะลุมิติมาในร่างของคุณหนูตระกูลคหบดีแสนร่ำรวยนามว่าเกาหยู่ถง ต้องใช้ชีวิตกอบกู้ชื่อเสียงวงศ์ตระกูลจากการกลั่นแกล้งของนางร้ายที่เป็นตระกูลขุนนางใหญ่ ระหว่างนั้นเองได้มีโอกาสพบเจอพระเอกของเรื่องซึ่งเขาแต่งงานมีฮูหยินเอกอยู่แล้วแต่ด้วยความหัวสมัยใหม่ของหญิงสาวอันหาได้ยากในยุคโบราณสามารถดึงดูดความสนใจของพระเอกอย่างไม่ยากเย็น ทางด้านฮูหยินของพระเอกหรือก็คือเสิ่นรั่วซี ตัวประกอบจืดจางผู้ได้รับบทเป็นภรรยาคนแรกของพระเอก นางนั้นมีชายอันเป็นที่รักอยู่ก่อนแล้วแต่ต้องจำใจแต่งงานกับชายซึ่งครอบครัวเลือกให้ เมื่อเห็นว่าสามีของตนเริ่มสนใจหญิงอื่นจึงได้แอบลักลอบไปพบบุรุษที่เฝ้าถวิลหา เรื่องราวดูเหมือนจะลงตัวเพราะอย่างไรทั้งคู่ก็ไม่ได้รักกัน แต่ถ้าหากนางจำไม่ผิดตอนจบของนิยายเรื่องนี้นอกจากพระเอกได้ครองคู่กับนางเอกแล้ว ตัวเสิ่นรั่วซีเองกลับต้องโทษคบชู้โดนใส่กรงหมูแล้วจับถ่วงน้ำ!
บ้าบอสิ! ตอนเป็นนักอ่านมันก็สนุกอยู่หรอกเพราะถึงอย่างไรสองสามีภรรยาไม่ได้รักกันอยู่แล้ว แต่พระเอกปฏิบัติกับภรรยาอย่างดี ให้เกียรติสมฐานะ เรื่องในห้องหอหากอีกฝ่ายไม่เต็มใจก็ไม่เคยข่มเหง มิหน้ำซ้ำยังคอยซื้อของมามอบให้ทุกเทศกาล เขาคือพ่อไมโครเวฟ (คำเรียกผู้ชายนิสัยอบอุ่นอ่อนโยน) ที่เหล่าแม่ยกกรี๊ดกันสนั่นเว็บไซต์! ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเสิ่นรั่วซีพลาดของดีไปเสียแล้ว และลุ้นเอาใจช่วยให้นางเอกพิชิตใจพระเอกให้ได้เนื่องจากแม้เขาจะสนใจแต่ก็เว้นระยะห่างเพื่อภรรยาที่ไม่ได้รักตน
นิสัยอ่อนโยน เอาใจใส่ น่ารัก ฉลาดทันคน เย็นชากับคนอื่นแต่ดูแลครอบครัวเสมอ ผู้ชายแสนดีขนาดนี้นักอ่านย่อมเชียร์กันจนนิยายติดขายดีอันดับ 1 นานหลายเดือน ผางซูหนี่เองก็ได้สนับสนุนด้วยการโดเนทตลอดทุกตอนที่ลงในเว็บหรือแม้กระทั่งซื้อหนังสือมาเก็บไว้แบบไม่แกะเพื่อสะสม
“ฮูหยิน อีกประเดี๋ยวหมอน่าจะมาถึงแล้ว ล้างหน้าล้างตาเสียก่อนดีกว่าเจ้าค่ะ” เสียงสดใสเรียกคนที่จมอยู่กับความคิดตนเองให้ได้สติอีกครั้ง
“…เจ้าชื่ออะไรอย่างนั้นหรือ” กลายเป็นว่าก่อนพูดอะไรหญิงสาวต้องเรียบเรียงประโยคในหัวเสียก่อน ไม่อย่างนั้นคงได้หลุดพูดคำคุ้นชินออกไปแน่
“บ่าวมีนามว่าซิ่วซิ่วเจ้าค่ะ ชื่อนี้ฮูหยินตั้งให้เมื่อครั้งยังอยู่ตระกูลเสิ่น…” ยามเอ่ยถึงน้ำตาก็รื้นขึ้นมา นางคือคนที่รู้ดีถึงความเจ็บปวดของคุณหนู
“ซิ่วซิ่ว…ข้าในตอนนี้อาจมิใช่นายหญิงที่เจ้ารู้จัก แต่จงจำไว้ว่าเจ้าคือคนเดียวที่ข้าไว้ใจมากที่สุดนะ” ซูหนี่จำตัวละครตัวนี้ได้ สาวใช้ผู้จงรักภักดีจนวันตาย ต่อให้เจ้านายทำผิดประการใดก็พร้อมจะรับโทษไปด้วยกัน
“ฮูหยิน…” สาวใช้คนสนิททราบซึ้งใจอยู่เพียงครู่ก่อนจะรีบนำน้ำมาให้เจ้านายล้างหน้าบ้วนปากเนื่องจากท่านหมอได้มาถึงแล้ว
“ขออนุญาตขอรับ” ชายชราอายุน่าจะเกิน 50 ปี เอ่ยขึ้นเมื่อต้องแตะข้อมือขาวเพื่อตรวจชีพจร
“เชิญเจ้าค่ะ” นายหญิงของบ้านท่าทางนอบน้อมกว่าที่เคยพบทำเอาผู้เฒ่าอดพยักหน้าพอใจไม่ได้
การตรวจผ่านไปด้วยดีนอกจากจับเส้นชีพจรแล้วหมอชรายังสอบถามอาการทั้งหมดเพื่อพิจารณาความเป็นไปได้ของอาการคนไข้ นอกจากนี้ยังถามถึงกำหนดการเดินทาง การใช้ชีวิต อาหารการกิน ทุกอย่างที่สามารถใช้วิเคราะห์ได้เพราะยังหาต้นตอของโรคไม่พบ
“น่าแปลกใจนักที่หยางฮูหยินความจำเสื่อมแม้จะไม่ได้รับอุบัติเหตุใดๆ เลยเช่นนี้” ขนาดเขาซึ่งทำหน้าที่เป็นหมอมาหลายสิบปีก็ยังอดสงสัยไม่ได้ แต่หากจะบอกว่าสตรีตรงหน้าโกหกก็ไม่ใช่เพราะยามนางบอกว่าจำสิ่งใดไม่ได้เขาจับชีพจรแล้วไม่เต้นเร็วเหมือนพวกนักโทษที่โกหกเอาตัวรอด
ความจริงแล้วเมื่อไตร่ตรองได้ว่าตนหลุดมาในนิยายความสับสนในใจก็ผ่อนคลายลงไปมาก หรือควรบอกว่าปกติแล้วจิตรกรมักมีจินตนาการอันเลิศล้ำเพื่อรังสรรค์ภาพวาดออกมา ไม่ต่างกับนักเขียนนิยายที่ใช้จินตนาการสร้างเรื่องราวแสนสนุกออกมาให้ผู้คนได้อ่าน ดังนั้นทางออกของปัญหานี้ก็มีเพียงอย่างเดียว…ยอมรับซะว่านี่คือชีวิตใหม่
“….” หยาดน้ำใสไหลหยดลงมาบนอาภรณ์นุ่ม ทำใจได้เร็วนั้นเป็นเรื่องที่ดี แต่ภาพครอบครัวซึ่งเธอต้องจากมาอย่างไม่ได้ร่ำลาทำเอารอบกายบางอบอวลไปด้วยความโศกเศร้า ผู้คนในห้องต่างเข้าใจไปว่าคนงามเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นจึงพยายามปลอบใจ
“อย่างน้อยร่างกายของฮูหยินก็หาได้โดนวางยาพิษไม่ เรื่องความทรงจำบางทีอาจกลับมาในสักวันหนึ่ง ขอเพียงอย่าเครียดและพักผ่อนให้เพียงพอ ข้าจะเขียนเทียบยาบำรุงร่างกายเอาไว้ด้วยก็แล้วกัน เช่นนั้นขอตัวก่อน” หมอชราเอ่ยด้วยท่าทางเป็นมิตรเนื่องจากเอ็นดูสตรีตรงหน้าอยู่บ้าง
“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านหมอ” ผางซูหนี่รีบตั้งสติให้ได้อีกครั้ง อย่างน้อยต่อหน้าคนอื่นจะหลุดการควบคุมไม่ได้เด็ดขาด โชคยังดีที่ร่างนี้แต่เดิมนิสัยเรียบร้อยอยู่แล้ว ต่อให้ไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับบ้านสามีมากมายนักก็ยังดีกว่าไปโผล่ในร่างนางร้ายที่เจ้าของร่างเดิมนิสัยเสียแล้วต้องมาตามเช็ดตามล้างในเรื่องแย่ๆ มีเพียงเรื่องคบชู้ซึ่งหากเธอไม่นอกใจพระเอกเสียอย่างก็คงไม่พบจุดจบเหมือนในนิยายแน่นอน
“ฮูหยินอย่าเศร้าไปเลยนะเจ้าคะ” สาวใช้ตัวน้อยคอยเช็ดน้ำตาให้เจ้านายด้วยความเป็นห่วง
“ซิ่วซิ่ว….ข้าได้ทำสิ่งใดผิดกับคนที่นี่บ้างหรือไม่” ตอนนี้การรู้ว่าอยู่ช่วงไหนของนิยายจำเป็นมาก