เขาไม่เคยเห็นใครทำท่าทางหงุดหงิดได้น่ารักเหมือนหมอสาวตรงหน้า ตอนที่มือบางของคุณหมอหน้าหวานสัมผัสลงมาที่ข้อมือของเขานั้น จาคอปถึงกับอมยิ้มเพราะมือบางนั้นขาวละมุน เรียวยาว เล็บตัดตกแต่งอย่างประณีต อีกทั้งสัมผัสแผ่วเบาที่มือทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นแก้วที่เปราะบางจนคุณหมอกลัวว่ามันจะแตกหักง่าย
บัวบุษยาคลึงตามเส้น แล้วถาม “รู้สึกเจ็บไหมคะ”
“เจ็บครับ แต่รู้สึกปวดหนึบๆ ตุบๆ มากกว่า”
คุณหมอคนสวยขมวดคิ้วแน่น “ปวดตุบๆ ตรงไหนคะ”
“ตรง...” เขาหยุดถ้อยคำเหล่านั้นไว้ เดี๋ยวหมอสาวจะตกใจ
“ก็ตรงข้อมือสิครับ แล้วคุณหมอคิดว่าผมจะปวดตุบๆ ตรงอวัยวะส่วนไหน” ใบหน้าหล่อเลิกคิ้วสูงหน้านิ่งๆ แต่พูดจาวกวนได้ทุกคำ
“ผมรู้สึกร้าวลงมาตั้งแต่ข้อมือ หัวไหล่ผมก็ปวด”
บัวบุษยากดไปตามเส้นตรงหัวไหล่ไล่ลงมาตามข้อมือ แล้วเขาก็ทำสีหน้าเบ้ให้เธอเห็น
“คุณใช้กล้ามเนื้อแขนมากเกินไปค่ะ น่าจะเกิดจากการใช้งานซ้ำๆ ผิดวิธี” บัวบุษยาสรุป “เดี๋ยวหมอจะให้ยาไปกินนะคะ ร่วมกับการฝังเข็ม คุณรู้จักการฝังเข็มใช่ไหมคะ มันเป็นการแพทย์แผนจีนที่มีมายาวนาน ใช้ได้ผลดีเมื่อร่วมกับการรักษาสมัยใหม่”
“ครับ” สิ่งที่เขาเกลียดที่สุดก็คือเจ้าเข็มเล็กๆ นั่นแหละ แต่แด๊ดยืนยันว่าเพื่อนของท่านที่มีอาการเช่นเดียวกับเขารักษาด้วยวิธีการฝังเข็มจากหมอสาวคนนี้แล้วหายเป็นปกติ
“หมอจะรักษายังไงก็รักษาเถอะ ผมอยากหาย” เขาตอบเสียงห้วนสั้น
“ค่ะ ถ้าอย่างนั้น ฉันจะให้คุณพยาบาลมาพาคุณไปเปลี่ยนชุด”
“หมอเปลี่ยนให้ผมไม่ได้เหรอครับ ทำไมต้องใช้พยาบาลด้วย”
บัวบุษยานิ่งอึ้ง เธอไม่เคยเจอคนไข้พูดแบบนี้ใส่มาก่อน “หมอกับพยาบาลแบ่งหน้าที่กันทำงาน” บัวบุษยาให้สัญญาณพยาบาลจึงเข้ามาอย่างรู้หน้าที่
พยาบาลสาวท่าทางนอบน้อม ยิ้มอย่างสุภาพให้คนไข้ที่เรียกได้ว่าหล่อวัวตายควายล้ม เหมือนพวกมาเฟียในนวนิยายที่ซื้อมาอ่านระหว่างรอขึ้นเวร
“เชิญคนไข้ไปที่เตียงค่ะ”
พยาบาลสาวผายมือเชิญคนตัวสูงไปที่เตียงนอนสีขาวสะอาดที่มีไว้สำหรับให้ผู้ป่วยนอนรอการตรวจ จาคอปเดินไปนั่งที่ขอบเตียง เธอหยิบชุดสำหรับคนไข้ที่พับไว้อย่างเรียบร้อยมายื่นให้เขา ชายหนุ่มรับชุดจากพยาบาลสาวที่แจ้งรายละเอียดต่างๆ เสร็จแล้วก็เดินออกไป
จาคอปนอนรอคุณหมอไม่นาน บัวบุษยาก็เดินตามเข้ามาในห้องที่จัดไว้ดูเป็นส่วนตัว เพราะหลังจากฝังเข็ม คนไข้จะต้องนอนดูอาการประมาณหนึ่งชั่วโมง
เป็นครั้งแรกที่บัวบุษยาเกิดความรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เมื่อต้องอยู่ตามลำพังกับคนไข้หนุ่มสองต่อสอง ไม่ใช่ไม่เคยอยู่ตามลำพังกับคนไข้ แต่คนไข้ที่มีแววตาพราวระยับคอยแต่จ้องหน้าเธอไม่หยุดก็ทำให้จิตใจปั่นป่วนไม่น้อยเลยทีเดียว
บัวบุษยาสูดลมหายใจเข้าปอดขณะที่มองคนไข้ วันนี้ เธอเป็นอะไรไปนะถึงได้ไม่มีสมาธิเลย คนไข้ของเธอบอกว่า
“บางครั้งอาการที่ข้อมือของผม มันทำให้ร้าวไปถึงสะบักหลัง หัวไหล่ หรือบางครั้งหนักเข้าก็ปวดไปถึงท้ายทอย”
บัวบุษยาตรวจอยู่ครู่หนึ่ง อาการของเขาก็เป็นเหมือนอาการของคนไข้ส่วนใหญ่ที่มีพฤติกรรมในการใช้อวัยวะบางส่วนซ้ำๆ “อาการที่คุณเป็นอยู่ในกลุ่มออฟฟิศซินโดรม ถ้าผู้ป่วยมีอาการรุนแรงอาจส่งผลต่อการนอน อาการของคุณสามารถรักษาได้ด้วยการฝังเข็มช่วยเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตบริเวณกล้ามเนื้อที่อักเสบ และลดอาการปวดได้ดี ช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลายลง ลดการอักเสบของกล้ามเนื้อ หากกล้ามเนื้อลดอาการอักเสบ อาการจะค่อยๆ ดีขึ้น จากนั้นก็ใช้ยารักษาร่วมด้วย”
ชายหนุ่มพยักหน้าเล็กๆ เป็นสัญญาณบอกว่าเขาพอจะเข้าใจในสิ่งที่เธอพูด คุณหมอสาวจึงถอนหายใจเบาๆ แล้วพูดต่อ
“ขอโทษด้วยนะคะ หมอจะเริ่มฝังเข็มแล้ว แต่ทีแรกจะฝังแค่บริเวณข้อมือ แขน หัวไหล่ และหลังใบหู หมออาจจะต้องฝังช่วงไหล่และสะบักหลังด้วย อาจจะรบกวนให้คนไข้ช่วยถอดเสื้อ...”
คุณหมอสาวยังพูดไม่ทันจบ จาคอปก็นึกสนุกขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นว่าเธอดูประหม่าอย่างบอกไม่ถูก
“ไม่เป็นไรครับ” เขาลุกขึ้นมานั่งแล้วถอดเสื้อออกทั้งตัวเผยให้เห็นแผงอกกำยำชวนสัมผัส “ผมถอดเสื้อแล้ว ต้องถอดกางเกงด้วยไหมครับหมอ”
“จะถอดกางเกงทำไมคะ หรือมีอวัยวะส่วนไหนที่คิดว่ามีอาการผิดปกติ เต้นตุบๆ อีก ถ้ามี หมอก็จะฝังเข็มให้”
ให้ตายเถอะ หมอสาวตรงหน้าร้ายกาจไม่เบา ก็อวัยวะภายใต้กางเกงที่กำลังเต้นตุบๆ มีอยู่จุดเดียว แล้วเขาคงไม่ยอมให้หมอเอาเข็มเล็กๆ มาฝังลงบนเสาเข็มใหญ่ยักษ์แน่นอน
จาคอปไหวไหล่ “ผมไม่รู้ว่าหมอจะฝังเข็มตรงไหนบ้างนี่ครับ เลยถามเผื่อไว้เท่านั้น”
“หมอจำได้ว่าบอกแค่ให้ถอดเสื้อไม่ใช่หรือคะ คุณได้ยินตอนไหนที่หมอบอกให้ถอดกางเกง”
“ผมเข้าใจผิด ขอโทษทีครับ นึกว่าต้องถอดกางเกงด้วย”
บัวบุษยามองคนแถไปเรื่อยอย่างหมั่นไส้ เธอมั่นใจว่าเขาแกล้งเธอมากกว่า ถึงแม้จะคิดแบบนั้น หากแต่เธอก็ไม่มีสิทธิ์จะทำอะไรมากกว่าให้การรักษาเขา เธอต้องสูดลมหายใจเข้าปอดอีกครั้ง และต้องตกตะลึงเมื่อเห็นว่าเขาถอดเสื้อออกจนหมดแล้ว เหลือแต่ซิกซ์แพ็กแน่นๆ จนเธอเผลอกลืนน้ำลาย
มือน้อยๆ หยิบเข็มขึ้นมา ทว่ามันคงจะสั่นไปหน่อยเพราะจาคอปรีบพูดขึ้นพร้อมกับหรี่ตามอง
“หมอฝังเข็มได้แน่นะครับ ดูมือสั่นๆ ใจสั่นด้วยหรือเปล่า ผมไม่รีบนะครับ ค่อยๆ ทำก็ได้”
“ได้สิคะ ฉันเคยฝังมาแล้ว”
‘ที่มือสั่นเพราะอยากเอาเข็มเย็บปากใครบางคนแถวนี้มากกว่า’
แต่ด้วยจรรยาบรรณแพทย์ เธอจึงทำแบบนั้นไม่ได้
“งั้นทำไมหมอถึงมือสั่น”
“หมอไม่ได้มือสั่นค่ะ คุณตาฝาดมั้ง” แถมาก็แถกลับ ไม่โกงกันอยู่แล้ว
จาคอปอมยิ้ม “ผมน่ะสายตาดีมาก ยิงปืนระยะสองร้อยเมตรไม่เคยพลาดเป้า แต่หมอกับผมอยู่ห่างกันไม่ถึงเมตร ผมตาฝาด?” เขาเลิกคิ้วถามกลับเสียงสูง
บัวบุษยาจ้องเขาเขม็ง “มิสเตอร์ออสตินคะ กรุณาอยู่ในความเงียบด้วยค่ะ หมอจะได้เริ่มการรักษาเสียที แค่คุณพาทีมอารักขามาเยอะขนาดนี้ หมอก็ไม่มีสมาธิแล้ว”
มือบางจับไหล่ของคนไข้ไว้ทำให้จาคอปรู้ว่าไม่ควรแหย่ให้บัวบุษยาโกรธอีก ไม่อย่างนั้น เข็มเล็กๆ ในมือของเธออาจจะกลายเป็นอาวุธแทนที่จะเป็นเครื่องมือรักษา
“ผมจะอยู่เฉยๆ ไม่พูดเลยครับ”
บัวบุษยาไม่ตอบโต้ หากแต่ตั้งใจฝังเข็มลงไปอย่างดี เกิดความเงียบขึ้นชั่วอึดใจ บัวบุษยาค่อยๆ ฝังเข็มลงไปที่ช่วงต้นคอ และไล่ไปที่ไหล่ เพราะเส้นประสาททั้งหมดเกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงกันไม่ต่างจากใยแมงมุม หากแต่สมาธิของคุณหมอต้องค่อยๆ มลายหายไปเพราะคนตัวโตจู่ๆ ก็เอามือมาวางแหมะลงบนสะโพกของเธอ
“มิสเตอร์ออสตินคะ คุณกำลังลวนลามฉัน” บัวบุษยาขึงตาไปที่มือของเขาแล้วบิดตัวออกห่าง หากแต่ว่ามือหนาไม่ยอมปล่อย
“ผมไม่ชอบเข็ม ผมแค่อยากหาอะไรยึดเหนี่ยวเพื่อทำใจ”
“หมายความว่ายังไง” บัวบุษยากำลังลังเล เธอไม่เข้าใจความหมายของเขาสักนิด หากแต่ใบหน้าขาวเผือดทีละนิดของชายหนุ่มนั่นทำให้บัวบุษยาขมวดคิ้ว