แอบรักคือแอบรัก ไม่เคยแสดงออกหรือบอกออกไป ได้แต่เฝ้ามองเขาตั้งแต่ยังโสด มีผู้หญิงมาติด และคบหากับปานวาด กระทั่งเลิกรากันไป เธอก็ยังแอบรักอยู่ การไปดูแลพยัคฆ์แล้วคอยรายงานเรื่องนี้ให้พ่อแม่เขารับรู้ มันไม่ใช่งานยากเลย เป็นงานที่เธออยากทำมากที่สุดด้วยซ้ำ
หญิงสาวนั่งรถของครอบครัวพยัคฆ์มายังที่หมายเพียงไม่กี่วันหลังจากรับปากจะทำหน้าที่นี้ ไร่ของครอบครัวพยัคฆ์โอบล้อมไปด้วยภูเขาใหญ่ทั้งหน้าและหลัง ห่างไกลผู้คนและชุมชนเมือง เงียบสงบราวกับเป็นโลกอีกมิติหนึ่งจนแก้วตาอดคิดไม่ได้ว่ามันช่างวังเวงวิเวกโหวงเหวงเหลือเกิน เธอพอได้ยินมาบ้างว่าพื้นที่นี้เป็นพื้นที่ส่วนตัวมาก ทว่าก็ไม่คิดว่ามันจะส่วนตัวขนาดนี้
ดวงตากลมทอดมองไปยังไร่มันสำปะหลังเบื้องหน้า ก่อนคนขับรถจะทำลายความเงียบขึ้น
“ถึงตรงนี้ต้องลงแล้วเดินไปเองนะแก้วตา”
คนขับรถอายุรุ่นราวคราวพ่อเป็นอีกคนที่ทำงานกับครอบครัวของพยัคฆ์มานาน จึงสนิทสนมกับแก้วตา นับเป็นญาติผู้ใหญ่เช่นกัน
แต่นั่นก็ไม่ได้สำคัญอะไรเท่ากับการมองไปยังทางเบื้องหน้าซึ่งเป็นทางแคบๆ พอให้รถมอเตอร์ไซค์และคนเดินผ่านไปได้เท่านั้น รถยนต์หมดสิทธิ์เพราะสองข้างทางถูกล้อมรอบด้วยป่าข้าวโพด แก้วตาจึงเผลอส่งแววตากังวลออกมา
“ไม่ต้องกลัวไปหรอก บ้านพักอยู่ไม่ไกล เดินจากตรงนี้ไปสักห้าร้อยเมตรก็ถึง ปกติเวลาคุณท่านกับคุณนายมา ลุงก็มาจอดรถตรงนี้แล้วพวกท่านก็เดินเข้าไปเหมือนกัน”
แก้วตาพยักหน้ารับ แค่ห้าร้อยเมตรหรือ? งั้นก็ไม่ต้องกังวลว่าจะหลง เธอเดินไปเองได้แน่นอน
“งั้นแก้วขอลาลุงตรงนี้เลยนะคะ ช่วยเปิดหลังให้แก้วด้วยนะ แก้วจะเอากระเป๋าลงค่ะ”
ลุงคนขับรถช่วยแก้วตาตามที่เธอต้องการ เมื่อได้กระเป๋าเสื้อผ้ามาไว้ในมือแล้ว หญิงสาวก็ลากกระเป๋านั้นผ่านทางแคบๆ เข้าไปยังบ้านพักที่อยู่ไม่ไกลเบื้องหน้า
บ้านพักของเจ้าของสถานที่ดูหรูหราไม่ต่างอะไรจากบ้านหลักในเมืองหลวงเลย เพียงแต่บ้านที่นี่ดูละม้ายคล้ายรีสอร์ตอยู่สักหน่อย แก้วตาละความสนใจจากความสวยงามของบ้านไปที่ประตู ก่อนจะส่งปลายนิ้วเรียวไปกดกริ่งเรียกคนข้างใน รออยู่ไม่นาน เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นพร้อมกับประตูที่ถูกเปิดออก
แก้วตายิ้มหวานทันทีเมื่อเห็นว่าคนที่มาเปิดประตูนั้นคือ...
“พี่เสือ”
เสียงเรียกสนิทสนมนั้นแสดงให้เห็นว่าแก้วตาเป็นมากกว่าลูกแม่บ้าน
ใช่ พ่อแม่ของพยัคฆ์รักและเอ็นดูหญิงสาวประหนึ่งดั่งลูกหลานคนหนึ่ง นอกจากจะอนุญาตให้เรียกพยัคฆ์ว่า ‘พี่เสือ’ แล้ว ยังอนุญาตให้เรียกพวกตนว่า ‘คุณลุงคุณป้า’ อีกด้วย
หากแต่พยัคฆ์ไม่สนในคำเรียกนั้น เขาเหลือบมองดวงหน้าจิ้มลิ้มของหญิงสาวที่คุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดี พลันเรียวคิ้วก็ขมวดมุ่น
“มาทำไม”
“คุณลุงคุณป้าให้แก้วมาดูแลพี่เสือค่ะ”
แก้วตาตอบกลับเสียงใส ไม่รู้เลยว่าความสดใสของเธอทำให้พยัคฆ์ขมวดคิ้วมุ่นมากกว่าเดิม
“ฉันไม่ต้องการ กลับไป”
ทำท่าจะดึงประตูปิดเสียด้วย แต่แก้วตารู้ทันว่าเวลาพยัคฆ์พูดด้วยน้ำเสียงโทนเดียวหรือโทนต่ำที่แสดงถึงความโมโหหงุดหงิด เขาจะรีบหนีหน้าไป แก้วตาจึงรีบคว้าบานประตูเอาไว้แล้วยื้อยุด ทำเอาพยัคฆ์เหลือบมองหน้าเธออีกครั้ง
“แก้วตา ฉันไม่ได้พูดเล่นนะ กลับไปซะ”
บอกย้ำราวกับรู้ว่าผู้หญิงตรงหน้าเป็นพวกไม่ฟังคำสั่ง...ถูกแหละ แก้วตาเป็นพวกไม่ฟังคำสั่ง...ของเขาคนเดียวเท่านั้น ไม่รู้เป็นอะไร ใครสั่งอะไร เธอเชื่อไปหมด แต่พอพยัคฆ์สั่งบ้าง เธอก็พร้อมจะขัดอยู่ร่ำไป ถ้าไม่เห็นว่าเป็นน้องเป็นนุ่งเพราะโตมาด้วยกันล่ะก็ เขาเตะก้นเธอโด่งไปแล้ว
“แก้วก็ไม่ได้พูดเล่นค่ะ แก้วมาดูแลพี่เสือ กลับไม่ได้หรอก”
แก้วตาออกแรงยื้อประตูอีก พยัคฆ์เห็นว่าถ้าเขายังไม่หยุดยื้อยุดกับเธอ ประตูบ้านบานใหญ่คงได้หลุดลงมาแน่ เขาจึงปล่อยมือ
“มาดูแลเรื่องอะไร”
ถูกถาม แก้วตาก็ปราดมองเขาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
“ก็...ดูแลทุกเรื่อง”
ตั้งแต่เรื่องอารมณ์ นิสัยใจคอ การใช้ชีวิต รวมถึงเรื่องสารรูปด้วย เพราะพยัคฆ์ในตอนนี้ต่างจากตอนที่เธอเคยเจอครั้งสุดท้ายอยู่มาก ทั้งไว้เครา ทั้งดูกำยำสูงใหญ่กว่าเดิม ผิวคล้ำกรำแดดจากการทำงานในไร่ ผิดจากตอนเป็นผู้กองลิบลับ ตอนที่ยังเป็นผู้กองสุดเท่อยู่ เขาดูเนี้ยบตั้งแต่หัวจรดเท้า ไม่ดูรุงรังเป็นทาร์ซานแบบนี้หรอก
“กลับไปซะ ฉันไม่ต้องการเธอ เดี๋ยวจะให้คนงานขับรถไปส่งที่ขนส่ง กลับตอนนี้ยังทัน”
นอกจากจะไม่ต้อนรับแล้ว ยังขับไล่ไสส่งอีกด้วย ไม่ถามสักคำว่าตอนมา เธอมาอย่างไร แต่ขากลับจะให้เธอนั่งรถทัวร์กลับเฉย
เขาคว้าโทรศัพท์มือถือจากกระเป๋ากางเกงขึ้นมา เตรียมจะโทรไหว้วานคนงานที่สนิทกันให้เอารถออกไปส่งหญิงสาวหน่อย แต่คิดหรือว่าแก้วตาจะยอม เธอไม่ได้ตกปากรับคำพ่อแม่ของพยัคฆ์มาที่นี่เล่นๆ นะ ไล่อย่างไรก็ไม่ไปหรอก
“ไม่กลับค่ะ แก้วมีหน้าที่มาดูแลพี่เสือตามคำสั่งของคุณลุงคุณป้า แก้วไม่กลับตามคำสั่งของพี่เสือหรอก”
พยัคฆ์มองตาเขียว ออกปากอีกครั้ง “กลับไป ฉันขอสั่ง...”
“ไม่ไปค่ะ แก้วบอกแล้วไงว่าจะฟังคำสั่งแค่ของคุณลุงคุณป้า ไม่ฟังคำสั่งของพี่เสือ”
ยังยิ้มมาให้อีก หน้าด้านหน้าทนแบบนี้หรือเปล่านะที่พ่อแม่ของพยัคฆ์ไว้ใจว่าแก้วตาไม่ทำให้ผิดหวังแน่ ส่วนพยัคฆ์ชักโมโหแล้ว เขาบอกชัดเจนว่าไม่ต้องการ เธอจะเอาอะไรกับเขาอีก!?
“ถ้าเธอไม่ไป ฉันจะ...”
“แก้วเชื่อว่าพี่เสือไม่ทำอะไรแก้วหรอก รู้นะคะว่าแค่ขู่”
หญิงสาวตอกกลับแทบจะในทันที พูดอย่างรู้ทันอีกด้วย รอยยิ้มที่ส่งมาบ่งบอกว่าเธอจะดื้อรั้น ไม่ยอมทำตามใจของพยัคฆ์อย่างชัดเจน คนที่โตมากับเธอ ทำไมจะไม่รู้ล่ะว่าแก้วตาเป็นคนอย่างไร ต่อให้เป็นลูกสาวของลูกจ้างก็เถอะ แต่ความเอาแต่ใจไม่ได้เป็นรองลูกเจ้านายเลยทีเดียว
“นี่ก็จะมืดแล้วด้วย ถึงพี่เสือจะบอกว่ากลับไปตอนนี้ยังทัน แต่แก้วก็จะไปถึงดึกอยู่ดี เป็นผู้หญิงเดินทางคนเดียวตอนดึกๆ มันอันตรายนะคะ
ใจคอพี่เสือจะให้แก้วไปจริงๆ เหรอ”
และเธอก็เตรียมพร้อมมาเพื่อการนี้แล้ว วางแผนมาอย่างหมดจดว่าจะยอกย้อนพยัคฆ์อย่างไร วางแผนแม้กระทั่งการออกเดินทางให้มาถึงเวลาประมาณนี้ เพื่อที่จะให้พยัคฆ์ไล่เธอไปไม่ได้ ต่อให้ไม่อยากให้เธออยู่ แต่อย่างน้อยก็คงไม่ใจร้ายใจดำให้เธอกลับไปมืดๆ ค่ำๆ หรอก และเรื่องนี้ก็ทำเอาคนฟังถึงกับถอนหายใจเต็มแรง
“งั้นฉันจะให้เธอค้างแค่คืนนี้คืนเดียวเท่านั้น พรุ่งนี้ก็กลับไปซะ”
แก้วตาไม่รับปาก เธอยิ้มลอยหน้าลอยตาเป็นสัญญาณบอกให้
อีกฝ่ายรู้ หากแต่พยัคฆ์ไม่สนใจ ได้แต่บอกปัดไปด้วยรำคาญใจเต็มทน
“เอาของเข้าไปเก็บในบ้าน ห้องของเธอคือห้องนอนแขก บริการตัวเอง ที่นี่ไม่มีใครมาบริการให้”
“รับทราบค่ะ”
น้ำเสียงของแก้วตาใสกังวานขึ้นมาทันที แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้ลากกระเป๋าเข้าไปในบ้าน เสียงของพยัคฆ์ก็ดังแทรกขึ้นมาเสียก่อน
“แล้วฉันจะขอเตือนเธอเอาไว้อีกอย่าง”
“อะไรคะ”
“เธอต้องเข้าห้องนอนก่อนสามทุ่ม”
หญิงสาวเลิกคิ้วสูง นี่เขาเห็นเธอเป็นเด็กหรืออย่างไร ถึงได้กำหนดเวลาเข้านอนให้อย่างนี้น่ะ
แต่ยังไม่ทันจะได้สวนกลับ อดีตผู้กองหนุ่มก็แทรกขึ้นมาเสียแล้ว
“และพอเข้าห้องนอนแล้ว ก็ห้ามออกจากห้องอีกจนกว่าฟ้าจะสว่าง”
“เอ๊ะ...”
“ถ้าได้ยินเสียงอะไรตอนดึกๆ ก็ห้ามออกมา ไม่ว่ายังไงก็ห้ามออกมาเด็ดขาด”
ประโยคนี้ทำเอาแก้วตาสงสัยไม่น้อย รู้แหละว่าพยัคฆ์เปลี่ยนไปเป็นคนละคนหลังจากที่เลิกรากับปานวาด แต่ไม่เข้าใจว่าเขากลายมาเป็นคนชอบสั่งได้อย่างไร ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนเขาไม่...
“อย่าถามมาก ฉันไม่อยากให้เธอมาซักไซ้ สงบปากสงบคำ”
ไม่พูดจาแข็งๆ ห้วนๆ กระด้างแบบนี้ด้วย...ดูเหมือนอะไรๆ ก็ทำให้เขาหัวเสียไปหมด แก้วตาที่หมายจะตั้งคำถามจึงจำต้องเงียบปาก
ได้...ในเมื่อเขาไม่อยากให้ถามก็ไม่ถามแล้วกัน
แต่ว่า...
“ถ้าแก้วปวดฉี่...ทำไงคะ”
“หาถังหรืออะไรเข้าไปไว้ในห้อง แล้วก็จัดการฉี่ใส่ในนั้น”
ไม่คิดเลยว่าจะได้ยินคำตอบนี้ แก้วตาจะขำก็ไม่กล้า ได้แต่กลั้นเอาไว้เพราะฟังจากน้ำเสียงและสีหน้าดุดันแล้ว เขาไม่ได้พูดเล่น
“ทำตามนี้ แล้วอย่าถามอะไรให้มากความ ฉันรำคาญ”
พูดจบก็เดินออกจากบ้านไปหน้าตาเฉย ไม่สนใจแขกที่มาใหม่สักนิด แก้วตามองแผ่นหลังกว้างที่เดินหายไปในมุมหนึ่งของพื้นที่นอกบ้าน พลันก็อดทำปากยื่นแล้วถอนหายใจไม่ได้
มีคนบอกว่าพยัคฆ์เปลี่ยนไปราวกับหน้ามือเป็นหลังมือหลายคนก็จริง แต่ไม่ได้คิดว่าเขาจะเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ พยัคฆ์ที่เคยอ่อนโยน คนที่เคยใจเย็น หัวเราะเก่ง และใจดีกับเธอ บัดนี้ได้อันตรธานหายไปหมดแล้ว
อันที่จริง...หายไปหมดแล้วตั้งแต่ตอนที่เขาคบหากับปานวาดมากกว่า
เขาไม่ได้เป็นของเธอ แก้วตาเข้าใจ เธอก็ไม่ได้อยากจะมาทำให้เขาเป็นของเธอด้วย แค่อยากมาดูแลเท่านั้น
ตามประสาคนแอบรักล่ะนะ...