ร้านที่พี่ปราบขับรถพามาเป็นร้านที่ค่อนข้างหรูมีระดับ คาดว่าหากไม่มีคนเลี้ยงผมคงไม่มีปัญญามาเอง และไม่รู้ว่าพี่ปราบแกเส้นใหญ่หรืออะไร ผมกับไอ้หวายก็เลยไม่โดนตรวจบัตรประชาชนในขณะที่คนอื่นๆ โดนกันถ้วนหน้า
“แล้วไอ้พวกนั้นอะ ไม่มาเหรอวะ” ผมถามไอ้หวายระหว่างเดินตามพี่ปราบเข้าไปในร้าน
“มันเพิ่งส่งข้อความมาบอกว่าใกล้ถึงแล้ว ไว้มันโทรมาค่อยออกไปรับ” ไอ้หวายตอบ ตอนนี้ยังไม่ดึกเพลงก็เลยยังไม่ดัง คนก็ยังไม่เยอะมากนัก ทำให้มองเห็นบรรยากาศโดยรอบและเห็นว่าผู้หญิงที่นี่งานดีสัด เป็นผู้หญิงแบบที่ผมทำได้แค่มอง แบบหมาวัดมองเครื่องบิน
“ไง ชอบเหรอ แบบนั้นน่ะ” พี่ปราบเอาไหล่สะกิดผมที่ยืนมองผู้หญิงพวกนั้นตาไม่กะพริบ
“หรือพี่ไม่ชอบของสวยๆ งามๆ” ผมย้อนถาม
“หึๆ ชอบ” พี่ปราบมองผมด้วยสายตากรุ้มกริ่มปนหื่น ถ้าใช้สายตาแบบนี้มองพวกหญิงพวกนั้น รับรองว่าได้กินชัวร์
เดินมาถึงโต๊ะ พวกพี่ๆ หน้าเดิมก็นั่งอยู่แล้ว และไอ้หวายก็รีบเข้าไปประจบพี่ๆ มันรายตัว
“ผมรักพวกเฮียที่สุดเลย คืนนี้ขอหนักๆ ผมอยากเมา ขอสาวๆ ด้วยยิ่งดี” ไอ้หวายตะโกนเสียงดัง เข้าไปแทรกกลางระหว่างเฮียธีร์กับเฮียบีท เฮียกี่ที่นั่งถัดจากเฮียบีทเอื้อมมือไปจิ้มแผลบนหน้ามัน แกล้งจนไอ้หวายร้องเจ็บ
“หน้ามึงดูไม่ได้ขนาดนี้ยังคิดจะเอาหญิง ทำแผลหรือยัง กูเอาเหล้าฆ่าเชื้อให้ไหม แม่งมาทีไรเสียงดังทุกที” เฮียกี่บ่น แต่ปากแกยกยิ้มบางๆ นะครับ
“สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้รอบวงก่อนจะนั่งลงฝั่งตรงข้าม พี่ปราบก็มานั่งข้างๆ ผม
“เออ มึงไม่ต้องยกมือไหว้ก็ได้ กูไม่ถือ ไอ้หวายมันก็ไม่ค่อยไหว้พวกกูนักหรอก ทำตัวตามสบายมึง” เฮียบีทพูดอย่างเป็นกันเอง ผมพยักหน้า แต่ครั้งหน้าเจอกันก็คงยกมือไหว้ มันชินไง ถ้าไม่ได้รู้สึกเกลียดแล้วอายุมากกว่าผมก็ยกมือไหว้หมดแหละ
“เอาอะไร เบียร์หรือเหล้า หรือไวน์ สั่งเลยพวกกูเลี้ยงปลอบใจที่พวกมึงเพิ่งไปโดนตีนมา” เฮียธีร์ถามผม ผมมองขวดเหล้าที่วางอยู่บนโต๊ะ ไม่รู้หรอกยี่ห้ออะไรเพราะไม่รู้จัก แต่คิดว่าน่าจะราคาแพง
“ขอเหล้าแล้วกันครับ” ผมบอก
“เฮียบีท เพื่อนผมมันมาถึงแล้วอะ พาออกไปรับมันข้างหน้าหน่อยดิ” ไอ้หวายลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินออกไปพร้อมเฮียบีท
“กินข้าวมายัง” พี่ปราบถาม ผมส่ายหัว
“ยังเลยพี่”
“งั้นมึงกินข้าวก่อน เหล้าไว้ค่อยกิน” พี่ปราบพูดเสียงเข้ม ยกมือเรียกพนักงานให้เอาเมนูอาหารมาให้ ผมหยิบมาเปิดดู แค่เห็นราคาอาหารกูก็อิ่มแล้ว แพงไปไหนวะ
“ทำไมอาหารมันแพงนักอะพี่” ผมเงยหน้าถาม
“ไม่ต้องสนใจ จะกินไรสั่งเลย” พี่ปราบพูด
“ป๋ามากอะ” ผมขำเบาๆ คนมันรวยก็งี้ ในเมื่อพี่ปราบอนุญาตผมก็ไม่เกรงใจ สั่งข้าวผัดง่ายๆ โง่ๆ กับต้มยำและทอดมันกุ้งอีกอย่าง ระหว่างรอก็ยกแก้วเหล้าขึ้นจิบ อึกแรกคือขนลุกซู่ เฮียธีร์ชงเข้มสุดๆ
“เฮียธีร์ ชงนี่กะมอมผมเลยปะ” ผมถาม เฮียธีร์เลิกคิ้วก่อนจะยิ้ม
“คออ่อนเหรอมึง”
“ใครคออ่อนเฮีย ไม่มีเหอะ” หยามเรื่องไรหยามได้แต่เรื่องนี้มีเคือง ผมกินเหล้ากินเบียร์เกือบทุกวัน ถ้าคออ่อนก็เกินไปละ
“กินๆ เข้าไปเหอะมึง ป๋าที่นั่งข้างมึงจ่าย ขวดนี้เจ็ดพันเลยนะมึง” เฮียบีทตอบ ผมหันไปมองหน้าพี่ปราบทันที
“เหล้าเหี้ยไรวะพี่ปราบ แพงฉิบหาย” ผมตกใจนะ คือเจ็ดพันนี่ผมซื้อข้าวกินได้เป็นเดือนสองเดือนเลยอะ
“ของดีราคาก็ต้องดี กูอนุญาตให้มิกซ์ได้แค่น้ำเปล่ากับโซดา ห้ามน้ำอัดลมเด็ดขาด เสียของ” พี่ปราบพูด แต่ตาโคตรดุ เหมือนจะต่อว่าที่ผมไปด่าเหล้าแก
“มึงรู้เปล่าว่าไอ้ปราบนี่เซียนของมึนเมา แดกมาแล้วทุกยี่ห้อทุกแบบทุกชนิด แดกยันราคาหลักแสน” เฮียกี่อธิบายความเป็นพี่ปราบเพิ่มเติม ผมหันไปทำตาโตใส่
“หลักแสน! แค่แสงโสมก็พอมั้งพี่ กินไปก็ฉี่ออกมาเหมือนกัน เมาเหมือนกัน เสียเงินเยอะแยะทำไม”
เพียะ
“ฮ่าๆๆ โดนเข้าให้แล้วไง” เฮียบีทมันขำที่ผมโดนพี่ปราบตบปาก ไม่เจ็บมาก แต่พอมันโดนแผลที่ผมโดนต่อยมาก็แสบเอาเรื่องอยู่
“มึงห้ามพูดแบบนี้อีก เหล้าดีมึงเอามาเปรียบกับเหล้าธรรมดาไม่ได้ มันไม่เหมือนกัน” พี่ปราบดุหน้าเครียด ซึ่งผมงงมาก อะไรของเขาวะ
“ใจเย็นๆ น้องมันไม่รู้ มึงไม่ต้องตกใจไอ้พัช เดี๋ยวมึงก็ชิน แล้วก็ไม่ต้องคิดมาก มีของดีให้กินก็กินไป” พี่กี่บอกพร้อมกับยกแก้วเหล้าให้ผมชน
“มาแล้วค้าบมาแล้วว” เสียงไอ้หวายอีกละที่นำมา ก่อนที่มันจะเริ่มแนะนำพวกพี่ๆ ให้ไอ้กาน ไอ้นุ๊กและไอ้ตูนรู้จัก เมื่อรู้จักกันครบหมดแล้วก็หาที่นั่งและเริ่มเมากันทันที
ผมนั่งกินข้าวโดยมีไอ้กานแย่งกินอยู่ข้างๆ และดูเหมือนว่ากับข้าวที่ผมสั่งมากินจะไม่พอสำหรับกระเพาะควายๆอย่างพวกผม
“พี่ สั่งอีกได้เปล่า ไม่อิ่มว่ะ” ไอ้กานถามแล้วมองหน้าเฮียทุกคน
“เออ อยากกินไรมึงสั่งเลย ไม่ต้องขออนุญาต”
“ใจดีโคตร ขอบคุณนะครับ” ไอกานยกมือไหว้ถวายบังคมเหนือหัวกวนๆ ก่อนจะรีบเรียกพนักงานมาสั่งอาหารเพิ่มทันที
“กูไม่ได้ใจดีหรอก แต่เห็นแล้วสงสาร สภาพพวกมึงแต่ละคนเหมาะที่จะนอนโรงพยาบาลมากกว่าออกมาลั้นลาในผับ”
“เรื่องตีเรื่องต่อยเพลาๆ บ้างเถอะพวกมึง ตายห่ามาสักวันพวกกูจะไม่ไปงานศพ” พี่ธีร์บ่นใส่หน้าไอ้หวาย คิดว่ามันจะสำนึกไหม อย่าว่าแต่มันเลย พวกผมได้แต่มองหน้ากันแล้วเงียบ
“ไม่เอาน่าเฮีย วันนี้งดสวดนะ หวายขอร้องงง” ไอ้หวายทำหน้าอ้อน แต่เป็นอ้อนตีนนะ เลยโดนเฮียปราบที่นั่งตรงข้ามถีบเก้าอี้เข้าให้
“ผมถามไรหน่อยดิ คนหล่อไฮโซแบบพวกพี่ทำไมมารู้จักกับไอ้หวายได้อะ” ไอ้ตูนถามด้วยความสงสัย
“อ้าวๆ พูดงี้หมายความว่าไงวะเพื่อน จะหาว่ากูโลโซเหรอ” ไอ้หวายโวยวาย
“เออ มึงเพิ่งรู้ตัวเหรอ” ไอ้นุ๊กเสริมทัพไอ้ตูน
“แม่กูรู้จักกับแม่มัน” เฮียบีทตอบ “เพื่อนมึงเป็นคนใจง่าย เล่นกับกูสองสามครั้งเท่านั้นแหละติดแจ สุดท้ายก็เลยรู้จักกับเพื่อนกูทุกคน”
“ผมว่าพี่ซวยแล้วแหละที่รู้จักคนอย่างมัน” ไอ้กานพูด
“ไอ้เหี้ยกาน ว่ากูเหรอ”
“หูมึงไม่ดีหรือเปล่าเพื่อน เมื่อกี้กูชมมึงคำโตเลยวะเว้ย”
“ไอ้เหี้ยกาน”
ไอ้หวายหยิบถั่วปาใส่หัวไอ้กาน แต่ทำไมมันถึงมาโดนหน้าผากผมได้วะ
“ไอ้หวาย” ผมเรียกมันเสียงเขียว
“โทษทีมึง กูพลาดว่ะ” ไอห่านี่พูดง่าย
“ตาเหล่เหรอมึง ฮ่าๆๆ กูพาไปหาหมอไหม” ไอ้กานนี่ก็กวนตีนไม่เลิก
“เดี๋ยวกูเขวี้ยงแก้วแม่ง”
“กร๊ากก” ดูทุกคนจะชื่นชอบที่ไอ้หวายโดนแกล้ง ต่างก็หัวเราะด้วยความสะใจ
สองชั่วโมงผ่านไปสภาพทุกคนไม่มีดี จากที่นั่งก็ยืนกันหมด เก้าอี้ถูกเอาออกเพราะแค่จะยืนก็ยังไม่มีที่ ยิ่งดึกคนยิ่งเยอะยิ่งมัน ไอ้กานกับไอนุ๊กลากผมไปเต้นอยู่ใกล้ๆ กับกลุ่มสาวๆ อาศัยความหน้าด้านและความเมาล้วนๆ จนกระทั่งเหนื่อยก็กลับมาที่โต๊ะ ไอ้หวาย เฮียธีร์ และเฮียบีทหายไปไหนไม่รู้ เหลือพี่ปราบกับเฮียกี่ที่ยืนโอบสาวอยู่ที่โต๊ะ
ผมรู้สึกอยากสูบบุหรี่ แต่เขาไม่ให้สูบในนี้เลยว่าจะออกไปสูบข้างนอก ตบๆ กระเป๋ากางเกงหาของที่ต้องการแต่ดันลืมไปว่าบุหรี่ผมหมดและยังไม่ได้ซื้อ ไม่รู้จะทำยังไงก็เลยหันไปสะกิดพี่ปราบ
“มีอะไร” พี่ปราบละความสนใจจากสาวมามองหน้าผม
“พี่มีบุหรี่ปะ” ผมถาม
“มี จะเอา?า”
“อืม อยากอะ” ผมตอบ พี่ปราบล้วงซองบุหรี่จากกระเป๋ากางเกงให้ทั้งซอง ไอ้ตูนเห็นเข้าพอดีเลยเอ่ยปากขอด้วยเพราะมันไม่ได้พกมา จากนั้นผมและไอ้ตูนก็พากันเดินไปทางห้องน้ำที่อยู่ด้านหลัง ตรงนั้นจะมีที่ให้ยืนสูบบุหรี่
อากาศข้างนอกเย็นนิดหน่อย แต่ได้เหล้าดีเข้าไปเลยทำให้ร่างกายอบอุ่น ผมจุดบุหรี่ยืนสูบกับไอ้ตูน มีคนอื่นอยู่ใกล้ๆ อีกสองสามคนแต่ไม่ได้สนใจ พอเดินออกจากวงเหล้า แม้จะเมาแต่สิ่งแรกที่ผมคิดถึงก็คือพลอย
ผมหยิบโทรศัพท์ออกมาดู ไม่มีสายเข้าสักสายตั้งแต่ที่แยกกันตอนเย็น พลอยไม่คิดจะเป็นห่วงหรือโทรหาผมเลยเหรอวะ ความจริงวันนี้ผมมีนัดจะไปดูหนังกับพลอย แต่ดันงานเข้า พลอยแม่งก็เลยหายหัวไปเลยตั้งแต่เย็น
ในเมื่อไม่โทรมาผมก็จะเป็นคนโทรหาไปเองครับ มาดเมิดอะไรกูไม่มีทั้งนั้น มีแค่ว่าอยากโทรอยากคุย ยังไงผมก็ผิดแหละงานนี้
แต่ต่อสายหลายครั้งรอจนกระทั่งสัญญาณตัดพลอยก็ไม่ยอมรับสาย
“มึง กูจะเข้าไปแล้วนะ” ไอ้ตูนที่สูบบุหรี่เสร็จแล้วสะกิดบอกผม
“เออ เข้าไปก่อนเลย กูโทรหาพลอยแป๊บ” ผมบอก ไม่ได้มองหน้ามันเลยไม่รู้ว่ามันมองหน้าผมด้วยสายตาแบบอึดอัด ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินกลับเข้าไปในร้าน
ผมไม่ละความพยายาม กดต่อสายอย่างใจเย็นจนกระทั่งรู้สึกว่ามีคนมานั่งข้างๆ ผมเอาโทรศัพท์ออกจากหูเมื่อสัญญาณตัดไปอีกครั้ง
“ออกมาทำไมอะพี่ ไม่อยู่กับสาวเหรอ” ผมถามพี่ปราบที่มานั่งสูบบุหรี่อยู่ข้างๆ แต่ซองที่พี่ปราบให้มายังอยู่ที่ผม
“ทำไมกูต้องอยู่กับสาวด้วยอะ” คนหล่อย้อนกลับมาหน้ากวน
“อ้าว ก็เห็นสีกันอยู่” ผมพูดตามที่เห็น
“คุยไปงั้นๆ”
“เหรอ”
“แล้วมึงอะ ออกมานั่งทำไร” คราวนี้พี่ปราบถามบ้าง ผมเลยก้มมองโทรศัพท์ในมือ ตัดสินใจเลิกโทร พรุ่งนี้ค่อยไปหาที่บ้านไม่ก็ที่โรงเรียนพลอยทีเดียว
“โทรหาแฟน แต่ไม่รับสาย”
“ทะเลาะกัน?”
“อืม ประมาณนั้น เรื่องที่ผมโดนตีนมาเนี่ยแหละ” ได้ทีผมก็ถือว่าระบายไปในตัว
“ผู้หญิงก็งี้ ไม่อยากให้แฟนมีเรื่องต่อยตี”
“ผมว่ามันหลายเรื่อง”
“ยังไง”
“เหมือนแฟนผมจะพยายามเอาตัวออกห่าง” ผมรู้ตัวดีว่าสิ่งที่พลอยทำคืออะไร แต่ผมจะไม่ยอมให้มันเป็นแบบนั้น
“คุยกันดีๆ ดิ ผู้หญิงอาจจะน้อยใจ มึงก็ทำตัวดีๆ หน่อย”
“ผู้หญิงไม่ได้ชอบคนเลวเหรอวะพี่” ผมหันไปขมวดคิ้วถามหาคำตอบจากพี่ปราบ
“ฮ่าๆๆ ผู้หญิงของมึงอาจจะชอบคนดีก็ได้”
กูต้องเป็นคนดี...งั้นเหรอ
จากนั้นผมกับพี่ปราบก็เงียบใส่กันอยู่ราวห้านาที คิดๆ ไปตอนผมเจอพี่ปราบครั้งแรกกับครั้งที่สองที่เซเว่น บอกตามตรงว่าพี่มันกวนตีนผมมาก และยังมีหน้ามาชวนผมไปกินข้าวอีก การกระทำของเขาเรียกได้ว่าบ้าบอเลยทีเดียว
“พี่ปราบ ถามไรหน่อยดิ”
“ว่ามา” ร่างสูงขยับหันเข้าหาผมอีกเล็กน้อย
“วันก่อนที่พี่ชวนผมไปกินข้าวอะ พี่รู้จักผมแล้วเหรอว่าเป็นเพื่อนกับไอ้หวาย ทำไมถึงเข้ามาชวน” จะว่าข้องใจก็ได้ ตอนนั้นผมคิดว่าคนบ้าอะไรชวนคนไม่รู้จักไปกินข้าว
“กูรู้จักมึงตั้งแต่วันที่มึงกับกูชนที่ร้านเหล้าแล้ว” พี่ปราบตอบ ผมเบิกตากว้างเพิ่มนิดหน่อย
“จริงดิ พี่รู้ป่ะว่าพี่โคตรกวนตีนเลย” ผมพูดตรงๆ พี่ปราบจ้องหน้าผมก่อนจะพยักหน้า
“กูรู้สึกว่ามึงเป็นเด็กที่น่าสนใจดี ไหนๆ ก็เป็นเพื่อนกับไอ้หวาย กูเลยอยากรู้จัก” พี่ปราบอธิบายเพิ่มเติม
“แล้วทำไมไม่บอกกันดีๆ”
“เพราะกูตลกหน้ามึงตอนหงุดหงิด” พี่ปราบยักคิ้วใส่
“กวนตีน” ผมพูดเสียงเบา
“เออ มีไรจะถามอีกไหม”
“ไม่มี” ผมส่ายหัว
“หึ หึ กูบอกแล้วไงว่าเดี๋ยวมึงก็ต้องเรียกกูว่าพี่”
ผมเหล่ตามองพี่ปราบอีกที แม้จะรู้จักกันแล้วแต่ผมยังรู้สึกว่ามันกวนประสาทอยู่ดี แต่อีกใจหนึ่งก็รู้สึกว่าพี่ปราบเป็นคนที่ไว้ใจได้ น่าจะเป็นผู้รับฟังที่ดี อาจด้วยเพราะเขาโตมากกว่าผม
“ซ่า...” พี่ปราบเรียกผมด้วยชื่อเล่น ครั้งนี้ผมไม่ได้รู้สึกไม่ชอบอะไร เพราะยังไงก็รู้จักกันแล้ว “เข้าข้างในเหอะ”
“อืม”
ผมเดินตามหลังพี่ปราบเข้าไปในร้านอีกครั้ง มาถึงโต๊ะทุกคนก็ดูสนุกสนานเต็มที่ ทั้งเหล้า ดนตรี และผู้หญิง เฮียธีร์ดันผู้หญิงคนหนึ่งมาให้ผม แต่ผมดันไปให้ไอ้กานทันที
“ไม่เอาเหรอมึง” เฮียธีร์ตะโกนถามผมด้วยสีหน้ากรุ้มกริ่ม ผมส่ายหัวแรง ถึงผมจะนิสัยแย่ทำตัวไม่ดียังไง แต่ผมก็รักเดียวใจเดียวครับ
“อย่าไปถามมันเลยพี่ ไอ้เหี้ยนี้มันกาก รักอยู่ได้ผู้หญิงคนเดียว” ไอ้กานที่เมาเละเป็นหมาหันมาด่าผม
“รักเดียวใจเดียวเหรอมึง” พี่ปราบกระซิบถาม มือก็ส่งแก้วเหล้าแก้วใหม่มาให้
“ผิดเหรอ” ผมถามกลับ
พี่ปราบยิ้มมุมปากที่ดูแล้วโคตรดูดี “ดีแล้ว เป็นเด็กดีแบบนี้กูชอบ”
หลังจากนั้นผมก็แทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้ ความเครียดความหงุดหงิดทั้งหลายถูกขว้างทิ้งไปไกลด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ปริมาณมากที่ไหลเวียนอยู่ในร่าง เสียงเพลงมันๆ นี่มันดีสุดๆ ไม่รู้สึกเจ็บปวดบาดแผลบนหน้าและตามร่างกายเลยสักนิด รู้อย่างเดียวว่ากูเมามาก เดินไม่ไหว ใครหิ้วไปไหนมาไหนก็ได้แต่ลากเท้าตามไป
“มึงไปส่งไอ้สามคนนี้ไป ส่วนไอ้หวายกับไอ้พัชกูจะไปส่งเอง”
“เออๆ ขับรถกลับดีๆ มึง”
ผมถูกคนหิ้วขึ้นนั่งบนรถ พยายามลืมตามองแต่ก็ทำไม่ค่อยได้ หนังตามันคอยจะปิดลงอย่างเดียว มึนหัวไปหมด
“ไอ้หวาย ลงมาดีๆ ถึงบ้านมึงแล้ว”
“ถึงแล้วเหรอ ขอบคุณนะเฮีย ขอบคุณคร้าบบ ไปส่งเพื่อนผมดีๆ นะเฮีย ผมเข้าบ้านแล้วน้าาาาาา”
ผมฝืนลืมตามองตามหลังไอ้หวายที่เดินเข้าบ้านไป
“ซ่า...ไหวไหม” พี่ปราบที่ขึ้นรถมาแล้วถามผม ผมส่ายหน้าไม่โกหก กูไม่ไหว
“จะอ้วกไหม” พี่ปราบถามอีก เอามือมาลูบหน้าผม
“อึก... ไม่”
“งั้นเดี๋ยวกูไปส่งที่หอนะ บอกทางไหวไหม กูจำไม่ได้”
พอพี่ปราบพูดถึงหอ ผมก็ถึงได้นึกขึ้นได้ว่ากูโดนเพื่อนไล่ออกจากห้องและต้องหาหอใหม่ คืนนี้แฟนไอ้กฤษมันมานอนที่ห้องด้วย แล้วผมจะไปนอนที่ไหน ให้นอนหน้าห้องผมไม่เอาแล้วอะ จะนอนบ้านไอ้หวายก็ไม่ได้ขอมัน บ้านมันอยู่กันเยอะผมเกรงใจ และถ้าจะให้กลับบ้านสภาพนี้ เช้ามาผมโดนด่าหนักแน่
“พี่ปราบ...” ผมหันไปเรียกคนข้างๆ
“อะไร” พี่ปราบที่กำลังขับรถหันมามองผมแวบหนึ่ง ผมเห็นหน้าเขาไม่ค่อยชัด ภาพเบลอไปหมด
“ผมไม่มีที่นอน” ผมพูดเสียงยานคาง
“ทำไมวะ” คำถามของพี่ปราบเหมือนเสียงสวรรค์ ผมก็พูดแม่งหมดเลยสิ่งที่อยู่ในใจ
“เพื่อนผมมันจะพาแฟนมาอยู่ด้วย มันให้ผมไปหาหอใหม่ ผมไม่มีที่อยู่แล้ว คืนนี้มันพาแฟนมานอนด้วย มันไม่อยากให้ผมกลับไปนอนหอเป็นก้างขวางคอ วันก่อนมันสองคนก็พากันมาเอาที่ห้อง พี่รู้ไหมว่าผมต้องนอนนอกห้องตรงหน้าประตู โคตรทรมานเลย ยุงเยอะด้วย”
อึดอัดใจไม่มีคนพูดด้วยมานาน ได้ทีกูฟ้องใหญ่อะ
พี่ปราบนิ่งเงียบไปก่อนจะพูดเสียงเรียบๆ แต่รู้สึกดีเมื่อได้ฟัง
“งั้น คืนนี้ไปนอนห้องกูก็แล้วกัน เอาไหม”
ผมคิดตามคำพูดของพี่ปราบ สมองประมวลผลช้าไปหน่อยแต่ยังพอเข้าใจ
“ห้องพี่?”
“เออ ห้องกูกว้างมาก มีที่ให้มึงนอนเกลือกกลิ้งได้สบาย ไม่ต้องไปนอนหน้าประตูห้องด้วย แถมฟรีผ้าห่มอุ่นๆ หมอนนิ่มๆ ให้อีก แบบนี้ดีไหม”
“จริงนะ” ผมถามย้ำ ห้องนั้นมันแคบและไม่มีที่สำหรับผมแม้ว่าผมจะจ่ายค่าห้องครึ่งหนึ่งก็ตาม กลายเป็นว่ากูเหมือนกาฝากไปเลย ไม่สิ อีกหน่อยกูก็ไม่ต้องเป็นกาฝากแล้ว เพราะกูกำลังจะไม่มีที่อยู่
“จริงสิ ห้องกูกว้างมากเลยนะ ไปไหม”
“อืม ไป อยากนอนแล้ว” ผมเริ่มฝืนหนังตาไม่ไหว อยากนอนเต็มแก่
“โอเค งั้นพี่ปราบจะพาน้องซ่าไปนอนนะครับ”
“อืม”
ผมอือออรับคำในคอก่อนจะค่อยๆ ปิดตาลง ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ผมสบายใจแล้วที่คืนนี้มีที่ให้นอน