ลิฟต์โดยสารเคลื่อนตัวลงมาช้า ๆ และหยุดที่ชั้น 5 หญิงสาวในชุดเดรสสั้นสีเบอร์กันดีรีบแทรกตัวเข้ามาทั้งที่ประตูยังไม่ทันเปิดออกจนสุด เธอกดปิดย้ำ ๆ จนกว่าจะปิดสนิท และเมื่อเป็นตามที่ต้องการ เธอก็พรูลมหายใจออกมายาว ๆ ด้วยความโล่งใจ รอดสักที!
นัดมาดูตัวแม่ย้ำนักย้ำหนาว่าให้แต่งตัวสวย ๆ นางขวัญก็จัดให้ตามคำขอ งัดชุดที่สวยที่สุดออกมาสวม แต่งหน้าแต่งตาทำผมซะเป๊ะจนพี่สาวยังแซวว่านี่หรือคนที่ไม่อยากถูกจับแต่งงาน แต่ดูอีกฝ่ายสิ…ไม่ใช่ว่าเขาแต่งตัวไม่ดีหรอกนะ แต่เธอมองว่าเว่อร์เกิน รู้น่าว่าที่บ้านขายทอง แต่ไม่ต้องใส่มาซะเส้นเท่าโซ่ก็ได้ไหม นิ้วนี่เกือบครบสิบนิ้วเลยนะที่มีแหวนประดับอยู่ นึกอยากถามว่าจับตะเกียบลำบากหรือเปล่า บทสนทนาก็มีแต่คุยเรื่องทอง บ้านขวัญก็เปิดร้านทอง บ้านเขาก็เปิดร้านทอง ก็เลยคุยกันแต่ทองว่างั้นเถอะ
“ไปชั้นไหน” เสียงทุ้มนุ่มของคนข้าง ๆ ดังขึ้นมา เธอมองแผงปุ่มกดที่เขาเลือกพบว่าเขาจะลงไปที่ล็อบบี้ ผิดกับเธอที่ตั้งใจจะขึ้นไปที่ชั้น 15 ตอนที่กดเรียกลิฟต์เธอกดมั่วเพราะมัวแต่มองไปทางห้องอาหารกลัวว่าจะโดนลากกลับไป คงไปกดโดนปุ่มลงล่ะมั้ง
“จะไปชั้นสิบห้าค่ะ เมื่อกี้ฉันกดผิด” เธอตอบพลางกดชั้น 15 ตามที่ต้องการ
เมื่อลิฟต์เคลื่อนตัวลงมาถึงชั้นที่อีกฝ่ายเลือก เขากลับไม่เดินออกไปและกดปิดลิฟต์ให้เคลื่อนตัวขึ้นไปยังชั้นที่เธอเลือก
ขวัญงุนงงปนระแวงว่าเขาจะตามเธอไปด้วยเหรอ หรือว่าเขาเป็นคนของครอบครัวนั้น เธอยืนหน้าเซียวและคอยมองตัวเลขว่าขึ้นไปถึงชั้นไหนแล้ว
“ขอไปด้วยคนนะเพียงขวัญ”
เพียงขวัญ…ชื่อนี้มีอยู่คนหนึ่งที่ชอบเรียกเป็นประจำ เขาว่าชื่อจริงของเธอเพราะดี
หัวใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นส่ำ ใบหน้าสวยค่อย ๆ หันไปทางเจ้าของเสียงเมื่อครู่ เขาใช่คนคนนั้นไหม…
ใช่…
เขาคือคนที่ครั้งหนึ่งเคยสนิทกัน ปัจจุบันไม่สนิทแล้ว
ดวงตาทั้งสองคู่ที่สบกันนั้นฉายแววความเศร้า ไม่ได้เจอหน้ากันมาร่วมแปดปี แทนที่จะดีใจแต่กลับรู้สึกเหมือนมีกำแพงบาง ๆ ที่กั้นระหว่างกันไว้ จนไม่กล้าแสดงอาการอื่นใดนอกจากถ่ายทอดความเศร้าผ่านทางสีหน้า
เขาเศร้าที่เธอหายไปจากชีวิตเขา
เธอเศร้าที่เขาทำให้เธอต้องเป็นฝ่ายจากไป
ประตูลิฟต์ที่เปิดออกส่งให้ทั้งสองมายังจุดหมายที่ฝ่ายหญิงเป็นคนเลือก ขวัญเดินนำมาที่บาร์ ภูมิเดินตามหลังมาติด ๆ ทั้งสองเลือกโต๊ะที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัวและสั่งเครื่องดื่ม
“เป็นอะไรหรือเปล่า เห็นทำหน้าเศร้า” ขวัญคลี่ยิ้มออกมาบาง ๆ แล้วถามอีกฝ่ายที่ไม่ยอมนั่งเสียที เอาแต่ยืนทำหน้าเศร้าอยู่อย่างนั้น
“ขวัญหายไปไหนมา”
“ก็ไม่ได้หายไปไหนนี่” เธอไม่ได้หนีหาย ไม่ได้ย้ายจังหวัด ก็ยังอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากเขา เพียงแต่ใช้ชีวิตอยู่ในห้องเสียส่วนใหญ่
“ตัดขาดขนาดนั้นไม่เรียกว่าหายเหรอ” ภูมิย้อนถาม เขามองหน้าขวัญด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความโหยหา แต่อีกฝ่ายไม่ได้มองมาเพราะเอาแต่ทอดสายตาออกไปไกล ๆ มองวิวกรุงเทพผ่านกระจกใสและจับก้านแก้วไวน์แกว่งเบา ๆ แต่แล้วเธอก็ต้องช้อนตาขึ้นมองเมื่อเขาพูดต่อ “โคตรคิดถึง”
ตอนมอหกเธอเป็นคนหน้าตาน่ารักที่โคตรกวนตีนแถมยังขี้งอน บางครั้งก็มันเขี้ยวอยากทุบให้หลังแอ่น บางครั้งก็รำคาญที่ต้องคอยง้อ แต่พอเธอหายไปกลับว้าเหว่อย่างบอกไม่ถูก จากที่สมัครเรียนปริญญาตรีที่เดียวกัน หวังว่าจะเป็นเพื่อนกินเพื่อนเที่ยวกันไปยาว ๆ แต่เธอกลับไม่ได้มาเรียน เธอไปสมัครมหา’ลัยอื่นซึ่งก็ไม่รู้ที่ไหน เขาเคยออกเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ ที่คิดว่าจะเจอ แต่ก็ไม่พบจนถอดใจ
“ขวัญก็คิดถึงเพื่อนทุกคน” ขวัญยิ้มบาง ๆ กลบเกลื่อนความรู้สึก ไม่อยากเก็บคำว่า ‘คิดถึง’ ที่หลุดออกจากปากเขามาใส่ใจ แม้ลึก ๆ จะดีใจจนเนื้อเต้นก็ตาม
ใบหน้าหล่อเปื้อนยิ้ม เขาอยากให้ระหว่างเรากลับมาเป็นเหมือนเดิม คุยเล่นกันแบบสนุก ๆ ไม่เกร็งกันแบบตอนนี้ เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเอ่ยถามในสิ่งที่อยากรู้ “ขวัญมีผัวยัง”
“หื้อ” ขวัญเบิกตาโพลงมองคนถามที่กำลังหย่อนสะโพกลงที่เก้าอี้ตรงข้ามกันกับเธอ
“แต่งงานยัง” ภูมิถามใหม่ คำถามเมื่อกี้อาจจะตรงเกินไปเลยทำให้เธอตกตะลึง
“ยัง”
“ไม่มีใครเอา?” มุมปากเหยียดยิ้มกวนตีนเหมือนตอนมัธยมเป๊ะ เขาเคยเป็นอย่างไรก็ยังคงเป็นอย่างนั้น คิดว่าการที่หายจากกันไปแปดปีจะทำให้ระดับความสนิทของเราจะลดลงเสียอีก เขาเองก็คงรู้สึกไม่ต่างจากเธอ ‘ทุกอย่างระหว่างเรามันยังเหมือนเดิม’ แต่ความเหมือนเดิมของเรามันต่างกัน
ขวัญเคยกลัวว่าวันหนึ่งหากมาเจอกันจะทำตัวไม่ถูก แต่เอาเข้าจริงก็สามารถต่อกันติดได้เหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น และเหมือนเราไม่เคยห่างหายจากกันไปไหน
“ขวัญไม่เอาเขาต่างหาก นี่แม่ก็ให้มาดูตัวว่าที่สามีแต่ไม่ไหวอะ ขวัญก็เลยหนีออกมา”
“งั้นขวัญมาเอาภูมิได้ป้ะ”
“ฮะ!” ขวัญผงะกับคำพูดของภูมิมาสองครั้งภายในระยะเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที ไอ้คนพูดมันทำหน้ายิ้มแย้มไม่สะท้านกับคำพูดบ้า ๆ ของตัวเอง
“ว่าไงอะ” ภูมิทวงถามถึงคำตอบ
ขวัญส่ายหน้ารัว ๆ ปฏิเสธสิ่งที่เขาต้องการ รู้ดีว่าเขาพูดเล่น ทว่าเขากลับจับมือเธอไว้แล้วส่งสายตาอ้อนวอนมาให้
“ถ้าขวัญไม่ยอมมาเป็นเมีย ภูมิตายเลยนะ”
“อะไรของภูมิเนี่ย” ขวัญหรี่ตามองเขาราวกับหาความจริงบางอย่าง จากน้ำเสียงและสีหน้าไม่แสดงถึงความหยอกเล่น เหมือนที่พูดมานั้นคือเรื่องจริง
“ขวัญมาแต่งงานกับภูมิไหม ภูมิก็โดนแม่บังคับให้แต่งงานกับคนอื่น เราสองคนมีชะตากรรมเดียวกันเลยนะ” ภูมิพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง หากเขาและเธอแต่งงานกันก็ไม่ต้องไปแต่งกับใครก็ไม่รู้
ดวงตาคู่สวยมองภูมิไม่กะพริบ ในสมองคิดเรื่องที่ไปขอพรเมื่อวันก่อน หรือว่าภูมิจะเป็นคนที่เบื้องบนส่งมาให้ตามสเปกที่เธอขอ วันนั้นภาพคนที่แว้บเข้ามาในสมองก็คือภูมินี่แหละ
ตอนแรกคิดว่าจะมีผัวเพราะแม่หาให้ แต่ตอนนี้ชักไม่มั่นใจเสียแล้วสิ…
ภูมิก็โดนแม่หาคู่ให้ เธอเองก็โดนแม่หาคู่ให้ แถมยังนัดมาที่โรงแรมเดียวกันอีก ต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ ๆ เขาต้องเป็นคนที่เจ้าแม่ส่งมาให้แน่นอน
หูยยยย ได้ตามสเปกที่ขอจริง ๆ ด้วย รีวิวเหล่านั้นไม่จกตา และเธอก็คงต้องรีวิวแล้วด้วยแหละแบบนี้
“ขวัญ” ภูมิเห็นว่าขวัญเงียบอยู่นานจึงเรียกเบา ๆ เจ้าของชื่อสะดุ้งเมื่อถูกปลุกจากห้วงความคิด
“แต่งงานกันกี่ปี” การแต่งงานที่ไม่ได้เกิดขึ้นจากความรักของภูมิ…คงต้องมีจำนวนปีระบุไว้บ้าง
“ไม่มีกำหนด”
“หื้อ”
“ภูมิไม่ได้คิดมาอะ เราก็อยู่กันไปยาว ๆ เลยก็ได้นี่”
อยู่กันไปยาว ๆ นี่ยาวขนาดไหน? ตลอดชีวิตเลยหรือเปล่า…
“แล้วเราต้องเอากันด้วยป้ะ” เห็นเขาพูดว่า ‘เมีย’ มันก็ต้องได้เสียกันจริง ๆ น่ะสิ
ภูมิส่ายหน้าปฏิเสธ ทำเอาขวัญถึงกับห่อเหี่ยวใจ ก็นึกว่าจะได้เสียตัวจริง ๆ ซะอีก จะได้เปลี่ยนมาเขียนนิยายโรมานซ์หรือไม่ก็อีโรติกอย่างที่แมนชั่นต้องการ
“แต่งงานกันเพื่อตบตา แต่สถานะที่แท้จริงก็คือเพื่อนกัน”
จิตใจห่อเหี่ยวหนักไปอีก…แต่งงานเพื่อเป็นเพื่อนเนี่ยนะ
“ว่าไงอะ แต่งงานกันไหม ถือว่าต่างฝ่ายต่างมีผลประโยชน์ร่วมกัน” ภูมิถามถึงคำตอบและพยายามโน้มน้าวให้ขวัญตอบรับการแต่งงานกับเขา
“ทรายล่ะ ทำไมไม่ไปแต่งกับทราย” ขวัญถามถึง ‘แฟน’ ของภูมิในวัยมัธยม เธอหายไปไหนทำไมเขาต้องมาแต่งกับเพื่อนด้วย
“เกี่ยวไรกันอะ”
“ก็…”
“ตั้งแต่วันนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกันอีก” ภูมิพูดแทรกไม่ให้ขวัญพูดอะไรออกมา กลัวว่าจะต่อความยาวกันอยู่อย่างนั้น ในตอนนี้มีแค่เขาและเธอ ไม่มีบุคคลอื่นมาเกี่ยวข้อง ดังนั้นก็ไม่จำเป็นที่จะต้องลากมาในบทสนทนา
ขวัญคลี่ยิ้มบาง ๆ ไม่รู้ว่าตัวเองควรจะรู้สึกอย่างไร ลึก ๆ ก็ดีใจที่เขาทั้งคู่ไม่ติดต่อกัน แต่ก็ดันรู้สึกผิดคิดว่าตัวเองคือต้นเหตุของการเลิกราของพวกเขา
“เอางี้ ถ้าขวัญตกลงจะแต่งงานกับภูมิ ขวัญขออะไรจากภูมิก็ได้อย่างหนึ่ง” ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรให้ขวัญตกลงปลงใจ ก็เลยลองเสนอไปแบบนี้
“แน่ใจเหรอว่าจะให้ และแน่ใจเหรอว่าให้ได้”
“ภูมิให้ขวัญได้หมดแหละ ขอแค่ให้เราสองคนรอดจากการถูกจับคู่”
ขวัญมองหน้าภูมินิ่ง ๆ ทำทีเป็นตัดสินใจไม่ได้ ทั้งที่มีคำตอบอยู่ในใจแล้ว ถ้าเธอตอบตกลงเธอเองก็รอดจากการแต่งงานกับคนที่แม่หามาให้เช่นกัน
มือเรียวบางถูกฝ่ามืออบอุ่นกุมเอาไว้ แววตานุ่มลึกเจือความขอร้องสอดประสานเข้ามาในดวงตาของเธอ “ขวัญอยากไปอยู่กับใครก็ไม่รู้เหรอ ภูมิไม่อยากนะ เรามาแต่งงานกันเถอะ”
“ภูมิจำคำพูดของตัวเองเอาไว้ดี ๆ แล้ววันหนึ่งขวัญจะขอ…”
“พูดงี้แปลว่าตกลงใช่ปะ”
“อื้อ”
“เยส! เดี๋ยวภูมิจะรีบบอกแม่ให้ไปขอขวัญเลย”
ขวัญมองหน้าคนที่กำลังดีใจแล้วยกยิ้มที่มุมปาก หวังว่าจะให้ในสิ่งที่เธอขออย่างที่รับปากไว้นะ…