นัยน์ตาคู่สีฟ้าเข้มมองมือเล็กที่กำลังป้วนเปี้ยนอยู่บนแขนของเขา มองใบหน้าสวยหวานที่อยู่ใกล้หน้าอกเขาไม่ถึงคืบ ผมยาวสลวยสีดำสนิท กลิ่นยาสระผมโชยกระทบจมูก ชวนให้รู้สึกอึดอัดอย่างไรชอบกล
“เธอชื่ออะไร”
“ถามทำไม?”
ม่านฟ้าย้อนถามเสียงขุ่น ขณะที่มือยังสาละวนอยู่กับการทำแผลบนต้นแขนของเขา จะถามทำไมนักหนา พอทำแผลเสร็จเธอจะไล่เขาออกไปจากบ้านหลังน้อยของเธอทันที
“ฉันถามก็ตอบมาเถอะน่า เธอนี่เรื่องมากจริงๆ”
“ชิส์! ใครกันแน่ที่เรื่องมาก”
“ถ้าไม่พอใจอะไรก็พูดมาเลยดีกว่า อ้อ...พูดภาษาที่ฉันฟังรู้เรื่องนะ”
“เรื่องของฉัน คุณไม่ต้องรู้หรอก”
“ตอบมาได้หรือยัง ฉันไม่เอาชื่อของเธอไปทำเรื่องไม่ดีหรอก”
“ม่านฟ้า นาราวดี”
“โรเบิร์ต โจนส์ เฮนรี่”
ชายหนุ่มบอกชื่อของตัวเองทันทีที่ได้รู้ชื่อของเจ้าของบ้านสาว นัยน์ตาคู่สีฟ้าเข้มมองใบหน้าสวยหวานนิ่ง ตั้งแต่ได้เห็นหน้าเธอชัดๆ หัวใจของเขาก็เต้นแปลกๆ บอกไม่ถูกว่าเขารู้สึกอย่างไรกับผู้หญิงแปลกหน้าคนนี้
ม่านฟ้าละสายตาจากแผลบนต้นแขนแกร่ง เงยหน้าขึ้นมามองหนุ่มแปลกหน้าอย่างแปลกใจ ตอนเธอถามชื่อทำเป็นหยิ่งไม่ยอมบอก แต่พอไม่อยากรู้ดันบอกชื่อมาซะนี่
“ชื่อเธอเรียกยากชะมัด ไม่มีชื่อที่เรียกง่ายๆ หรือไง”
“แพม”
ชื่อเธอมันเรียกยากตรงไหน ถึงใครๆ จะบอกว่านามสกุลของเธอเหมาะจะเป็นชื่อต้นของเธอมากกว่า เพราะน้อยมากที่ผู้หญิงจะชื่อ ‘ม่านฟ้า’
“เอาล่ะ ฉันทำแผลให้คุณเสร็จแล้ว”
“ขอบใจ”
โรเบิร์ตขอบคุณในความมีน้ำใจของสาวไทย แล้วมองเลยไปยังฝาผนังบ้าน มองนาฬิกาเรือนใหญ่ที่บอกเวลาว่าตอนนี้เกือบตีสองเข้าไปแล้ว
“ตอนนี้ก็ออกไปจากบ้านฉันได้แล้ว”
“ฉันจะอยู่ที่นี่ จนกว่าแผลถูกยิงจะหายเป็นปกติ”
“คุณอยู่ที่นี่ไม่ได้นะ”
“ทำไม!”
“ถึงคุณไม่ใช่โจร แต่คุณก็อยู่ที่บ้านของฉันไม่ได้ ผู้ชายถูกยิงบุกเข้ามาในบ้านคนอื่นยามวิกาลแบบนี้ ใครให้อยู่ในบ้านก็บ้าเต็มทีแล้ว”
ม่านฟ้าเริ่มโวยวายชายแปลกหน้าเสียงดังลั่น ก่อนจะหุบปากลงอย่างตกใจ เมื่อปลายกระบอกปืนถูกยกขึ้นมาจ่อที่หน้าผากของเธอ
“ฉันจะอยู่ที่นี่จนกว่าแผลจะหาย ถ้าขืนเธอยังพูดมากโวยวายใส่ฉันอีก ฉันเป่าสมองเธอเละแน่”
“ไอ้บ้าเอ๊ย!”
ม่านฟ้าสบถออกมาอย่างฉุนขาด มองปากกระบอกปืนที่จ่ออยู่ตรงหน้า เธอไม่ได้รู้สึกกลัวฝรั่งร่างยักษ์ตรงหน้าเลยสักนิด เพราะถ้าเขาจะฆ่าเธอ เขาคงฆ่าเธอไปนานแล้ว ไม่มานั่งขู่เธออยู่แบบนี้หรอก
โรเบิร์ตมองสีหน้าและน้ำเสียงของเจ้าของบ้านสาว เขารู้ดีว่าเธอคงไม่พอใจกับคำพูดของเขา แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ที่จริงเขาก็แค่ขู่เธอไปเท่านั้น ไม่ได้คิดจะทำอย่างที่ปากพูด
แต่เพราะเขาทนความปากจัดของหญิงสาวไม่ได้มากกว่า ปากจัดหยั่งกับกรรไกรโรงพยาบาล นิสัยแบบนี้คงหาแฟนไม่ได้แน่
“คุณนอนที่โซฟาก็แล้วกัน เดี๋ยวฉันจะไปหยิบหมอนกับผ้าห่มมาให้”
“…”
“ขอกระเป๋าเงินคุณด้วย”
“จะเอาไปทำไม”
“ตัวประกัน”
“...”
โรเบิร์ตไม่ตอบ แต่ดึงกระเป๋าสตางค์ออกมาจากกระเป๋าหลัง ยื่นให้เจ้าของบ้านสาวอย่างไม่ลังเล เขาไม่ได้มีอะไรปิดบัง อยากได้อะไรก็เอาไป ขอแค่เธอไม่ขอปืนจากเขาก็พอ
“พูดกันง่ายๆ แบบนี้ค่อยคุ้มกับที่ฉันยอมให้คุณนอนในบ้านหน่อย”
เธอพูดเพียงแค่นั้นก็เปิดกระเป๋าสตางค์ของชายหนุ่มแปลกหน้าทันที ก่อนหยิบบัตรและนามบัตรของเขาขึ้นมาดู
“โรเบิร์ต โจนส์ เฮนรี่ อายุ 39 แล้วนามบัตรล่ะ อืมม์...”
ม่านฟ้าอ่านชื่อของเขาเสียงดัง ขณะมองนามบัตรสลับกับใบหน้าหล่อคมเข้มของเขา ซึ่งเงยขึ้นมองเธอเช่นกัน ก่อนตัดสินใจเดินกลับเข้าไปในห้องหยิบหมอนและผ้าห่มมาส่งให้หนุ่มแปลกหน้า แล้วตัดสินใจหันหลังเดินกลับไปยังห้องนอน
โรเบิร์ตไม่พูดอะไร เพียงแต่หรี่ตามองร่างระหงที่เดินถือกระเป๋าสตางค์ของเขากลับเข้าห้องนอนไป ก่อนจะตามด้วยเสียงล๊อคประตู ใบหน้าหล่อคมเข้มปรากฏยิ้มเบาบางตรงมุมปาก
‘รอบคอบใช้ได้เลยนิยัยหนู’
ชายหนุ่มพึมพำอยู่ในใจ อดขำกับสีหน้าไม่พอใจของเจ้าของบ้านสาว ขนาดเขาถือปืนแล้วข่มขู่ไปขนาดนั้น แต่หญิงสาวกลับไม่กลัวเขาสักนิด ยังปากกล้าเถียงเขาฉอดๆ
ตั้งแต่เกิดมาเพิ่งจะมีสาวไทยหน้าหวานผู้นี้แหละที่ไม่กลัวเขา แถมยังคิดกระโดดขย้ำคอเขาอีก แต่คนอย่าง โรเบิร์ต โจนส์ เฮนรี่ ไม่ยอมให้ใครมามีอำนาจเหนือกว่าแน่นอน ไม่ว่าคนคนนั้นจะเป็นใครก็ตาม
*********
เช้าวันรุ่งขึ้น...
ก๊อก! ...ก๊อก! ...ก๊อก!
เสียงเคาะประตูเรียกให้คนที่นอนอยู่บนเตียงสะดุ้งตื่นขึ้นมาอย่างตกใจ ใบหน้าสวยหวานบิดเบี้ยวด้วยความหงุดหงิด เนื่องจากเธอได้นอนหลับไปไม่กี่ชั่วโมง ทั้งที่เธอกำลังหลับอย่างมีความสุข ก็ดันมีมารร้ายมารบกวนเวลานอนของเธอเสียได้
“มันจะอะไรนักหนาเนี่ย”
คนอารมณ์ไม่ดีบ่นงึมงำ ขณะลากสังขารลุกจากเตียงเดินไปเปิดประตูห้อง ปากก็เตรียมร้องโวยวายใส่ชายแปลกหน้าที่เธอยอมให้นอนในบ้าน ทว่าคำด่าของเธอยังไม่ทันได้หลุดออกจากปาก ร่างสูงใหญ่ก็ล้มทับลงมาบนตัวเธอเสียก่อน
“เฮ้ย! ...เอ...ตัวร้อนจี๋เลยนี่หว่า บ้าจริง! นี่คุณ อย่ามาตายในบ้านของฉันนะ ตื่นสิคุณ”
ม่านฟ้าร้องโวยวายขึ้นทันที เมื่อเจ้าของร่างสูงใหญ่เอาแต่เงียบไม่ตอบเธอสักคำ แขนแกร่งโอบรัดรอบเอวเธอแน่น ความร้อนบนกายเขาแล่นผ่านเข้ามาบนผิวกายของเธอ
“ร้อนหยั่งกับไฟเลยนี่หว่า แถมยังไม่ได้สติด้วย เฮ้ย! นี่คุณ อย่ามาตายในบ้านฉันนะ อ้อ...ไม่สิ อย่ามาตายคาอกฉันนะ”
ม่านฟ้าสบถคำหยาบออกมาไม่หยุด แต่ก็พยายามลากร่างสูงใหญ่ไปยังเตียงนอนของเธออย่างยากลำบาก กว่าจะลากเขาขึ้นไปนอนบนเตียงได้ ทำเอาเธอแทบหมดแรง ก่อนตัดสินใจเดินไปหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กบนชั้นวางแล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำ ใช้ผ้าขนหนูซับน้ำพอหมาดๆ
แล้วเดินกลับออกมาเช็ดตัวให้คนที่นอนอยู่บนเตียง เพื่อระบายความร้อนออกจากกาย จากนั้นก็ตัดสินใจเดินออกไปจากห้อง เตรียมทำข้าวต้มให้ชายแปลกหน้าที่นอนไม่ได้สติบนเตียง
‘นี่มันเวรกรรมอะไรของฉันล่ะเนี่ย’
...โปรดติดตามตอนต่อไป...