หลังจากหลบออกมาจากในงานเลี้ยงเขาก็มานั่งเล่นอยู่ห้องนั่งเล่นด้วยความหงุดหงิดใจ แต่ก็ต้องเก็บซ่อนอารมณ์ไว้ภายใน เมื่อหลานชายจูงมือคู่หมั้นเข้ามาในห้องนั่งเล่น พร้อมด้วยพนายเดินยิ้มกว้างตามมาอีกคน
“คุณแม่กับคุณพ่อถามหาอาทัพอยู่เลยครับ”
ปล่อยมือจากมือเล็กเดินไปทรุดกายนั่งข้างอาหนุ่ม
ด้านหญิงสาวเมื่อเป็นอิสระก็เดินไปนั่งตรงข้ามกับสองหนุ่ม และมีคุณลุงจอมเจ้าเล่ห์ของตนนั่งเคียงข้าง
“อืม! อาเพลียๆ เลยเข้ามานั่งพักน่ะ”
ตอบหลานชายแต่สายตากลับจ้องร่างเล็กตรงข้ามไม่วางตา จนทำให้เจ้าของร่างเล็กจ้องตากลับอย่างเอาเรื่อง และนั่นแหละถึงทำให้เขาละสายตาจากฌาณิการ์
“ยินดีด้วยนะไอ้หลานชาย” แสร้งเอ่ยยินดี ก่อนจะหันไปมองคนตัวเล็กที่ยิ้มร่าอยู่ตรงหน้าตน
“ขอบคุณนะครับอาทัพ แล้วเมื่อไหร่อาจะมีข่าวดีบ้าง”
หลานชายอดเอ่ยถึงเรื่องของอาหนุ่มไม่ได้ ก็อาคนคนนี้เป็นทั้งเพื่อน ทั้งอา ก็อายุของเขากับนำทัพนั้นไม่ได้ห่างกันมาก เป็นพี่ชายน้องชายกันได้เลย แต่ต้องเรียกตามยศศักดิ์ เพราะนำทัพเป็นน้องชายของพ่อ และเขาก็รักและเคารพอามากๆ ด้วย
“จะมีได้ยังไง วันๆ อาทำแต่งานไม่มีเวลามาสนใจเรื่องไร้สาระแบบนี้หรอก”
“ไม่มีเวลาหรือไม่มีใครเอากันแน่หว่า...” ฌาณิการ์เอ่ยอย่างดูถูกอีกฝ่าย
“หนูณิไม่น่ารักเลยนะ ไปพูดแบบนั้นกับพี่เขาได้ยังไง”
พนายเอ่ยปรามหลานสาว เมื่อเห็นอีกฝ่ายที่ถูกว่ากำลังกัดฟันแน่นด้วยความกรุ่นโกรธหลานตัวเอง ก็เป็นเสียแบบนี้แหละ บทจะดีน่ารักเชื่อฟังก็ง่ายๆ บทจะดื้อจะเอาแต่ใจจะไม่สนใจใครเลย และตอนนี้ก็เช่นกัน
“ไม่น่ารักช่างสิคะ ตอนนี้ณิขายออกแล้วนะลุงนาย แถมยังได้พี่เอ็มคนหล่อมาเป็นคู่หมั้นด้วย”
โต้ตอบลุงพร้อมกับยกมือชูแหวนเพชรวงสวยบนมือของตนให้ลุงดู
“พี่ก็ดีใจที่น้องณิรับหมั้นพี่ รู้ไหมตอนนั้นพี่กลัวมากเลย”
อติเทพเอ่ยขอบคุณสาวเจ้า จนลืมสนใจอาของตนที่กำลังนั่งกัดฟันแน่นด้วยความโกรธคนตัวเล็กตรงข้ามตรง
นำทัพพยายามสงบสติอารมณ์ของตนมอดดับเร็วที่สุด เพราะตัวเองไม่มีสิทธิ์ไปโกรธอีกฝ่าย แต่จะว่าไปตอนแรกเธอก็วิ่งโล่มาหาเขาอย่างสนใจเหมือนกัน แล้วก็ต้องกระตุกยิ้มมุมปากก่อนจะพูด
“แต่ก่อนหน้านี้ใครนะอยากรู้จักผม ถ้าผมไม่หล่อไม่สะดุดตาน้องณิคงไม่ถอดรองเท้าวิ่งไปหาแบบนั้นหรอกใช่ไหม”
กระตุกยิ้มให้ฌาณิการ์อย่างผู้ชนะ ก่อนจะเบือนหน้าหนีไปทางอื่น ก็ตอนนี้เธอตีหน้าบึ้งราวกับไปกินรังแตนมาก็มิปาน
“คุยอะไรกันอยู่น่าสนุกจริงเชียว”
บัวงามเดินควงแขนสามีเข้ามาด้วยความสุข เมื่อตอนนี้ทุกอย่างก็เป็นไปตามที่นางอยากให้เป็นแล้ว ต่อไปก็ลุ้นงานแต่งงานของลูกชายและฌาณิการ์แล้ว
สองสามีภรรยาเดินไปนั่งโซฟาอีกตัวที่ว่าง ก่อนจะยิ้มให้กับฌาณิการ์อย่างเอ็นดู แล้วหันมาสนใจกับน้องชายตัวเอง ครั้งนี้ทำไมถึงอยากให้นำทัพมาร่วมงานวันเกิดด้วย ก็เพราะอยากให้เจ้าตัวเห็นว่าหลานชายกำลังจะเป็นฝั่งเป็นฝาแล้ว เป็นการเร่งรัดให้ชายหนุ่มรีบๆ หาแฟนและแต่งงานมีครอบครัว ด้วยกลัวว่าแก่ตัวไปน้องชายจะไม่มีใครดูแล
“พี่ชัยผมจะกลับพรุ่งนี้เช้านะครับ” นำทัพเอ่ย
“อย่าเพิ่งสิทัพ ไปสู่ขอหมั้นสาวให้หลานก่อนสิ” นำชัยยืดตัวตรงเอ่ย
“ก็หมั้นแล้วไงครับพี่” ไม่รู้อะไรอีก ไม่น่ามาแต่แรกเลยเขา
“ก็ไปหมั้นต่อหน้าพ่อกับแม่ของหนูณิอีกทีไงพรุ่งนี้”
“แล้วมันเกี่ยวยังไงกับผมครับ”
นั่นสิมันเกี่ยวอะไรกับเขา ใครจะหมั้นกัน จะแต่งงานกันก็เรื่องของเขา ไม่ใช่เรื่องของเขาสักหน่อย
“ทัพยังไม่รู้อีกเหรอว่าทำไม เพราะพี่อยากให้ทัพมาเห็นหลานมีความสุขแล้วทัพจะได้อยากมีแฟนและอยากแต่งงานมีครอบครัว พี่เป็นห่วงเรานะ กลัวว่าแก่ตัวไปจะไม่มีใครมาดูแล”
นำทัพรู้ว่าพี่ชายเป็นห่วงตน แต่เขายังไม่พร้อมจะมีใคร อีกอย่างผู้หญิงที่ผ่านเข้ามาในชีวิตส่วนใหญ่ก็หวังแต่เงินทอง ไม่ได้คิดจะรักที่ตัวเขาเลยสักนิด บางคนก็หลงรูปจูบกายมากกว่าจิตใจแท้จริงของเขา
“ผมเคยบอกพี่ชัยแล้วว่าผมยังไม่อยากมีห่วงผูกคอ พี่อยากให้ผมไปด้วยใช่ไหม ได้ พรุ่งนี้ผมจะไปด้วย”
พูดจบร่างสูงก็ลุกขึ้นเดินหนีจากวงสนทนา โดยไม่สนใจคำรักของพี่ชายเลย
“นายขอโทษแทนน้องชายฉันด้วยนะ”
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันว่าฉันกับหลานควรกลับได้แล้ว” พูดพร้อมกับก้มดูนาฬิกาที่ข้อมือตน
“อืม! พรุ่งนี้เจอกันเพื่อน หนูณิด้วยนะ”
“ลาแล้วนะคะคุณลุง คุณป้า พี่เอ็ม” หญิงสาวยกมือไหว้ทั้งสามด้วยความเคารพ
“ไปนะเพื่อน พี่ไปนะงาม เอ็มลุงไปนะ” พนายเอ่ยบ้าง
“ครับผม ลานะครับคุณลุง” อติเทพยกมือไหว้อีกฝ่ายด้วยความเคารพ
“เอ็มไปส่งน้องสิลูก” บัวงามสั่งให้ลูกเดินตามฌาณิการ์กับพนายออกไปหน้าบ้าน
ชายหนุ่มทำตามคำสั่งแม่ทันที เมื่อเดินมาทันทั้งสองแล้วก็เดินเคียงข้างออกไปยังรถที่จอดอยู่
อีกมุมชั้นสองของบ้าน นำทัพยืนมองด้วยความเคืองโกรธ ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับไปทิ้งกายนอนราบบนเตียงกว้างด้วยความไม่พอใจหลานชายของตน
“ฮึฮึ ฌาณิการ์!....”
เอ่ยชื่อของสาวออกมาด้วยความโกรธ มือใหญ่ทุบเตียงกว้างด้วยความร้อนรุ่มใจ