“ห่วงมันมาก...เหรอเฌอ?”
“ใช่ ห่วงมาก” ฉันแข็งใจต่อปากต่อคำกับบุคคลตรงหน้าอย่างไม่เกรงกลัว ทั้งที่รู้ว่าตัวเองอาจจะไม่ปลอดภัย แต่ถ้ามันแลกให้เขายอมปล่อยเหนือไป... ฉันก็ยอม “ไสหัวไปซะ เลิกยุ่งกับพวกเราสักที!”
“เฌอก็เลิกยุ่งกับมันดิ”
“มีสิทธิ์อะไรมาสั่ง!!” ฉันตะเบ็งเสียงอย่างนึกรังเกียจ เมื่อบุคคลตรงหน้าพูดจาราวกับไม่รับรู้สถานนะของตัวเอง
“ถ้าไม่เลิกยุ่ง ก็จะเหยียบ... จนกว่ามันตาย” ปากเขาว่าโดยสายตาของเราสบประสานกัน หากใช่กับฝ่าเท้า ซึ่งวายร้ายเบื้อหน้าแสดงให้รู้ว่าเอาจริง เมื่อเขากระทืบลงบริเวณหน้าอกของเหนืออย่างแรง
“อึก...”
“เมือง!!” ฉันร้องเสียงหลง เมื่อเหนือแสดงสีหน้าและท่าทางย่ำแย่ลงเรื่อยๆ ทำไมล่ะ... เหนือเองก็ไม่ได้อ่อนหัดจนไร้ปัญญาต่อกรกับเมืองเลยแท้ๆ ทำไมเขาถึงไม่ยอมทำอะไรสักอย่าง ยอมให้ตัวเองตกอยู่ในสภาพน่าเวทนาแบบนี้!
“อะไร ห่วงชู้มากกว่าผัวเหรอเหรอเฌอ?” เขาถามเสียงเนือย เหมือนสีหน้านิ่งเฉย ราวกับไม่รู้สึกอะไร “ถ้ามันตาย อยากลองตายตามมันดูมั้ย? จะได้ไปอยู่ด้วยกันในนรก”
“สารเลว! คนแบบนั้นน่ะ มันเลวบริสุทธิ์จริงๆ...” เก็บไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ความโกรธ และอีกหลายๆ ความรู้สึกที่ผู้ชายคนนี้ทำให้ฉันรู้สึก “ถ้าตายตอนนี้ได้ก็ดี จะได้ไม่ต้องทนเห็นหน้าผู้ชายชาติชั่วแบบนายอีก!”
ฟึ่บ!
นัยน์ตาฉันเบิกกว้าง เมื่อจู่ๆ ผู้ชายตรงหน้ายอมปล่อยร่างเหนือลงแล้วเปลี่ยนเป้าหมายมาที่ฉัน ฝ่ามือของเขากำกระชากคอเสื้อฉันเอาไว้แน่น จับจ้องสายตาดุดันราวกับจะฆ่าทิ้งและตามมาด้วยคำพูด
“อยากตายขนาดนั้นเลยเหรอ... เฌอ?”
“ปล่อยนะ!”
“ถาม... อยากตายแทนชู้มากขนาดนั้นเลยเหรอ” เมืองเอาแต่พูดจาไม่รู้เรื่อง อีกทั้งยังกำกระชับคอเสื้อฉันมากขึ้นเรื่อยๆ
“ถ้าหมายถึงเหนือ ก็คงอย่างงั้น...”
“...”
“ถ้าอยากฆ่าคนขนาดนั้นก็ฆ่าฉันสิ แต่นายห้ามแตะต้องเหนืออีก!” โง่มากๆ ที่พูดจาออกไปแบบนั้น ทั้งที่รู้ว่าเมืองเป็นคนพูดจริงทำจริง แต่หากว่า ถ้ามันทำให้เหนือปลอดภัยจากเงื้อมมือของผู้ชายคนนี้ได้ ยังไงซะ ทั้งชีวิตฉันก็ถูกผู้ชายคนนี้ทำจนเจ็บมาไม่รู้เท่าไหร่อยู่แล้วนี่ โดนอีกสักทีคงไม่เจ็บจนขาดใจหรอก...
สายตาเฉียบคมหรี่จ้องหน้าฉันคล้ายกับพิจารณา วูบหนึ่งที่เขาเหลือบมองร่างของเหนือที่นอนบอบช้ำอย่างหมดสภาพบนพื้น แววตานั่นไร้ความปรานี แถมยังน่ากลัวราวกับปีศาจ
แต่ไม่นานฉันกลับต้องสะอึก เมื่อแววตาดังกล่าวเลื่อนกลับมามองฉัน พานให้หัวใจเต้นถี่อย่างนึกหวาดกลัว เมื่อคนตัวโตกว่ากล่าวพูดอีกครั้งด้วยน้ำเสียงเนือยๆ ซึ่งแฝงไว้ด้วยท่าทางเอาจริง
“ถ้าเฌออยากตายแทนมันขนาดนั้น... จะสงเคราะห์ให้”
ฉันเบิกตาขึ้น เมื่อผู้ชายท่าทางน่ากลัวเบื้องหน้าฮุกหมัดเข้าใส่ท้องน้อยอย่างแรง ความเจ็บจุกแผ่ซ่านไปทั่วทุกส่วนของร่างกาย เรียวแรงจะยืนพลันหายวับไปพร้อมกับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น
“อึก...” ดวงหน้าเรียวคมกับนัยน์รีดุจดั่งปีศาจกำลังจับจ้องฉันอยู่ นิ่ง... และเย็นชาเหมือนทุกครั้งที่ฉันเคยได้เห็น ไม่นานความเจ็บปวดและใบหน้าของเมืองก็ค่อยๆ เลือนหายไปกลับกลายเป็นความมืดและความเหน็บหนาวเข้ามาแทนที่
มันก็เหมือนทุกครั้งและคราวนี้ก็เช่นกัน ไม่ว่าจะเมื่อก่อนหรือตอนนี้ เมืองก็ยังทำร้ายฉัน เขาไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด...
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ที่ฉันหลับไป แต่มันก็นานพอที่จะทำให้เห็นภาพความฝันที่ไม่อยากจะเห็น ไม่สิ... ไม่ใช่ภาพความฝันแต่มันคือเรื่องราวในอดีตต่างหาก
‘เธอจะไปรู้อะไรวะ ชีวิตเธอแม่งดีมาตลอดนี่!’
‘ทำไมพูดจาแบบนี้วะ เป็นรุ่นพี่ซะเปล่า คนเขาอุตส่าห์เตือนดีๆ’ มันเป็นเพราะฉันเอง ที่เสนอหน้าพูดไม่รู้เรื่องใส่เขา
‘ถ้าจะบอก’จารย์ ก็เชิญ จะได้เลิกเสือกชีวิตฉันสักที!’ ในตอนนั้นเขาก็เป็นแบบนี้แหละ หัวรุนแรง ปากร้าย แต่ดูเป็นผู้เป็นคนมากกว่านี้
‘พูดจาเลวทรามมาก ท่าทางจะขาดความอบอุ่น!’ พอฉันว่าไปแบบนั้น สิ่งที่ผู้ชายแบบเขาทำก็คือ กระชากคอเสื้อและมองหน้าฉันราวกับศัตรู
‘อย่าเสือกได้ปะ?’
‘ทำไมจะเสือกไม่ได้?’
‘...’
‘ที่เสือกๆ อยู่เนี่ย ก็เพราะรักนะ รู้ตัวไว้ด้วย!!’ การสารภาพรักในตอนนั้นนั่นแหละ ถือว่าเป็นเรื่องที่ผิดพลาดที่สุดที่ฉันเคยทำในชีวิต
วันเวลาที่ผ่านเลยไปมีทั้งทุกข์และสุข ฉันโง่เองที่ตัดสินใจออกจากบ้านเพื่อมาเผชิญทุกข์ร่วมกับผู้ชายแบบเขา อยากให้เขาเห็นว่าฉันไม่ได้รังเกียจหรือสนใจในความลำบากที่เขาต้องเผชิญ แต่ฉันคิดผิด...
‘มึงไปเอากับมันทำไม!!’ เขาเสพยาหนักขึ้นถึงขนาดไม่ยอมกลับไปเรียนที่มหาวิทยาลัย และเราทะเลาะกันหนักมากขึ้น มากขึ้น จนถึงขั้นลงไม้ลงมือ
‘เงียบปากไปดิเฌอ รำคาญว่ะ!’
‘มีกูคนเดียว เอาแค่กูมันไม่พอให้มึงหายอยากเหรอเมือง!!’
‘น่ารำคาญวะ!!’ เขาไม่มีแค่ฉัน เขามีคนอื่น ต่อให้ปากบอกว่าไม่ได้คบ แต่ฉันต้องมานั่งรับรู้ว่าเขานอนกับผู้หญิงคนอื่น ทับที่ฉันในทุกๆ วัน
‘คอยดูนะเมือง กูจะทำแบบมึงบ้าง มึงทำได้กูก็ทำได้!’
‘ลองดิเฌอ...’
และมันทำให้ฉันรู้ว่า เขาเห็นแก่ตัวมากแค่ไหน
‘ถ้ากูรู้... เฌอกับชู้ตายคู่’
ตึงง!!
“ไอ้เชี่ยเมือง เปิดประตู!!” ฉันปรือตาขึ้นช้าๆ เพราะเสียงโวยวายกับเสียงกระแทกประตูที่ดังลั่น แต่ครั้นคิดจะขยับตัวฉันกลับต้องตกใจ เมื่อร่างกายบางส่วนถูกตรึงไว้ด้วยกุญแจมือ
“อื้อ!” ครั้นจะส่งเสียง ก็ทำได้ไม่ถนัด บางอย่างปิดปากฉันเอาไว้ ที่น่าตกใจที่สุดก็คงเป็นชายหนุ่มซึ่งนั่งอยู่ที่โซฟาฝั่งตรงกันข้ามกับเตียง
เมืองในสภาพที่ต่างออกไป กำลังนั่งจ้องฉันจากอีกฝั่ง เขานิ่งชวนหวาดระแวง จนเผลอดิ้นขยับตัวให้แรงขึ้น โดยหวังโง่ๆ ว่าอาจจะหลุดจากพันธนาการดังกล่าวไปได้
“เป็นยังไงบ้าง... เฌอ” เขาถาม พลางขยับตัวลุกจากโซฟา เหยียบย่างตรงมาที่เตียงช้าๆ ทีละก้าว
“อ่อย... อะ!” ยิ่งขยับตัวแรงมากเท่าไหร่ คล้ายกับข้อมือยิ่งถูกรัดแน่นมากขึ้นเท่านั้น ขณะเดียวกันผู้ชายตรงหน้าก็ขยับตัวเข้ามาใกล้มากขึ้น
“ทำไมทำหน้าแบบนั้นละเฌอ... กลัวเหรอ”
“อ่อย...ฮึก...อ่อยอั้นเออะ”
“นิสัยไม่ดีเลยนะ... ที่ทำแบบนี้” เขาว่า ราวกับดูท่าทางฉันที่เริ่มหวาดกลัวต่อสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ออก “กับฉัน คงไม่มันส์เท่าชู้ใช่มั้ย?” นัยน์ตาเบิกกว้างอย่างสุดขีดเมื่อได้ฟัง ยิ่งด้วยบุคคลท่าทางร้ายกาจตรงหน้าค่อยๆ ถอดเสื้อยืดสีทึบนั่นออกด้วยแล้ว ฉันก็ยิ่งหวาดกลัว
“อื้อ!” ร่างทั้งร่างสะดุ้งเฮือกทันทีที่ฝ่ามือหยาบสัมผัสแตะบริเวณปลายเท้า ก่อนไล่สูงขึ้นจนถึงต้นขา ในขณะที่คนตัวโตขยับกายเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ
“ปกป้องชู้จนตัวตาย ถ้าอยากตายมากขนาดนั้นก็จะสงเคราะห์ให้” ให้ตายสิ... ในหัวฉันมันคิดอะไรไม่ออก มีเพียงความหวาดกลัวเท่านั้นที่เริ่มครอบงำร่างกาย ไม่เข้าใจ... ไม่เข้าใจเลยว่าเขากำลังพูดถึงอะไร!
“เอือง! อะ!” ลมหายใจปั่นป่วน เมื่อถูกสัมผัสหยาบโลนรุกล้ำผ่านขอบกระกระโปรงนักศึกษา ร่างใหญ่โถมกายคร่อมทับ โดยใช้สายกวาดสำรวจไปทั่ว
“กลัวอะไรขนาดนั้น... เฌอ”
“ฮึก...อ่อย อั้น...”
“อยากกอดเธอมานานแล้ว รู้มั้ย?”
ตึงง!! ตึงง!!
“ไอ้เชี่ยเมือง ปล่อยกู!!” เสียงนั่น... เสียงของเม้าส์ “อย่าทำอะไรเฌออีกนะ ไอ้เมือง อย่าทำเชี่ยไรมากไปกว่านี้!!” เสียงของเม้าส์ ดังมาจากหลังบานประตูหนึ่ง
ภายในห้องคราวนี้ชัดเจนมาก ซึ่งน้ำเสียงนั่นทำฉันรู้สึกหวาดผวาและหวาดกลัวมากยิ่งขึ้น ทว่า เสียงนั้นไม่อาจทะให้คนถูกกล่าวถึงหยุดมือลงได้เลย
“ไม่ต้องห่วง มันออกมาไม่เห็นตอนเรากำลังรื้อฟื้นความหลังไม่ได้หรอกเฌอ...”
“อื้อ!” ปลายจมูกโด่ง ซุกไซ้โดยไม่สนใจท่าทีขืนขัด ริมฝีปากพรมจูบไปตามเรียวคออย่างต้องการ ดั่งคำพูดที่เขาก่นบอกไว้ ฝ่ามือหยาบลูกไล้ไปตามต้นขาอ่อนด้านในอย่างจาบจ้วง ในขณะที่ฉันทำได้เพียงดิ้นขลุกขลักแบบหมดหนทาง
“ตัวเฌอ... หอมเหมือนเดิมเลยนะ”
“ฮึก... อ่อย... อ๊ะ!” ยิ่งดิ้น ยิ่งห้าม เหมืองยิ่งยุ เขายิ่งไม่ฟัง และไม่เคยคิดจะฟัง
สัมผัสร้อนจากฝ่ามือ ค่อยๆ เลิกกระโปรงนักศึกษาสูงขึ้น ขณะปลายนิ้วรุกล้ำรุนแรงขึ้นไปตามขอบแพนตี้อย่างถือดี เพียงเสี้ยววินาที ร่างกายช่วงล่างก็ถูกมือดีแบบเขาปลดเปลื้องออกจนหมด
“มันแตะตรงไหนบ้าง?” เสียงกระซิบข้างหูเสมือนเสียงของปีศาจ ยิ่งทำฉันฉันหวาดกลัว จนไม่อาจกักเก็บน้ำตาเอาไว้ได้อีกต่อไป ที่ทำได้คือบ่ายเบี่ยงเอียงหน้าหลบให้หลุดพ้นจากลมหายใจอุ่นๆ ของเขาเท่านั้น
ยิ่งไม่หือไม่อือ วายร้ายเบื้องบนก็ยิ่งเอาใหญ่ เขาเคลื่อนตัวลงต่ำไปยังต้นขาและจับตั้งชันแบบไม่เอ่ยถามความต้องการ
จูบร้อนถูกพรมลงเบาๆ บริเวณต้นขาโดยที่เราไม่ได้พูดกัน ลมหายใจของเขาทำให้ในหัวขาวโพลน แถมร่างกายก็แสดงความน่ารักเกียจราวกับจะเคลิบเคลิ้มต่อการปลุกปั่นแสนคุ้นเคยนั่น
“ออ...ฮึก...อะ...”
“ต้องการ... เฌอ” เขาพร่ำคำพูดเดิม และทิ้งรอยจูบน่ารังเกียจนั่นไว้ตามเรียวขา ขณะใช้สายตาจับจ้องสีหน้าอย่างไร้ทางสู้ของฉัน ในตอนนั้นเอง ที่เมืองหยุดการกระทำทุกอย่างลง พลางเอื้อมมือแกะเทปกาวที่ปิดปากฉันอยู่ออก ก่อนตามมาด้วยคำถาม “ต้องการฉันมั้ย?”
“ฮึก... เมือง ปล่อยฉันเถอะ ฉันกลัวแล้ว” รู้ ฉันรู้ว่าสภาพและหน้าตาตัวเอในเวลานี้มันทุเรศแค่ไหน ฉันกำลังกลัวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น
“กลัวอะไรเฌอ...” เขาถามราวกับไม่รู้
“ปล่อยฉันไปเถอะนะ ฉันกลัว... อย่าทำอะไรฉันเลย ฮึก...”
“ไม่ได้จะทำร้ายเฌอ...ไม่ต้องกลัว” เขาพูด พลางใช้ปลายนิ้วปาดน้ำตาออกจากแก้มทั้งสองข้างของฉันอย่างอ่อนโยน
“เมือง พอเถอะนะ... เรื่องของเรามันจบไปแล้ว ปล่อยฉันไป ขอร้อง...” ฉันพยายามอ้อนวอน ต่อรองขอชีวิต ไม่สนสภาพตัวเองในนี้ว่ามันจะน่ารังเกียจ น่าอับอายแค่ไหน ที่ต้องการในตอนนี้คือการหลุดพ้นจากพันธนาการที่เขาผูกมัดเอาไว้เพียงเท่านั้น แต่
“เฌอ... ไม่ต้องกลัว ไม่เจ็บเท่าไหร่หรอก” เขากลับพูดเหมือนไม่ได้ฟัง อีกทั้งยังถือโอกาส ปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาฉันออกอย่างไม่สนใจ โดยกล่าวต่อว่า “อาจเจ็บนิดหน่อย แค่ตอนใช้กำลัง...”
“ไม่! ปล่อยฉันนะ!”