บทที่ 4

1149 Words
“ไม่รู้ว่ารักหรือเปล่า แต่ส่งที่เขาทำมันไม่ใช่ความรัก” “...” “จริงอยู่ที่ผู้ชายคนนั้นไม่ยอมให้ฉันเข้าใกล้ใคร ซึ่งถ้าหากเขารู้ขึ้นมาเขาจะตามอาละวาดเหมือนคนบ้าทำร้ายผู้ชายที่เข้าใกล้รวมไปถึงทำร้ายฉันเพื่อสั่งสอน ต่างจากเขาที่เป็นฝ่ายเข้าหาผู้หญิงคนอื่นตลอด เรื่องบนเตียงมีไม่เคยขาด ความรักของเขามีแค่เรื่องบนเตียงเท่านั้น ที่แย่ที่สุดก็คงจะเป็นความรู้สึกฉันที่ต้องทนมองดูสิ่งที่เขาทำกับผู้หญิงคนอื่นบนเตียง โดยที่ไม่สามารถห้ามหรือขัดขวางได้” พอพูดมาถึงตรงนี้ ภาพเหตุการณ์เลวร้ายก็เริ่มถ่ายเทกลับเข้ามาสู่ความคิด เสียงครางหวานแสดงถึงอารมณ์รักอย่างดุเดือด ดังแว่วเข้าหูมาเป็นช่วงๆ ท่ามกลางเสียงกระอื้นฮึกของฉันที่ได้แต่เก็บมันเอาไว้ไม่ให้ส่งเสียงลอดออกไปรบกวนคู่ชายหญิงบนเตียง ไม่รู้ตอนไหนที่เสียงเข้มแสนคุ้นเคยพูดแทรกเสียงหวานรัญจวนน่ารังเกียจนั่นขึ้นมา ‘เฌอ...ส่งถุงยางให้ทีดิ’ “เฌอ!” ฉันสะดุ้งเฮือก เมื่อถูกสัมผัสจากฝ่ามือนุ่มของเจ๊แกะเอื้อมแตะบริเวณหัวไหล่ เธอดูมีสีหน้าเป็นกังวล เมื่อเห็นฉันมีท่าทางไม่สู้ดีนัก “ถ้าไม่อยากเล่าต่อ ก็ไม่ต้องฝืนก็ได้ เจ๊รู้แล้วว่าเธอคงเจอเรื่องแย่ๆ เพราะผู้ชายคนนี้มาเยอะ...” “ถ้าอย่างนั้น ถ้าฉันพร้อม ฉันจะเล่าให้เจ๊ฟังนะ” ฉันพยายามปั้นหน้ายิ้ม เพื่อให้อีกฝ่ายลดความเป็นกังวลและความเป็นห่วงลง ต่างจากความคิดในหัวที่มันเริ่มเตลิดกลับเข้าสู่เรื่องราวในอดีตแบบไม่มีทางกู้กลับคืนได้ และฉันกำลังกลัวเรื่องเลวร้ายพวกนั้นย้อนกลับมาหาอีกครั้ง... “ออกไปคุยกับเหนือไป ท่าทางแฟนเธอจะดูเครียดๆ กับเรื่องวันนี้นะ” เพราะเจ๊พูดออกมาแบบนั้น ฉันจึงไม่รอช้าที่จะลุกจากวงสนทนาเดินออกไปหาเหนือตามที่เธอแนะนำ อันที่จริงแล้ว ฉันก็คดอยู่เหมือนกันว่าอยากจะคุยกับเขาเรื่องที่เกิดวันนี้ กึก... เหนือเหลือบมองหน้าฉันทันทีที่เลื่อนประตูออก แต่ก็เพียงครู่เดียวก่อนที่เขาจะหันกลับไป ปละปรายตามองบรรยากาศของเมืองในช่วงค่ำคืน ฉันค่อยๆ เดินเข้าไปหาเข้าช้าๆ ทีละก้าวแบบเงียบๆ ก่อนหยุดยืนข้างๆ พลางเท้าแขนลงกับที่กั้นระเบียง และเริ่มเป็นฝ่ายชวนเขาคุย “ลมเย็นดีเนอะ คืนนี้” “เธอจะกลับไปหามันหรือเปล่า?” ทว่า คำตอบที่ได้รับกลับมา มันกลับไม่ใช่อย่างที่คิด ทำให้ต้องหันมองคนข้างกายด้วยความสงสัย เหนือยังคงยืนเกาะขอบระเบียงนิ่งในท่าเดิม โดยกวาดสายตามองไปรอบตัว ไม่มีทีท่าว่าจันกลับมามองฉันเลยสักนิด “ทำไมถามแบบนั้นละ?” “หมอนั่น แฟนเก่าเธอไม่ใช่เหรอ?” “...” “รักมาก...จนอยากกลับไปไม่ใช่เหรอ...” ฉันไม่รอให้เหนือพูดจาบ้าบอมากไปกว่านี้ ตัดใจโผเข้ากอดเข้าทั้งๆ อย่างนั้นจากด้านข้าง โดยเลี่ยงที่จะตอบคำถามใด บรรยากาศรอบตัวเราสองคนในตอนนี้มันเงียบมาก เงียบเสียจนได้ยินเสียงหายใจของกันและกันชัดเจน แต่ไม่นานสัมผัสอ่อนโยนจากเหนือก็ถูกมอบมาให้ฉันในที่สุด ฝ่ามืออุ่นของเขาลูบตามเรือนผมฉันอย่างอ่อนโยนและแผ่วเบา ฉันรู้สึกแบบนั้นแม้จะไม่มีคำพูดจา “ตอนนี้เราเป็นแฟนกันนะเหนือ หมอนั่นก็แค่อดีตเลวร้ายของฉันเท่านั้น” ไม่มีเสียงใดตอบกลับจากชายหนุ่มซึ่งขึ้นชื่อว่าแฟน แต่ถึงอย่างนั้นฝ่ามืออุ่นของเขาก็ยังบรรจงลูบตามเรือนผมของฉันอย่างต่อเนื่องไม่หยุด “เขาเหมือนคนประสาทมากขึ้นทุกวันอย่างที่นายบอก ผู้ชายที่เอาแต่อาละวาด บ้าคลั่งเพราะฤทธิ์ยาพรรณนั้น ไม่มีวันทำให้ความสัมพันธ์ของเราพังลงได้เด็ดขาด...เหนือเข้าใจที่ฉันพูดใช่มั้ย?” “เข้าใจแล้ว” คำตอบเพียงสั้นๆ แค่นั้นจากปากเขา มันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ฉันยิ้มได้ แม้ว่าลึกๆ จะนึกถึงเรื่องที่เคยเกิดขึ้นในชีวิตช่วงที่ผ่านมาก็ตาม ทั้งที่ไม่ได้เจอกันมาเกือบจะสามปี แต่ว่าเขาดูไม่เปลี่ยนไปเลย แววตา ท่าทาง และคำพูดยังคงไม่ไว้หน้าใคร เขายังน่ากลัวสำหรับฉัน และเป็นความทรงจำอันแสนเลวร้ายไม่ว่าจะในอดีตหรือในตอนนี้ที่เป็นปัจจุบัน [Khungmeaung Talk] ผมนั่งลงบนเก้าอี้ตัวยาวในห้องแต่งตัวหลังร้าน ในหัวนึกถึงแต่ภาพของเฌอนิม สีหน้าหวาดกลัวนั่นผมคิดถึง จนไม่เป็นอันทำอะไร อยากเจอเธออีกสักที อยากทำให้เธอรู้ว่าผมคิดถึงเธอกับร่างกายที่เป็นของผมแค่คนเดียวมากแค่ไหน “เมือง...เอานี่ผ้าเย็น” ผมเหลียวมองตามต้นเสียงช้าๆ มองร่างบางในชุดเด็กเสิร์ฟ ซึ่งกำลังยื่นผ้าผืนบางสีขาวส่งมาให้ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกว่าเธอจะชื่อพริกไทย “ให้ก็รับไว้สิ” เธอพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มไม่ต่างจากเดิม แถมยังถือโอกาสยัดผ้าเย็นในมือใส่มือผมมันเสียอย่างนั้น “วันนี้โดนทั้งลูกค้าและคุณรามต่อย ไหนจะโดนคุณไมล์ต่อว่า อาการเป็นไงไหนบอกหมอสิ” “ไม่” “ไม่ค่อยดี? ไม่ค่อยโอ? หรือไม่ไหวจะเคลียร์?” “ไม่หิวข้าว” ผมตอบเธอเพียงเท่านั้น ลุกขึ้นจากที่นั่งเมื่อเห็นว่าเธอทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ แบบไม่คิดจะถาม อีกทั้งยังโยนผ้าเย็นในมือส่งคืนกลับไป ก่อนจะเดินออกจากห้องแต่งตัวทั้งๆ อย่างนั้น ผมทำงานที่นี่มาได้สามปีแล้ว พอรู้จักพริกไทยดีเพราะเธอเองก็เริ่มเข้าทำงานพร้อมๆ กัน เธอมักจะชอบเข้ามาคุยกับผมบ่อยครั้ง ต่างจากคนอื่นที่มักจะบอกว่าคุยกับผมไม่ค่อยรู้เรื่อง จนได้ฉายาแปลกๆ ว่าไอ้มึน แต่ใครจะสน? ที่ผมสนใจมีเพียงอย่างเดียวนั่นก็คือตามหาผู้หญิงที่ผมรักมากที่สุดในชีวิต และมันก็ดูจะเป็นเรื่องที่โคตรโชคดี ที่วันนี้ผมมีโอกาสได้พบเธอถึงสองครั้งสองคราว เพราะว่ามีเธอ เพราะว่าเรายังรักกัน เพราะว่าเธอยังเป็นของผม นั่นจึงทำให้ร่างกายนี้ไม่สามารถเข้าใกล้ หรือสัมผัสเนื้อตัวผู้หญิงคนไหนได้อีก...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD