"คือจริงๆ เราสองคนรักกันมาสักพักแล้วค่ะ ก่อนที่จะตัดสินใจแต่งงานกัน ตอนนั้นก็รู้สึกว่า ผู้ชายคนนี้หน่ะหรอที่เราจะแต่งงานด้วย แล้วจากนั้นเราก็ใช้ชีวิตด้วยกันไปเรื่อยๆ หันมาอีกทีเขาก็....มายืนอยู่ข้างฉันวันนี้ซะแล้ว"
"โอ้โห้ เจ้าสาวพูดได้ซึ้งมากนะคะ ตอนนี้เจ้าบ่าวน้ำตาไหลพรางเป็นสายน้ำแล้ว โอ๊ยยย! น่ารักจริงๆ"
"ผมมีเขาเป็นทั้งชีวิตของผม ตอนนั้นที่เราสองคนเจอกันครั้งแรก ผมก็รู้ว่า ไม่ว่าจะยังไง ผมจะไม่มีทาง...ปล่อยเธอไปเด็ดขาด" ฉันนั่งมองคุณแพรวกับเจ้าบ่าวที่กำลังยืนพูดบนเวทีด้วยประโยคซึ้งใจหวานราวกับน้ำผึ้งเดือนห้า ที่ผ่านมาของชีวิตก็มีแอบคิดว่า สักวันฉันคงอาจจะได้ใส่ชุดแต่งงานแบบนี้ ได้ยืนพูดบนเวทีแบบนี้....โดยมีคนข้างๆ เป็นคนที่ฉันรักและเขาก็รักฉัน
"เอาล่ะคะ! โอกาสมาถึงแล้วสำหรับผู้หญิงที่กำลังโสดนะคะ เชิญออกมาด้านหน้าเลยค่ะ ได้เวลารับช่อดอกไม้จากเจ้าสาวแล้วค่ะ!"
"แหมมม! ผมว่า ถ้าไม่ติดว่า เป็นพิธีกรอยู่คุณโอปอล์อาจจะลงไปแย่งชิงดอกไม้กับเขาแล้วก็ได้นะครับ ^O^"
พรึ่บ!
"เธอไม่ไปหรอ" ฉันเอี้ยงหูไปทางเขาแบบใกล้ๆ เพราะว่า ตอนนี้ที่งานเสียงดังมาก ทำให้พูดอะไรก็ไม่ค่อยได้ยินไปหมด นึกว่าจัดงานแต่งในผับซะอีก
"อะไรนะภีม"
"ฉันถามว่า เธอไม่ออกไปหรอ"
"อ้อ ไม่ไปอ่ะ" ฉันดึงตัวกลับมาที่เดิม ก่อนจะมองไปที่หน้าเวทีที่ตอนนี้มีคนเยอะมากเลย ถึงแม้ว่า ช่วงโอกาสนี้จะเป็นช่วงโอกาสที่ดีแต่มันไม่ใช่สำหรับฉันตอนนี้แล้วล่ะ เพราะเป้าหมายการแต่งงานของฉันตอนนี้มันยังไม่แม้จะเป็นรูปเป็นร่างด้วยซ้ำ
"ทำไมอ่ะ ไปสิ"
"ไม่เอา ดูอยู่เฉยๆ ดีกว่า"
"1 2 3 !!!!!!!!!!!!!!!"
พรึ่บ!
"ไหนๆ คะ ดอกไม้ไปทางไหน" ฉันหันไปมองภีมที่กำลังนั่งตกใจกับช่อดอกไม้ที่ตกลงบนตักพอดี ฉันอมยิ้มกะว่าจะแซวแต่ดูจากอาการเขาน่าจะกำลังตกใจอยู่มากเหมือนกัน
"อ่าว คุณผู้ชายสุดหล่อคนนั้น คือ เจ้าของช่อดอกไม้นี้ค่า!!!!!! รบกวนเชิญมาด้านหน้าหน่อยค่ะ" ก็ไม่ต้องดูมากก็พอจะรู้ว่า เขาคงฮอตพอตัวนั้นแหละว่า ทุกสายตาของผู้หญิงทุกคนในงานเหมือนตอนนี้กำลังพูดถึงเขาอยู่เลย เขาสามารถดึงดูดความสนใจจากคนทั้งหมดงานเลยดีทีเดียวเลยนะเนี้ย
"สวัสดีครับ ผมชื่อ ภีมครับ เป็นเพื่อนเจ้าสาว"
"โห้ยยยยยยย!!!!!!!!" เสียงแตกตื่นดังก้องไปทั่ว ใบหน้าหวานกับลักยิ้มสองข้างของเขา ก็ไม่แปลกหรอกที่จะทำให้โดนตกง่ายๆ บางทีฉันที่มองเข้าไปก็ยังแอบมีเผลอยิ้มเลย
"ในฐานะที่ได้ดอกไม้ ตามธรรมเนียมล่ะกัน ขอถามเลยนะคะว่า ตอนนี้คุณภีมมีแฟนหรือยังคะ"
"...... ยังไม่มีครับ" เขาหันมาสบตาฉันแวบนึงก่อนจะพูดตอบออกไป
"แล้วตอนนี้มีสาวในใจหรือยังคะ" แค่เขายกยิ้มมุมปาก ก็ทำให้เกิดเสียงฮือฮาดังขึ้น เขาหันมาสบตาฉันก่อนที่จะเอ่ยตอบคำถามพิธีกรบนเวที "มีแล้วครับ แต่ไม่รู้เขารู้ตัวหรือยัง" เขาพูดถึงใครไม่รู้ ทำไมหัวใจของฉันต้องเต้นรัวราวกับว่า เขากำลังพูดกับฉันอย่างนั้นแหละ
"โห้ววววววว!!!!!!!!!!" เขายิ้มหวานก่อนที่จะหันไปพูดอวยพรให้คู่เจ้าบ่าว พอลงมาเขาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นและฉันก็ไม่รู้จะถามอะไรเพิ่มเติมด้วย เราสองคนต่างนั่งเงียบตลอดงาน จนกระทั่งตอนนี้...
.
"เธอจะให้ฉันไปส่งที่ไหน คอนโดหรือป่าว หรือว่าที่บ้าน"
"คอนโดล่ะกัน" เราสองคนเดินไปตามทางเดินสองข้างทางตรงยาวจนสุดลูกตา หันไปมองทางด้านไหนก็เต็มไปแสงไฟระยิบระยับจากตึกอาคาร ถ้ามันสวยแบบนี้ได้ตลอดไปก็ดีน่ะสิ
พรึ่บ!
"หื้ม?" ฉันหันไปเลิกคิ้วถามเขา เพราะจู่ๆ เขาก็ยื่นห่อดอกกุหลาบสีชมพูขาวมาให้ฉัน
"ให้"
"นายจะเอามาให้ฉันทำไม ก็เอาไปให้คนที่อยู่ในใจนายสิ ธรรมเนียมงานแต่งเป็นแบบนั้นไม่ใช่หรอ" ฉันดันดอกไม้กลับไปให้เขาก่อนที่จะเขาจับมือฉันออก แล้วพูดตอบออกมาอย่างหน้าตาเฉย
"ก็ให้อยู่นี่ไง"
"......."
"ฉัน...หมายถึงก็เธอเป็นคนเพื่อนผู้หญิงคนเดียวของฉัน ถ้าไม่ให้เธอจะให้ใครล่ะ ฉันยังไม่ได้มีใครหรอก ก็แค่พูดไปงั้นแหละ"
"นายว่า ถ้าวันนั้นเราไม่ได้เลิกกัน วันนี้เราสองคนจะเป็นยังไงนะ" ฉันรับช่อดอกไม้มาก่อนที่จะเอ่ยถามคำถามแปลกๆ ออกไป
"..... ฉันคงขอเธอแต่งงานไปนานแล้วล่ะ" ฉันชะงักพร้อมกับหันไปมองเขาด้วยความตกใจ ไม่คิดว่า เขาจะตอบออกมาตรงๆ แบบนี้ ก่อนที่เขาจะหัวเราะในลำคอก่อนที่จะพูดตอบออกมา
"หึ! ทำไมอ่ะ ไม่เชื่อหรอ"
"ป่าว แค่ไม่คิดว่า นายคิดไกลขนาดนั้น"
"ฉันไม่ได้คิดไปไกลซะหน่อย แต่ตอนนั้นฉันกับเธอเดินทางด้วยกันมาไกล มันก็ไม่แปลกที่ฉันอยากจะมีเธอในชีวิตตลอดไปหรือป่าว" คำพูดที่เราไม่เคยพูดกันตลอดเวลาที่เราคบกันมา แต่ถ้าพูดคุยกันตอนนี้มันจะมีประโยชน์อะไรล่ะ ก็ตอนนี้เราไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว
"ฉัน...ขอโทษนะ ที่วันนั้นทำแบบนั้น ฉันน่าจะนึกถึงนายให้มากกว่านี้"
"จะให้ทำไงได้ล่ะ ตอนนั้นอนาคตเธอก็ต้องมาก่อนหรือป่าว ฉันต่างหากที่งี่เง่าอยากรั้งเธอไว้ แทนที่จะสนับสนุนเธอ ขอโทษนะ" เราสองคนต่างพูดสิ่งที่ติดค้างอยู่ในใจ ตลอดหลายปีที่ผ่านมาฉันก็รู้สึกผิดมาตลอดที่ตัดสินใจหนีเขาไปแบบนั้น เขาก็คงรู้สึกผิดกับฉันเหมือนกัน ฉันดีใจนะที่วันนี้เราสองคนได้กลับมาคุยกันเรื่องนี้อีกครั้ง.....แบบผู้ใหญ่หน่ะ