ตอนที่ 6
ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก
“ก็ได้ ๆ งั้นก็แล้วแต่พี่เลย” มินตรารีบตัดบท เพราะได้ยินเสียงเคาะประตูหน้าห้องดังขึ้น ทำให้เธอรีบตอบตกลงกับกฤติดนัยอย่างไม่มีทางเลือก ก่อนจะรีบเดินไปเปิดประตู
“อ่าว!...มุกเองเหรอ”
“ค่ะ...มุกเอง เมื่อกี้พี่มินคุยกับใครอยู่เหรอคะ” มุกระวีน้องสาวเอ่ยถาม
“อ๋อ! พี่คุยกับเพื่อนน่ะ” มินตราแกล้งโกหกน้องสาวไป
“แม่บอกว่าให้ฉันมาตามพี่ไปกินข้าว” มุกระวีน้องสาวก้าวเข้ามาในห้อง ร่างอวบอัดทำให้หล่อนดูเป็นผู้ใหญ่กว่าวัยอย่างแท้จริง กางเกงรัดรูปขาสั้นจู๋ เผยให้เห็นช่วงต้นขาอวบใหญ่ เสื้อเชิ้ตตัวหลวมคลุมสะโพกอวบแทบไม่มิด ผมซอยสั้นเคลียร์บ่าดวงตากลมโตซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่คล้ายคลึงกับของพี่สาว ก่อนจะเบิกตากว้างแล้วเอ่ยถามพี่สาวของเธอที่ยังอยู่ในชุดทำงาน
“อ้าว!!...แล้วนี่พี่มินยังไม่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าอีกเหรอคะ..พี่มินมีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า”
“ไม่มีหรอกมุก...มานั่งนี่ก่อนสิ” เด็กสาวทรุดตัวลงนั่งบนเตียง ในขณะที่พี่สาวเดินวนไปวนมา
“ปีนี้มุก...อายุเท่าไหร่แล้ว?”
“สิบเจ็ดค่ะ..อีกสองเดือนก็จะครบสิบแปดเต็มแล้วค่ะ”
“สัญญากับพี่ได้ไหม ว่ามุกจะตั้งใจเรียนแล้วก็พยายามสอบเข้าคณะดี ๆ ให้ได้”
“ค่ะ มุกจะพยายาม”
“เดี๋ยวนี้แม่ไปเล่นไพ่แทบทุกวันเลย พี่หาเงินคนเดียวมันไม่ทันจริง ๆ มุกต้องช่วยพี่เตือนแม่บ้างนะ”
“มุกก็เตือนแม่อยู่ค่ะ..พี่มิน! แต่รายนั้นน่ะ ฟังซะลูก ๆ อย่างเราซะที่ไหน” มุกระวีคุยกับพี่สาวเรียบร้อยก็เดินออกมาจากห้อง เธอเห็นสีหน้าของพี่สาวดูไม่ค่อยสดใสร่าเริงเหมือนแต่ก่อน ทำให้เธอตัดสินใจไปพูดขอร้องมารดาอีกครั้ง..เรื่องที่บังคับให้พี่สาวของเธอแต่งงานกับคุณภูริภัทร
“มันก็แค่อิดออดของมันไปอย่างนั้นแหละ ผัวรวย ๆ สบาย ๆ มีใครไม่ต้องการบ้าง”
“แต่แม่ค่ะ ถ้าพี่มินเค้าไม่ได้รักกับคุณภัทรเค้าจริง ๆ แม่ก็อย่าไปบังคับพี่เค้าเลย”
“ฉันตกลงกับคุณภัทรเค้าไปแล้ว แกจะมาพูดเพื่ออะไร หรือว่าแกอยากแต่งงานแทนพี่สาวแก”
“ปะ เปล่านะแม่”
“แกก็อีกคนหนึ่ง...จะเรียนไปหาสวรรค์วิมานอะไร!!!!..หัดรู้จักหาผัวรวย ๆ ให้เค้าเลี้ยงสิ แม่จะได้สบายไปด้วย อย่าไปเอาอย่างพี่สาวของแก รายนั้นน่ะรึ..มีคนดี ๆ รวย ๆ มาให้เลือกก็ทำเป็นหยิ่ง ถ้าฉันไม่บังคับพี่สาวแกมันก็ไม่ยอมแต่งกับคุณภัทรเค้าหรอก แต่ก็น่าเสียดายนะ! แกน่าจะโตเร็วกว่านี้อีกหน่อย..ฉันจะได้ยุให้คุณภัทรเค้าจีบแกไปซะเลย”
“แต่แม่ก็รู้นี่คะ...ว่าพี่มินเค้ามีพี่ตั้มอยู่แล้วนะคะ”
“ไอ้ตั้มน่ะ! มันมีแต่ตัว แต่งงานกันไปพี่สาวแกนั่นแหละจะได้หาเลี้ยงมัน แล้วเมื่อไหร่มันจะลืมตาอ้าปากกันได้”
วันศุกร์ เวลา 17.00 น.
ภูริภัทรมาส่งมินตราถึงที่บ้าน ในทันทีที่เธอกำลังจะลงจากรถ เขาก็รีบยื่นซองหนา ๆ ซองหนึ่งส่งให้หญิงสาว เธอรับมาถือไว้อย่างงงๆ ก่อนจะเอ่ยถาม
“ซองอะไรเหรอคะ..คุณภัทร”
“ฝากนี่ให้แม่ของมินด้วยนะ ไม่รู้ว่าท่านกลับมาหรือยัง” หญิงสาวรีบแกะซองสีน้ำตาลหนา ๆ ซองนั้นออกดู พอเห็นสิ่งที่บรรจุอยู่ภายในก็ถึงกับตะลึงงัน
“คุณภัทร!!!! นี่แสดงว่าแม่ของมินไปขอยืมเงินคุณภัทรอีกแล้วใช่มั้ยคะ”
“อย่าเรียกว่ายืมเลยครับ เงินส่วนนี้อีกหน่อยก็เป็นของคุณแม่มินอยู่แล้ว” ธนบัตรสีเทามัดเป็นก้อน ๆ วางเรียงเป็นปึกหนา และเดาว่ามันคงหลายแสนเลยทีเดียว ขณะที่มินตราไม่ยอมรับเงินจากมือเขา เสียงเคาะกระจกรถก็ดังขึ้นทางฝั่งที่เธอนั่งทันที
“แม่!!!!” เสียงเคาะกระจกรถดังขึ้นถี่ ๆ ทำให้มินตรารีบเก็บเงินใส่ซองคืนให้ภูริภัทรแล้วรีบลงจากรถทันที มารดามองลูกสาวด้วยสีหน้าไม่ค่อยพอใจนัก แต่ก็ต้องทำสีหน้ายิ้มแย้มเพื่อต้อนรับคนที่อยู่ในรถอีกฝั่งหนึ่ง
“สวัสดีค่ะ คุณภัทร แวะเข้าไปข้างในบ้านก่อนมั้ยคะ” คุณนายทองสุขเอ่ยเสียงใสทักทายว่าที่ลูกเขยด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“สวัสดีครับ..คุณแม่ อืม!...แต่ว่าวันนี้ผมมีงานค้า..ค้าง!!!..” คำพูดของภูริภัทรหยุดค้างไว้แค่นั้นเมื่อเห็น ร่างหญิงสาวในกางเกงรัดรูปขาสั้นขับมอเตอร์ไชด์คันเก่า ๆ เข้าบ้านมา ผมเผ้ายุ่งเหยิงแต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความสวยน่ารักของเธอลดลงไปแม้แต่น้อย
“ยัยมุกออกไปไหนมาน่ะ” มินตราเอ่ยถามน้องสาว ในระหว่างที่แม่ของเธอยังคุยอยู่กับคุณภูริภัทร
“ก็แม่น่ะสิ!..ให้มุกทำกับข้าวเอาไว้เยอะเลย...ไม่รู้จะเผื่อใครนักหนา แล้วก็พอดีน้ำปลามันหมดน่ะ...มุกก็เลยต้องรีบออกไปซื้อ” มินตราพอจะเดาออกว่ามารดาของเธอมีแผนจะชวนภูริภัทรทานข้าวเย็น แต่มินตราก็งงว่าทำไมเขาไม่บอกเธอเอาตั้งแต่แรก
“คุณแม่ครับ งั้นเดี๋ยวผมทานข้าวกับคุณแม่ก่อนก็ได้ครับ เรื่องงานเดี๋ยวเอาไว้เคลียร์ต่อทีหลัง กลัวคุณแม่จะเสียน้ำใจ” ภูริภัทรรีบบอกแววตาก็ยังจับจ้องไปที่เรือนร่างระหงของมุกระวีไม่หยุดหย่อน
“อุ๊ย!.. ขอบคุณมากเลยค่ะ..คุณภัทร” คุณนายทองสุขรีบบอก ภูริภัทรจึงลงจากรถแล้วเดินตามคุณนายทองสุขเข้าบ้านไป