8 เฉย

1802 Words
“ได้คอหมูย่างกับตับหวานด้วยไหมอะ” ฉันถามหนุ่มหล่อที่สภาพตอนนี้โคตรเซอร์ กางเกงนอนห้าส่วน เสื้อฮู้ดสีแดงสวมหมวกปิดบังใบหน้า ในมือของเขาถือถุงส้มตำไก่ย่าง แต่ถึงยังไงเขาก็หล่ออยู่ดี ไม่ว่าจะอยู่ในสภาพไหน ไม่งั้นเขาคงทำงานด้านบริการไม่ได้ “ได้ครับแม่ ได้ทุกอย่างที่แม่ต้องการเลยครับ” เรซชูถุงส้มตำ ไก่ย่าง คอหมูย่าง ตับหวาน ต้มแซบ น้ำตก ให้ฉันดู อ่า ใช่แล้ว เพื่อนที่ฉันไว้ใจยิ่งกว่าใครคือเรซ คนที่เหมือนจะไม่สนิท แต่ความจริงเขาคือคนที่เข้าใจฉันที่สุด “น่ารักตลอดเลย ปะขึ้นห้องกันเถอะ” ฉันส่งยิ้มให้เรซและยื่นมือขอคีย์การ์ดของเขา เพราะว่าเรซถือพวกถุงส้มตำพะรุงพะรัง “ทำไมวันนี้ไม่รับงานอะ เรตติ้งตกเหรอ” ระหว่างอยู่ในลิฟต์ฉันก็หาเรื่องคุยไปก่อน เพราะถ้าเข้าห้องแล้วฉันจะกลายเป็นคนที่ต้องเล่าต้องระบายซะส่วนใหญ่ “เพิ่งกลับมาเอง แล้วแหวนก็โทรมา คนอุตส่าห์จะนอนพัก” “เมื่อคืนไม่นอนหรือไง” “นอนได้ไง ต้องบริการให้ถึงใจดิ ลูกค้าจะได้กลับมาใช้บริการ” “คิดจะทำถึงอายุเท่าไหร่” “ยังไม่ได้คิดอะ กะว่าเรื่อย ๆ สนุกดี ได้เงิน ได้ฟิน สุขด้วยกันทั้งคู่” “ฟังดูง่าย” “ง่ายเพราะเรซเลือกแขกได้ไง ส่วนใหญ่ก็คัดแต่เกรดพรีเมียม พวกระดับเงินหนา” “จ้ะพ่อรูปหล่อ” งานของเรซถ้าเรียกให้ดูดีก็ผู้ชายให้เช่า เช่าเป็นรายวัน รายชั่วโมง ลูกค้าเลือกได้ว่าต้องการบริการระดับไหน เพื่อนคุย เพื่อนเที่ยว และเพื่อนนอน แพ็กเกจโปรโมชันสุดคุ้มมีให้เลือกมากมาย แต่ถ้าเรียกภาษาชาวบ้านก็ ‘ผู้ชายขายตัว’ วิธีเรียกมีแตกต่างกันไป ซึ่งเรซให้คำนิยามอาชีพของตัวเองว่า ‘ฝ่ายบำบัดตัณหา’ ก็แล้วแต่ความพึงพอใจที่จะเรียกกันนั่นแหละ ท้ายที่สุดก็จบลงที่เรซรับเงิน และได้ฟินกันทั้งสองฝ่าย เรซทำอาชีพนี้มานานมากแล้ว ทำเป็นขบวนการ กลุ่มของเรซที่ทำอาชีพนี้มีแต่ผู้ชายเกรดพรีเมียม หน้าหล่อ ปากหวาน ช่างเอาอกเอาใจ พูดง่าย ๆ ก็เทพบุตร สวรรค์ของสาวขี้เหงานั่นแหละ “ว่าแต่แหวนอะ ไหงมาโผล่นี่ อะไรยังไงเล่าด้วย” “ก็มาเพื่อเหล้า” “เล่า ไม่ใช่ เหล้า เมาแล้วไม่เคยคุยรู้เรื่อง” “ก็เมาหนักแค่กับเรซไหมอะ แหวนรู้ว่าเรซเชื่อใจได้ ถ้ากับคนอื่นยังไงแหวนก็ไม่กล้าทำแบบนี้หรอก” “นี่ตั้งใจจะเมาหนัก?” “อืม” ฉันพยักหน้าหงึก ๆ เรื่องที่อยู่ในใจตอนนี้มันเกินกว่าที่ฉันจะรับไหว ฉันต้องการคนมาแบ่งรับความรู้สึก และคนคนนั้นต้องเป็นคนที่ไว้ใจได้ “ไม่รู้ว่าควรเฉยกับเรื่องไหนก่อนเลย” “บางทีการเฉย หลบหนีปัญหาก็ไม่ใช่ทางออกที่ดีเสมอไปนะแหวน เราหนีความจริงไปตลอดไม่ได้ ถึงเวลาก็ต้องสู้รู้ใช่ไหม” เรซยกมืออีกข้างมาวางที่ศีรษะของฉันก่อนที่เราจะเดินออกจากลิฟต์เมื่อถึงชั้นที่เรซอยู่ ฉันแตะคีย์การ์ดเข้ามาในห้องของเรซ เราสองคนเข้ามาในห้องแล้วฉันจึงปิดประตู “แล้วแหวนต้องสู้กับอะไรเรซ นั่นพ่อกับแม่ของแหวนนะ พ่อมีบ้านเล็ก แม่ก็ติดเหล้า เมามาก็เอาแต่โทษแหวน” ฉันเดินมาทิ้งตัวนอนเหยียดที่โซฟาตัวยาว “ไหนวันนี้ไปไหน เจออะไรมา เล่ามาดิ๊” เรซเปิดประเด็นพร้อมเดินไปที่โซนครัวแกะพวกส้มตำที่ซื้อมา “ดินมารับแหวนที่ห้อง บังคับให้ไปกินข้าวที่บ้านเขา ด้วยเหตุผลที่ว่าแม่คิดถึง อ้อ! เมื่อคืนก็นั่งแท็กซี่คันเดียวกันกับแหวนด้วย ตอนที่แหวนออกมาแล้ว ดินพูดอะไรหรือเปล่า” แทรกเรื่องราวเข้ามาก่อนเพราะนึกขึ้นมาได้แบบฉับพลัน “ไม่นะ ไม่เห็นมันพูดอะไร นึกจะเดินออกไปก็เดินเลย” อ่า นี่แหละนิสัยของดิน “อืม นั่นแหละ แล้วแหวนก็ต้องไปกินข้าวที่บ้านดินไง ไม่รู้เหมือนกันว่าดินมีคีย์การ์ดห้องแหวนได้ไง” “มีคีย์การ์ดเลยอ่อ?” “เออดิ” “ไปบ้านแล้วไงต่อ” เรซเดินกลับมาพร้อมอาหารมากมาย ฉันจึงดีดตัวลุกขึ้นนั่ง “เจอแม่ของแหวนด้วยไง แวบแรกเหมือนจะดี เจอร่างหนึ่ง แต่แล้วก็ไม่พ้นฉะแหวนเต็ม ๆ เก็บทุกรายละเอียดมาด่าแหวน แล้วคือแหวนไม่เข้าใจเว้ย ทำไมดินไปทำงานที่บริษัท เรซรู้แค่ไหนพูดมาให้หมดเลย” ฉันบอกเล่าและลงท้ายด้วยคำถาม “หลังจากไอ้หวายตายได้เดือนกว่า แม่ของแหวนก็มาขอร้องให้ไอ้ดินเข้าไปทำงานในบริษัทแทน ไปทำในฐานะตัวแทนของแม่ แม่บอกไม่มีที่พึ่ง และเชื่อว่าไอ้ดินจะไม่ทำให้แม่ผิดหวัง ก็อย่างที่แหวนรู้ว่าหุ้นของบริษัทแม่ของแหวนถือครองไว้มากที่สุด มีอำนาจตัดสินใจมากกว่าคนอื่น” ใช่ แม่ของฉันฐานะดีกว่าพ่อ บริษัทนั้นเป็นของครอบครัวแม่และตกทอดกันมารุ่นต่อรุ่น พ่อไม่มีฐานะความเป็นอยู่ดีเท่าแม่ พ่ออาศัยความเก่งความขยันใฝ่รู้ ด้วยความที่แม่ไว้ใจพ่อ จึงให้พ่อเข้ามาบริหารงานแทนตัวเอง “ดินก็ยอมงี้เหรอ” “ตามนั้น” “เพื่ออะไรอะเรซ ดินเกลียดแหวนจะตายไป แหวนหย่าให้ก็ควรจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขแล้วไหม” “มันก็คงสงสารแม่นั่นแหละ ก็ไอ้หวายมันเรียนมาเพื่อที่จะเข้าไปทำงานในบริษัท แต่ทำได้ไม่นานก็จากไป ไอ้ดินมันก็ไม่ใช่คนไม่มีหัวใจขนาดนั้น” “ดินมีหัวใจ แต่หัวใจของดินมีให้ทุกคน ยกเว้นแหวน” ฉันพูดพร้อมกับกดมือถือเข้าคลังรูปภาพ กดมาหนึ่งรูปแล้วยื่นให้เรซดู “คือ?” “ผู้หญิงที่ดินคุยอยู่ เขาเป็นแฟนกัน” “เฮ้ย! ถามจริง” “อืม” “สุดยอดเลยว่ะ แล้วแหวนทำไง” “ทำเฉยสิ ยังไงแหวนกับดินก็เลิกกันแล้ว จะให้แหวนไปโวยวายอะไร ประเด็นที่แหวนไม่สบายใจคือเรื่องที่แม่ไปพึ่งพาดิน แหวนไม่อยากให้แม่ไปวุ่นวายกับดิน แล้วคือแหวนบอกแม่แล้วนะ แม่ตอกกลับมาว่า…ถ้าแหวนทำให้หวายฟื้นขึ้นมาได้ แม่จะเลิกยุ่งกับดิน แต่ถ้าทำไม่ได้ก็อยู่เงียบ ๆ ไป” “แรงดีไม่มีตกเลยแม่” “มีแรงกว่านี้อีก ด่ากลางโต๊ะอาหาร พูดถึงเรื่องที่แหวนทำกับดินไว้ด้วย แล้วกินข้าวนะก็นั่งกดดันให้แหวนตักของที่หวายชอบกินอะ โอ๊ย พูดแล้วก็เซ็ง” “เฮ้อ เป็นแหวนนี่ปวดหัวดีว่ะ” “ยิ่งกว่าปวดหัวอีก ไม่อยากกลับห้องเลยเนี่ย คืนนี้ขอนอนนี่ได้ไหมอะ” “งอแงอีกแล้วไง” “เอาน่า น่านะ น่านะ ให้แหวนนอนนี่เถอะ ยังไม่อยากตอบคำถามใคร” “เรซเคยบอกแหวนแล้วใช่ไหมว่าอะไรที่มันไม่ดีก็ตัดทิ้งไป ไม่ใช่มัวแต่เกรงใจ” “ก็ไม่คิดว่ามันจะไม่ดี” ฉันเอ่ยด้วยน้ำเสียงเศร้าสลด “ช่างแม่งเถอะ แหวนนิ่งไม่อาละวาดแบบนี้ แสดงว่าโตขึ้นเยอะแล้ว” “โตขึ้นหรือด้านชาอะ” “จะอะไรก็แล้วแต่ อย่างน้อยเรซก็ดีใจนะที่แหวนไม่ทำอะไรโง่ ๆ อีก” เรซเดินไปถือแก้ว กระติกน้ำแข็ง และเหล้ามาวางที่โต๊ะ พร้อมชงให้ฉันด้วย “รู้แล้วจ้า เออ! ทำไมแม่แก้วถึงได้นั่งรถเข็นอะเรซ” ฉันคาดเดาว่าเรซอาจจะรู้ ให้ฉันถามดินฉันไม่ถามหรอก เดี๋ยวจะโดนตอกกลับมาว่าเรื่องของเขาอย่าไปยุ่ง “กล้ามเนื้ออ่อนแรง อยู่ ๆ ก็ล้มตอนทำผมให้ลูกค้า นี่แม่แก้วก็รักษาใกล้จะหายเป็นปกติแล้วนะ” นั่นไง เรซรู้ทุกเรื่อง “เป็นนานหรือยังอะ” “ถ้าจำไม่ผิด ปีกว่าได้” “แม่แก้วคงทุกข์ใจเนอะ คนเคยทำงานมาตั้งแต่ดินกับดิสยังเด็ก ๆ” “ก็คงงั้น แต่แม่แก้วใกล้จะหายแล้ว อีกหน่อยก็จะกลับมาเปิดร้านเหมือนเดิม” เรซยกแก้วเหล้าของตัวเองขึ้นดื่มบ้าง “แบบนี้ที่ผ่านมาดินคงจะลำบากมาก ทั้งเป็นห่วงแม่ ทั้งต้องแบกภาระบริษัท” ฉันครุ่นคิด มองตามหลักที่ควรจะเป็น เพราะว่าดินมีแม่แค่คนเดียว “ก็ถ้าเป็นห่วงมันก็เข้าไปทำงานเป็นผู้ช่วยมันสิ ไปเรียนเมืองนอกก็ไปเรียนรู้งานมาแล้วไม่ใช่หรือไง หรือมัวแต่ไปทำงานพิเศษจนไม่มีเวลาศึกษางานให้เข้าใจ” เรซแทบจะเป็นคนเดียวที่รู้ว่าการใช้ชีวิตที่ต่างประเทศของฉันเป็นยังไงบ้าง ฉันไปเรียนต่อโดยการเอาเงินเก็บที่มีเป็นทุนการศึกษา ฉันไปโดยไม่ได้ขอเงินพ่อแม่ ไปถึงที่นั่นฉันหางานพิเศษทำเพื่อเลี้ยงชีวิต ฉันทั้งเรียนและทำงานพิเศษหลายต่อหลายที่ การทำงานไปด้วยและเรียนไปด้วยทำให้ฉันมีเงินเก็บมากพอสมควร ตอนนั้นจะเรียกว่าบ้างานเพื่อตัดใจจากดินก็ว่าได้ “ไม่เอาดิ ยังไม่พูดถึงเรื่องงานที่บริษัทเนอะ” ฉันยิ้มหวานให้เรซ “ตลอดอะ หนีปัญหาทุกครั้งไม่ได้นะแหวน” “ไม่ได้หนี ก็แค่ยังไม่พร้อม เรซก็รู้ว่าถ้าแหวนทำแบบนั้น แหวนต้องจัดการเรื่องหยุมหยิมก่อนที่จะเข้าไปทำงานที่บริษัท” แค่คิดถึงเรื่องหยุมหยิมฉันก็ปวดหัวตุบ ๆ ขึ้นมาแล้ว “ก็คิดว่าทุกอย่างที่ลงมือทำ แหวนทำเพื่อตัวเองไง เหมือนตอนทำงานพิเศษที่ต่างประเทศ เรซรู้ว่าแหวนเก่ง” “ตอนนี้แหวนไม่เก่งหรอก กับบางเรื่องแหวนยังไม่กล้าจะเผชิญกับมันเลย” ยิ่งพูดยิ่งเครียด ยิ่งเครียดฉันก็ยิ่งกระดกดื่มหนักกว่าเดิม “เอาน่า ถึงเวลาก็พร้อมเอง ตอนนี้เมาดีกว่า อย่าคิดมาก มาหาพี่เรซจะเศร้าไม่ได้” “นั่นสินะ อยู่กับเรซจะเหงาได้ไง” ฉันยิ้มพร้อมยกแก้วเหล้าดื่ม จากนั้นก็ดื่มยาวค่ะ อยู่กับเรซสบายใจที่สุดแล้ว เมาทิ้งตัวได้ตามสบาย ไม่มีอันตรายแน่นอน ถึงเรซจะเป็นผู้ชายขายตัว แต่เขาไม่ทำเพื่อนแน่ ๆ รู้สึกเหมือนฉันจะลืมอะไรบางอย่างไปหรือเปล่านะ ไม่หรอกน่า ไม่น่าจะมีอะไรสำคัญแล้วมั้ง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD