“คุณเจเดนคะ ถ้าคุณให้หนูล้างใหม่อีกหนูจะเทน้ำเกลือล้างแผลอาบให้คุณจริงๆ แล้วนะคะ”
เปรี้ยวพูดประชดเจเดนทันทีเมื่อเขาไม่ยอมปล่อยเธอสักทีจนเวลาล่วงเลยมาสองชั่วโมงกว่าแล้ว
“เธอกล้าหรอ”
เจเดนถามกลับเสียงแข็งพร้อมกับจ้องหน้าเธอด้วยสายดาดุดัน
“อย่าท้าหนูนะคะ ถ้าหนูโกรธหนูทำจริงๆ นะ ปล่อยหนูได้แล้ว หนูจะออกไปทำงานเดี๋ยวพี่ๆ เค้าจะว่าเอาว่าหนูอู้งานตั้งแต่วันแรก”
เปรี้ยวพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจังเพราะกลัวพี่ๆ ทั้งสองนั้นตำหนิที่หายไปถึงสองชั่วโมง
“กลัวโดนว่าอู้งาน หรืออยากรีบออกไปหาใคร”
“ก็ต้องกลัวโดนว่าอู้งานสิคะ จะให้หนูรีบออกไปหาใครได้ในเมื่อหนูยังไม่ได้สนิทกับใครสักคน”
เปรี้ยวตอบเจเดนไปตามตรงโดยไม่มีท่าทีเลิกลั่กเลยสักนิด
“ลืมรึไงว่าฉันเป็นคนเรียกเธอมา ใครมันจะกล้าตำหนิเธอ”
เจเดนพูดขึ้นเสียงเรียบจนเปรี้ยวได้แต่มองเขาด้วยความไม่เข้าใจ
“แล้วคุณจะให้หนูนั่งตักแบบนี้จนเลิกงานรึไงคะ”
“อืม”
เปรี้ยวถึงกับเบิกตากว้างตกใจเมื่อได้ยินคำตอบสั้นๆ ของเขา
“นี่คุณจะทำจริงๆ หรอคะ”
เปรี้ยวถามเจเดนขึ้นด้วยความตกใจ
“ฉันเพื่อนเล่นเธอรึไง”
เจเดนพูดใส่เปรี้ยวเสียงดุ ทำเอาเปรี้ยวนั้นตกใจมากกว่าเดิมเมื่อเขาบอกไม่ได้พูดเล่น
“คุณเจเดน หนูไม่เอาด้วยหรอกนะ หนูจะลงไปทำงาน ปล่อยหนูนะคะ”
เปรี้ยวพูดขึ้นแล้วพยายามจะลุกออกจากตักเจเดนแต่ก็ไม่เป็นผลเมื่อเขาไม่ยอมปล่อยมือออกจากเอวบางของเธอแถมยังกระชับกอดแน่นกว่าเดิมอีกจนเปรี้ยวเริ่มโมโหใส่เขา
“คุณเจเดน ปล่อยหนูเดี๋ยวนี้เลยนะ”
“อยากให้ฉันปล่อยก็หาทางทำให้ฉันปล่อยมือให้ได้สิ โอ๊ย!”
เจเดนถึงกับร้องเจ็บออกมาเมื่อโดนเปรี้ยวกัดเข้าที่ไหล่ซ้ายของเขาอย่างแรงจนเขาเผลอปล่อยกอดออก เปรี้ยวจึงรีบลุกขึ้นยืนแล้วยิ้มเยาะเย้ยใส่เขาทันที
“ถือว่าหนูทำได้ อิอิ ขอตัวไปทำงานก่อนนะคะเจ้านาย”
เปรี้ยวพูดกับเจเดนด้วยรอยยิ้มผู้ชนะแล้วรีบวิ่งออกจากห้องทำงานของเขาทันที
“หึ”
เจเดนไม่ได้มีท่าทีโกรธหรือโมโหเปรี้ยวเลยแม้แต่น้อยที่เปรี้ยวทำเขาเจ็บตัวแต่กลับยิ้มมุมปากขึ้นอย่างอารมณ์ดี ทั้งๆ ที่ปกติใครที่ทำเขาเจ็บเขาไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้นถึงแม้จะเป็นผู้หญิงก็ตาม สักพักก็กลับมาทำหน้านิ่งเหมือนเดิมเมื่อลีวายนั้นเข้ามาในห้อง
“ขออนุญาตครับคุณเจเดน”
หลังจากที่ลีวายเคาะห้องแล้วก็พูดขออนุญาตเจเดนทันที
“มีอะไร”
เจเดนถามลีวายกลับเสียงเรียบใบหน้าเข้มขรึมซึ่งเป็นปกติเวลาอยู่กับลูกน้องของตัวเอง
“สืบได้แล้วครับว่าใครเป็นคนจ้างคนขับรถมาชนคุณเจเดนเมื่อวันก่อน”
เจเดนเงยหน้ามองลีวายทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของลีวาย
“มันเป็นใคร”
“ไอ้ดิวลูกชายของเสี่ยดนัย มันเรียนบริหาร มหาลัยเดียวกันกับเราครับ”
ลีวายรายงานเจเดนอย่างละเอียด ส่วนเจเดนเมื่อรู้ว่าใครเป็นคนลอบทำร้ายเขาก็นั่งนิ่งไม่พูดอะไรเพราะกำลังใช้ความคิดอยู่
“จะให้ลากมันมาจัดการเลยมั้ยครับ”
ลีวายเอ่ยถามเจเดนขึ้นเมื่อไม่เห็นเจเดนเอ่ยสั่งอะไรต่อ
“ไม่ต้อง ครั้งนี้กูทำร้ายพ่อมันก่อน มันมาเอาคืนก็ถือว่าหายกัน แต่ถ้ามันยังมาวุ่นวายกับกูอีกครั้งกูไม่ปล่อยมันไว้แน่ มึงไปทำงานอื่นต่อเถอะ”
“ครับ”
ลีวายรับคำสั่งเจเดนแล้วเดินออกจากห้องไปทันที ที่เขาไม่เอาคืนดิวไม่ใช่ว่าเขากลัวแต่คิดว่าครั้งนี้ตัวเองเป็นฝ่ายเริ่มก่อนจึงถือว่าหายกัน เมื่อลีวายเดินออกจากห้องไปแล้วเจเดนก็หันมองไปยังด้านล่างตำแหน่งที่เปรี้ยวกำลังทำงานอยู่เหมือนเดิมไม่วางตาจนผ่านไปสักพักจึงลุกไปทำงานตัวเองต่อ ส่วนเปรี้ยวเมื่อออกจากห้องเจเดนแล้วก็พูดขอโทษออกัสและผักบุ้งอย่างรู้สึกผิดที่หายไปนานแต่ทั้งสองก็ไม่ได้โกรธหรือพูดประชดอะไรเธอเลยแม้แต่น้อยเพราะเธอไม่ได้ทำอะไรผิดจึงทำให้เปรี้ยวนั้นรู้สึกสบายใจขึ้นมากเลยทีเดียวจึงตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่
“น้องเปรี้ยวได้เวลาเลิกงานแล้ว พรุ่งนี้ค่อยเช็คเครื่องดื่มที่หมดก็ได้”
ผักบุ้งพูดขึ้นขณะที่กำลังเตรียมตัวจะกลับบ้าน
“อีกนิดเดียวก็จะเสร็จแล้วค่ะพี่ผักบุ้ง พี่กลับก่อนก็ได้ค่ะ”
เปรี้ยวหันมาบอกผักบุ้งด้วยรอยยิ้มเพราะเธอเช็คเครื่องดื่มใกล้เสร็จแล้ว
“โอเค งั้นพี่กลับก่อนนะ”
“ค่า สวัสดีค่ะพี่”
เปรี้ยวยกมือไหว้ผักบุ้งอย่างนอบน้อม ผักบุ้งจึงพยักหน้าตอบด้วยรอยยิ้มแล้วกลับบ้านทันที
“พี่ออกัสกลับก่อนเลยก็ได้นะคะ อีกนิดเดียวก็เสร็จแล้วค่ะ”
เปรี้ยวหันไปบอกออกัสที่นั่งมองเธอเช็คเครื่องดื่มอยู่
“พี่เป็นหัวหน้าจะให้กลับก่อนได้ยังไง เดี๋ยวพี่จะรอตรวจว่าเราเช็คถูกรึเปล่าด้วยไง”
ออกัสตอบเปรี้ยวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ถึงเขาคิดจะล้มเลิกจีบเธอ แต่ก็รู้สึกเอ็นดูเธอไม่น้อยจึงไม่อยากทิ้งเธอไว้คนเดียว
“ดีเลยค่ะ หนูจะได้รู้ว่าหนูทำถูกรึเปล่า รอสักครู่นะคะ”
“คุณออกัส รบกวนมาช่วยผมดูเครื่องดื่มที่ห้องเก็บสต็อกได้มั้ยครับ เหมือนจะมีเครื่องดื่มที่ร้านเราไม่เคยใช้อยู่ ผมอยากรู้ว่าใครเป็นคนสั่ง รบกวนถือใบออเดอร์มาด้วยนะครับ”
เปรี้ยวและออกัสถึงกับชะงักหันมองว่านเมื่ออยู่ดีๆ เขาก็พูดแทรกขึ้นมา
“ตอนนี้เลยหรอครับ คือ...มันเป็นเวลาเลิกงานแล้ว”
ออกัสถามว่านด้วยความสงสัยและแปลกใจเพราะปกติว่านและลีวายซึ่งเป็นลูกน้องคนสนิทของเจเดนจะไม่มาวุ่นวายกับแผนกเครื่องดื่มเพราะแผนกนี้คนที่ดูแลคือเจด้า
“ใช่ครับ คุณเจด้าสั่งมาครับ อีกอย่างพรุ่งนี้ก็สิ้นเดือนแล้วคุณเจเดนต้องเช็คบัญชีถ้าแผนกเครื่องดื่มทำผิดพลาด คุณที่เป็นหัวหน้าก็ต้องรับหน้ากับคุณเจเดนคนแรก ผมว่ารีบไปดูวันนี้ดีกว่าก่อนที่คุณเจเดนจะเช็คเองนะครับ”
“ครับๆ ไปเช็คกันเถอะครับ น้องเปรี้ยวถ้าเช็คเครื่องดื่มเสร็จแล้วกลับเลยนะครับพรุ่งนี้เดี๋ยวพี่มาตรวจให้”
ออกัสรีบตอบว่านด้วยความกระวนกระวายเพราะกลัวทำผิดพลาดแล้วเรื่องจะถึงเจเดน และรีบหันไปบอกเปรี้ยวจากนั้นก็เดินไปทันทีโดยไม่รอให้เธอตอบอะไร
“คุณเจเดนน่ากลัวขนาดนั้นเลยหรอ ทำไมพี่ออกัสดูกลัวคุณเจเดนจัง”
เปรี้ยวพูดพึมพัมคนเดียวด้วยความสงสัย
“คนอื่นเค้ากลัวฉันหมด ยกเว้นแต่เด็กดื้ออย่างเธอ”
“ว้าย! ตกใจหมดเลยคุณเจเดน มาไม่ให้สุ้มให้เสียงเลย”
เปรี้ยวถึงกับร้องตกใจเมื่ออยู่ดีๆ เจเดนก็มาพูดอยู่ข้างหลังเธอโดยที่เธอนั้นไม่รู้ว่าเขามายืนตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
“ฉันก็เดินมาปกติ เธอนั่นล่ะที่ยืนบื้อไม่ยอมระวังตัว ถ้าเป็นโจรคงโดนฆ่าโดยไม่รู้ตัวแล้วมั้ง”
“การ์ดเต็มร้านขนาดนี้โจรที่ไหนจะบุกมาได้ล่ะค่ะ อีกอย่างคุณน่ะร้ายกว่าโจรซะอีก”
เปรี้ยวพูดสวนเจเดนอย่างไม่เกรงกลัว จนเจเดนที่ยืดกอดอกอยู่ถึงกับมองตาขวางใส่เธอแล้วเดินไปทันทีจนเปรี้ยวได้แต่ทำหน้างงเพราะไม่เข้าใจเจเดนที่แสดงสีหน้าเหมือนจะไม่ชอบเธอ แต่ก็ชอบมาวุ่นวายกับเธอตลอด
“อะไรของเค้าเนี่ย มาบ่นแล้วก็เดินหนีเนี่ยนะ อารมณ์แปรปรวนรึไง”
เปรี้ยวพูดขึ้นด้วยความงงเมื่อเห็นเจเดนเดินไปแล้ว แต่ก็ละความสนใจหันมาทำงานต่อสักพักก็เสร็จเธอจึงกลับตอนแรกเธอตั้งท่าจะโทรบอกเจด้าว่าจะกลับแล้ว แต่เห็นเจด้าส่งข้อความมาบอกก่อนว่างานเยอะเลยไม่ได้ลงไปหา เปรี้ยวจึงส่งข้อความตอบเจด้าแทนว่าตัวเองจะกลับแล้วเพราะไม่อยากรบกวนการทำงานของเจด้าจึงเลือกที่จะไม่โทรไป เมื่อเปรี้ยวเดินออกจากผับก็ต้องรีบวิ่งไปหลบที่ด้านข้างของผับฝั่งที่จอดรถเพราะเห็นพวกเจ้าหนี้ของพ่อเธอสามคนกำลังยืนคุยกันอยู่หน้าผับเหมือนรอใครสักคนอยู่
“อย่าบอกนะว่าจะตามมาทวงเงินเรา งืออ ทำไงดี เงินยังไม่พอจ่ายเลย”
เปรี้ยวทำหน้าจะร้องไห้ขึ้นทันทีด้วยความกลัวเพราะเธอยังหาเงินจ่ายดอกเบี้ยเดือนนี้ไม่ครบ และสิ่งที่เธอกลัวมากที่สุดคือกลัวคนพวกนั้นจะเอาตัวเธอไปขัดดอก เมื่อคิดหาทางออกไม่เจอเปรี้ยวจึงตัดสินใจยืนหลบจนกว่าพวกเจ้าหนี้จะกลับไป ถึงจะไม่รู้ว่าพวกเจ้าหนี้มาหาใครแต่เธอก็เลือกที่จะระวังตัวไว้ก่อน