“ไม่พอใจ อยากจะลาออกก็ได้นะ ฉันไม่ว่าอะไร และไม่แคร์ด้วย บอดี้การ์ดใหม่หาเมื่อไหร่ก็ได้”
อธิปสาบานว่าเขาจะจัดการเธอให้สาสม แต่ตอนนี้การที่เขาจะโดนไล่ออก มันไม่ใช่เรื่องดีต่องานของเขาแน่นอน ดังนั้นการอดทนจึงสำคัญมาก
ชัชญาหัวเราะคิกเมื่อเห็นอธิปทั้งรวบทั้งถือและทั้งคาบถุงหลายใบซึ่งบรรจุข้าวของมากมายที่เธอกวาดซื้อมาด้วยความสุขใจ
และสิ่งที่ทำให้อธิปแปลกใจก็คือ หญิงสาวไม่ได้เอาเสื้อผ้าพวกนั้นไปใส่เอง หรือเอาไปทิ้งขว้างเพราะคิดว่ามันเฉิ่มเชยอย่างที่เธอบอก แต่เธอกลับเอามาแจกให้คนงานในไร่ทั้งหญิงและชาย ลูกเด็กเล็กแดงต่างได้ของแจกจากชัชญาทุกคน ไม่มีเลือกที่รักมักที่ชัง ทุกคนต่างยิ้มแย้มแจ่มใสและรักเธอกันทั้งนั้น
“คุณหนูซื้อข้าวของพวกนี้มาแจกหรอกหรือ” อธิปมองหญิงสาวอีกแง่มุมหนึ่ง
“ใช่ พวกเค้าลำบาก เป็นแค่คนงานในไร่ของพ่อ แม้จะมีสวัสดิการอะไรจากทางไร่ แต่เสื้อผ้าข้าวของพวกนี้พวกเค้าก็ต้องคิดมากๆ ก่อนซื้อ มันจำเป็นหลายอย่าง ฉันเลยอยากให้ เพราะยังไงคุณพ่อก็รวย เงินของท่านใช้ไปถึงชาติหน้าก็ไม่หมด”
“คุณรู้ได้ยังไงว่าใช้ไปถึงชาติหน้าก็ไม่หมด”
“ก็คุณพ่อรวยมาก เงินทองมีเยอะ จนนายคาดไม่ถึงเลยล่ะ”
“คุณหนูอาจจะกำลังประมาทนะครับ คนเรามีเจริญก็มีถดถอย มีลุกก็มีล้ม”
“นายหมายความว่ายังไง”
“ผมก็แค่พูดอย่างใจคิดครับว่าชีวิตของคนเราไม่แน่นอน”
“ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน” ชัชญาไม่ได้ขยายความหรอกว่าเธอทำอะไรกับเงินทองที่บิดาให้เธอมาบ้าง ซึ่งไม่จำเป็นที่เธอต้องบอกความลับนี้กับใคร โดยเฉพาะคนที่เพิ่งรู้จักกันได้ไม่กี่วัน
“คนงานในไร่คงจะรักคุณหนูมาก”
“ฉันไม่รู้หรอก แค่อยากทำในสิ่งที่อยากทำ ทำแล้วมีความสุข” เธอเดินเคียงคู่ไปกับเขา อธิปแอบมองเสี้ยวหน้าหวานหยดของเธอด้วยความเผลอไผล
“คุณหนูไปไหนมาเหรอครับ” คิมหันต์เดินมาดักหน้าชัชญา หญิงสาวหยุดกึก มองอย่างเบื่อหน่ายปนรำคาญ
“ฉันจะไปไหนเกี่ยวอะไรกับนายด้วย ถามเหมือนฉันต้องรายงานนายทุกฝีเท้า”
“ผมแค่ถามด้วยความเป็นห่วงครับ คุณหนูไปกับนายอธิปสองคน ไม่กลัวคนจะมองไม่ดีเหรอ”
“ใครเหรอจะมองฉันไม่ดี” เธอถามกลับ กอดอกเชิดหน้าอย่างท้าทาย
“คุณพ่อของคุณหนูอาจจะไม่ชอบ”
พอได้ยินคิมหันต์พูดแบบนั้น ชัชญาก็หัวเราะร่วน เธอกวาดตามองคิมหันต์ตั้งแต่หัวจดเท้า ทำให้อีกฝ่ายหน้าตึงไปทันที
“คุณหนูหัวเราะอะไรครับ”
“หัวเราะนายยังไงเล่า ทำยังกับไม่รู้ว่าคุณพ่อไม่เคยยุ่งเรื่องส่วนตัวของฉัน หรือนายคิดว่าไง อีกอย่างนายไทเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวของฉัน ฉันจะไปไหนมาไหนก็ต้องพาเขาไปด้วยอยู่ด้วย”
“แต่มันเพิ่งมาทำงาน คุณหนูไม่สมควรไว้ใจคนง่ายๆ” คิมหันต์เตือน สายตามองอธิปอย่างหมั่นไส้
“บางทีคนที่เพิ่งพบกัน อาจจะน่าไว้ใจกว่าคนที่รู้จักกันมานานแล้วก็ได้ เพราะรู้จักกันมานานสันดานมันก็ออกมาให้เห็น หางโผล่ออกมาจนหน้าเกลียดน่ากลัว น่าขนลุก”
“คุณหนูว่าใคร” คิมหันต์เสียงแข็งอย่างเสียหน้า
“ใครอยากรับก็รับไปสิ” หญิงสาวยักไหล่ กอดอกสีหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“คุณหนู!!!” คิมหันต์เรียกเสียงดัง เขาชักจะหมดความอดทนแล้วนะ
“รำคาญ ถอยไป” ชัชญาสุดจะทน ไม่ชอบหน้าคิมหันต์เลยสักนิด ชอบวางอำนาจและชอบมองเธออย่างหยาบโลน หลายครั้งที่เธออยากพูดกับบิดาแต่ไม่มีโอกาส และเหมือนบิดาจะให้ท้ายคิมหันต์เพราะเป็นลูกน้องคนสนิทอยู่กันมานานไม่ต่างจากนายเจิด
“คุณหนู!!!” คิมหันต์เดินมาขวางทางเดินของชัชญาอย่างรู้สึกเสียหน้าที่เธอไล่เขาเหมือนหมูเหมือนหมาต่อหน้าคนอื่น
“หลีกทางให้คุณหนูเดี๋ยวนี้” อธิปเดินมากั้นชัชญาเอาไว้
“แกยุ่งอะไรด้วยวะ” คิมหันต์กระชากคอเสื้อของอธิปเข้าไปหา ทั้งสองสูงไม่ต่างกัน แต่คิมหันต์จะร่างหนากว่า อธิปเป็นหนุ่มร่างเพรียวและคล่องตัว
“ฉันเป็นบอดี้การ์ดของคุณหนูก็ต้องปกป้องคุณหนูทุกสถานการณ์” อธิปบีบมือคิมหันต์จนอีกฝ่ายร้องเสียงหลง ปล่อยมือจากคอเสื้อของอธิปทันที
“แก!!!”
คิมหันต์คำราม ทำท่าจะกระโจนใส่อธิปและขย้ำอีกฝ่ายให้จมดิน แต่เสียงเรียกของเพื่อนรักทำให้คิมหันต์ต้องชะงักอย่างหัวเสีย
“คิม เสี่ยเรียก”
“ถอยไปได้แล้ว” ชัชญาได้โอกาสจึงเดินเลี่ยงจากไปพร้อมกับอธิป คิมหันต์หันไปมองอย่างเดือดจัด
“ฝากไว้ก่อน มึงคอยดูนะไอ้เจิด กูจะเอาคุณหนูทำเมียให้ได้”
“ระวังคำพูดหน่อย และแกก็ควรระงับอารมณ์เสียบ้าง ถ้าเสี่ยได้ยินเข้ามันจะไม่ดี”
“เสี่ยเรียกฉันมีอะไร”
“เรื่องของที่จะส่งวันมะรืน และฉันขอเตือนแกเอาไว้นะโว้ยในคิม ในฐานะที่แกเป็นเพื่อนรักกับฉัน แกควรจะใจเย็น อย่าวู่วาม แกเคยได้ยินไหม น้ำร้อนปลาเป็นน้ำเย็นปลาตาย ถ้าแกใจร้อนแสดงออกชัดเจนแบบนี้ แกจะไม่มีโอกาสลงมือเพราะคุณหนูต้องระวังตัวแจ”
“ขอบใจที่เตือน แต่ยังไงฉันไม่ปล่อยให้คุณหนูลอยนวลไปนานกว่านี้แน่นอน” คิมหันต์พูดอย่างหมายมาด เจิดส่ายหน้าไปมา เขาเตือนได้แค่นี้ เพราะคิมหันต์มักจะวู่วามจนหลายครั้งทำให้งานเกือบเสีย ถ้าไม่มีเขาคอยช่วยเอาไว้ คงพังหลายรอบ
“อย่าให้เสี่ยรอนาน” เจิดตัดบทก่อนเดินนำไปก่อน คิมหันต์หันกลับไปดูร่างสูงบอบบางที่เดินห่างออกไปไกลแล้วด้วยดวงตาหมายมาด บอกตัวเองว่าเขาควรจะลงมือได้แล้ว
“ถ้าได้ไอ้คิมเป็นผัวแล้ว คุณหนูจะติดใจ ร้องให้ไอ้คิมเอาทุกคืน!!!”
มันพูดอย่างหื่นกระหายหยาบโลน ก่อนจะรีบเดินตามเจิดไปพบชาญ
“คืนนี้มันจะส่งของกันครับคุณไท”
“ดี งั้นทางสะดวกสิ”
“คืนนี้คุณไทจะตามพวกมันไปหรือว่า...”
“สำรวจโกดังพวกมันดีกว่า คืนนี้เวรยามคงไม่แน่นหนาหลังจากมันส่งของล๊อตใหญ่ ฉันจะเข้าไปเก็บหลักฐานที่นั่นคร่าวๆ ก่อน”
“ครับคุณไท”
“นายไปเตรียมตัวได้แล้ว รอให้พวกมันออกไปให้หมด แล้วเราค่อยลอบเข้าไป”
นพฤทธิ์พยักหน้าก่อนจะเลี่ยงออกไปเตรียมตัว อธิปจัดเตรียมอุปกรณ์ของตัวเองพร้อมสรร ก่อนเข้าไปบุกโกดังของเสี่ยชาญ ส่วนนพฤทธิ์นั้น เขาจัดการกับของตัวเองเรียบร้อยแล้ว
เวลาที่ทั้งสองรอคอยมาถึงจนได้ เสี่ยชาญเลือกขนของในช่วงดึกๆ ซึ่งก่อนหน้านั้นเขาให้ลูกน้องจัดเตรียมของขึ้นรถเอาไว้เรียบร้อยแล้ว อธิปกับนพฤทธิ์จัดการพ่นยาสลบใส่ลูกน้องที่เฝ้าโกดังเอาไว้อย่างบางตา หลังจากที่รถบรรทุกแล่นออกไปได้พักหนึ่ง เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีปัญหาอะไร
อธิปเป็นคนว่องไว ตาไว เก็บรายละเอียดได้ดี แม้จะเป็นคนขี้รำคาญ แต่เวลาทำงานหรืออยู่ในสถานการณ์ตื่นเต้น เขามักจะมีสติอยู่เสมอ ชายหนุ่มสำรวจทางหนีทีไล่เป็นอันดับแรก เพราะเผื่อมีอะไรเกิดขึ้นจะได้หนีทัน หลังจากสำรวจเส้นทางเข้าออกโกดังขนาดใหญ่เรียบร้อยแล้ว ก็เริ่มสำรวจข้าวของในโซนต่างๆ คร่าวๆ ว่าอะไรอยู่ตรงไหนบ้าง เพื่อโอกาสหน้าเข้ามาจะได้สำรวจอย่างละเอียดอีกครั้ง
“เรียบร้อยแล้วครับคุณไท ผมบันทึกภาพคร่าวๆ ตามที่คุณไทสั่งแล้วครับ”
“ดีมาก เราต้องรีบออกไปจากที่นี่ วันนี้ดูลาดเลาไปก่อน รอบหน้าค่อยมาใหม่” อธิปตัดสินใจอย่างเฉียบขาด ก่อนจะรีบออกไปจากโกดังขนาดใหญ่ของเสี่ยชาญ
“ที่โกดังนั่นมีพวกปุ๋ยเก็บไว้เยอะมากครับ”
นพฤทธิ์พูดเนิบนาบหลังจากที่เขาและเจ้านายออกมาจากโกดังเรียบร้อยแล้ว และอยู่ในห้องหับมิดชิด เสียงพูดของนพฤทธิ์ทั้งเบาแทบเป็นกระซิบ แต่อธิปได้ยินชัดเจน แม้ในห้องจะไม่มีวงจรปิดหรืออะไรที่จะทำให้ใครรู้การเคลื่อนไหว เพราะสำรวจดีแล้ว แต่นิสัยที่ระแวดระวังตัวอยู่เสมอ ทำให้เขาไม่เคยกระโตกกระตากหรือพูดอย่างขาดสติ
“พวกข้าวสารก็เยอะ เป็นข้าวไร่ที่คนงานปลูกไว้บนภูเขา”
อธิปจัดการวาดแผนที่คร่าวๆ จากการสำรวจ นพฤทธิ์มองเจ้านายหนุ่มอย่างทึ่งจัด คนนิสัยดูไม่ละเอียดรอบคอบ ใจร้อน เจ้าอารมณ์ ปากร้ายที่สำคัญชอบรำคาญคนอื่น แต่กลับทำอะไรได้อย่างน่าทึ่ง