2

1679 Words
“ทำไมต้องห้องคุณด้วย...คะ” พรลักษมีเว้นช่องเกือบไม่ทิ้งหางเสียงย้อนถามด้วยท่าทีแข็งๆ ตาดำกลมใสราวเม็ดลำไยเต้นระริกคล้ายตื่นตระหนก จักรพรรดิจึงใช้โทนเสียงอ่อนลงราวกับกำลังหลอกล่อเด็กน้อยให้เดินตามเส้นทางที่เขาขีดเอาไว้ “เพราะผมไม่ไว้ใจคุณน่ะสิ เกิดวันไหนคุณคุ้มดีคุ้ม ร้ายแทงผมขึ้นมาอีกใครจะช่วยผมได้” ปากแดงสดยื่นออกนิดๆอย่างหมั่นไส้ เมื่อฟังเหตุผลของเขาจนจบ “อย่างคุณไม่ต้องให้ใครช่วยหรอกค่ะ ตัวออกโต” “แล้วทำไมกล้ามีเรื่องกับคนตัวโตกว่า ไม่กลัวรึยังไง” “เผอิญว่าฉันไม่กลัว” “เก่งซะด้วย”จักรพรรดิชม และเริ่มเย้าหยอก ด้วยท่วงท่าผ่อนคลายลง “เผอิญเหมือนกันว่าผมชอบคนเก่งๆ” พรลักษมีเม้มปากตัวเองหน่อยๆชั่งใจว่าควรทำอย่างไรดีกับผู้ชายตัวโตคนนี้ เขาไม่ได้ดูโรคจิตวิตถารหรือดูจาบจ้วงแบบตฤนหรอก เธอรู้สึกแบบนั้น แต่เขากลับกันด้วยซ้ำ ทางที่ดีเธอควรอยู่ให้ห่างจากเขาจะดีกว่า มันดูปลอดภัยกับเธอ พรลักษมีสรุปกับตัวเองแบบนั้นเมื่อเขากลับออกไปในเวลาต่อมา ค่ำนี้พรลักษมีจึงยังไม่ถึงห้องพัก เพราะออกมากับเพื่อน เหตุผลที่มาน่ะเหรอ      เธอบอกตัวเองว่าฉลองที่ใกล้จะเรียนจบแล้วนี่ยังไงล่ะ แต่ความจริงเธออยากมาที่นี่เพราะบทสนทนาที่พูดคุยกันของไหมทองกับเพื่อนในกลุ่ม ว่าที่นี่โดนเทคโอเวอร์ไปแล้ว เลยอยากมาดูสภาพมันหน่อย สะใจมากๆที่ที่นี่หลุดจากมือพวกนั้น  ก็เพราะมันเคยเป็นของคุณนภาลัย เจ้าของสื่อบันเทิงชื่อดัง ไฮโซสาวใหญ่แสนสวย มากความสามารถในวงการสังคมใส่หน้ากากหนาๆนั่นต่างหาก นึกแล้วอดสมน้ำหน้าไม่ได้ “คนเที่ยวก็ยังดูหนาตาดีนี่หน่า ขายทำไมเนอะ” “เจ้าของคงไปโกงเขามาไงเล่า ได้มาแบบง่ายๆ เลยเสียไปแบบง่ายๆ” พรลักษมีสรุปเยาะๆ ไตเติ้ลเพื่อนในกลุ่มถามลอยๆขึ้นมา “ว่าแต่ใครเหรอ คนที่มาเทคโอเวอร์ไปน่ะ” ไหมทองตอบเสียงหวาน นัยน์ตาเคลิ้มฝันขึ้นมาทีเดียว “เจ้าของใหม่ก็คนเดียวกับที่เทคโอเวอร์โรงแรมในเครือวรวรรณศิริไงล่ะจ๊ะ” เจ้าของใหม่ที่ไหมทองพูดถึง เป็นเจ้าเดียวกันกับที่เทคโอเวอร์กิจการเก่าของนายอาคม คนที่เธอไม่อยากเรียกว่า ‘พ่อ’ น่าเจ็บใจตรงที่ว่า กิจการนั้นเดิมๆมันเป็นของแม่ แต่แล้วแม่ก็ยกให้พ่อไปหมด อย่างว่าของมันได้มาง่ายเลยเสียมันไปง่ายๆเช่นกัน เพราะพอพ่อแต่งงานใหม่กับไฮโซนภาลัยแล้ว ยังยกกิจการเหล่านั้นให้กับยัยนั่นอีกต่อ ส่งกันเป็นทอดๆเลยเชียว เธอเลยเกลียดพ่อเธอเกลียดคนเจ้าชู้ พวกที่ชอบคบไปทั่ว มั่วไม่เลิกแบบที่ท่านเป็น จนไม่วายประชดกับเพื่อนว่า “สงสัยจะรวยมากนะ เที่ยวเทคโอเวอร์ไปทั่วแบบนี้น่ะ” ไหมทองวางแก้วลงบนโต๊ะอย่างแรงราวคนตกใจสุดขีด ตามองไปยังอีกทางแล้วพูดเคลิ้มๆว่า “รวยรึเปล่า อันนี้ไม่รู้ รู้แต่ว่าหล่อมาก โน่นไงพูดถึงก็มาพอดีเลย ออย...คุณคิงขา” ชายคนในบทสนทนาอยู่ในชุดเสื้อยืดสบายๆสกรีนภาพกราฟฟิคสีขาวบนพื้นสีดำ ท่อนล่างเป็นกางเกงยีนแบบสบายๆ เหมือนบุคลิกของเขา ยืนคุยอยู่กับชายร่างท้วมในชุดสูทสีดำเทา ที่ไหมทองยืนยันว่าเป็นผู้จัดการของที่นี่ ข้างๆเขามีหญิงสาวคนใหม่ เป็นอีกคนที่จากเมื่อคราวก่อน ยืนเคียงชิดเกาะแขนไม่ปล่อย ทั้งสองยืนคุยกระซิบกระซาบท่าทางสนิทสนม พรลักษมีจึงเบนสายตากลับมาที่แก้วเครื่องดื่มของเธอ นึกค่อนในใจ ‘ฮึ ผู้ชายมีเหรอจะขาดเรื่องพวกนี้ได้’ เสียงไหมทองกระตือรือร้นวี้ดว้าย มือไม้สะบัดไปมาอย่างที่เจ้าตัวทำบ่อยๆเวลาตื่นเต้น “ว้าย! ตายแล้ว! คุณคิงเดินมาทางโต๊ะเรา มาแล้ว มาแล้ว” “มาเข้าห้องน้ำล่ะสิ ก็ดูซิจองโต๊ะอะไรของแก ทำไมได้มุมห้องน้ำมาทุก…” เพื่อนผู้หญิงอีกคนในกลุ่มพูดไม่ทันจบประโยคดี ก็ต้องชะงักปากค้างไว้ เมื่อเห็นจักรพรรดิเดินตรงมาที่โต๊ะจริงๆแบบที่ไหมทองบอก ชายเจ้าของกิจการเข้ามาหยุดยืนข้างเก้าอี้ทรงสูงตรงที่พรลักษมีนั่ง ทักด้วยคำคล้ายต่อว่ากลายๆ “คุณผิดนัดผม” ถ้าไม่มีรอยยิ้มนั่นบนหน้า ใครๆต้องคิดว่าเขาพูดแบบไม่พอใจแน่ๆ แต่...เขาอาจจะรู้สึกแบบนั้นขึ้นมาจริงๆแล้วก็ได้ เมื่อเห็นท่าทีไม่สนใจของเธอ พรลักษมีเกือบยักไหล่แบบที่เคยเวลาไม่แคร์อะไร แล้วเตือนตัวเองเอาไว้ได้ทัน จึงทำเฉยเมยไม่ตอบ  เสยกแก้วจะดื่มต่อ ไม่สนใจเขา เห็นอาการอย่างนี้แล้ว จักรพรรดิเลยอยากแกล้งคนขึ้นมาตงิดๆ จึงจับมือเธอเอาไว้ไม่ให้ยกแก้วเครื่องดื่มเข้าปากได้ พรลักษมีนิ่งแล้วมองหน้าเขา ก่อนจะยกของข้างในสาดใส่ พรวดเดียวหมดแก้ว อย่างรวดเร็วและแม่นยำ มันไม่ได้ถูกหน้าเขา เพราะเธอจงใจให้โดนแค่หน้าอก ก็เห็นอยู่หรอกว่า เขายืนนิ่งขรึมไปเลย ตาเหยี่ยวของเขาวาววับอย่างกับจะเรืองแสงได้ ดูเอาเรื่องขึ้นมาทีเดียว แต่เขากลับรักษาอารมณ์ได้ดียิ่งยวด ท่าทีสงบนิ่งคล้ายไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่นิ่งๆแบบนี้ล่ะน่ากลัวนัก คนอื่นที่เหลือมองตากันปริบๆไม่มีใครกล้าปริปากพูดอะไรสักคน นาทีนั้นเหมือนทุกอย่างรอบตัวหยุดการเคลื่อนไหวหมด แม้แต่ลมหายใจยังไม่มีใครกล้าสูดเข้าไป กลัวจะทำให้เมฆหมอกอารมณ์ที่มีอยู่คุกรุ่นมากกว่าเก่า แต่แล้วพรลักษมีก็หยุดทุกอย่างด้วยเสียงหวานๆ “ฉันตกใจค่ะ” ‘เธอตกใจ’ แต่ไม่บอกว่าขอโทษที่ทำกับเขาแบบนั้น จักรพรรดิเลยขยับตัวเข้ามาใกล้เธอมากกว่าเดิม แล้วก้มหน้าลงกระซิบบางอย่างริมใบหูที่ดูนุ่มนิ่มน่าคลอเคลีย ชั่วขณะที่พรลักษมีรู้สึกร้อนวูบขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ แค่นั้นยังไม่พอ เขาช่างกล้านักที่บังอาจเอาจมูกโด่งเป็นสันมาเฉียดแก้มนวลหอมกรุ่นของเธอด้วย จักรพรรดิคิดอย่างใจเย็นว่ายังก่อน เขาจะยังไม่ลงโทษเธอตอนนี้ เขายังไม่อยากทำอะไรบุ่มบ่ามให้เธอรู้ทางของเขา พรลักษมีชักสีหน้าทันที เธอมองสบตาเหยี่ยวด้วยแววตาถือดี แล้วคว้ากระเป๋า บอกเพื่อนที่นั่งอยู่ด้วยเสียงโกรธๆว่า “กลับก่อนนะ แล้วเจอกันทุกคน” จักรพรรดิยิ้มให้เพื่อนของเธอ แล้วออกเดินตามร่างงดงามเย้ายวนทิ้งระยะห่างๆ นี่ขนาดว่าเธอไม่ได้แต่งตัววาบหวิวมาเที่ยว แต่ผู้ชายหลายๆคนในนี้ก็ยังมองเธอตาเป็นมัน รวมถึงเขาด้วย จักรพรรดิชอบนักล่ะกับการที่จะจัดการเด็กซนๆสักคน โคลงศรีษะตัวเองเบาๆแล้วนึกถึงเหตุการณ์เมื่อเช้า ‘ถ้านายอยากได้ปันผลปีนี้ พี่ขอสั่งให้เลิกไปจัดปาร์ตี้มั่วยากันที่ห้องนั่นได้แล้ว ไม่อย่างนั้นอย่ามาบ่นทีหลังว่าใจร้ายกับน้องแบบแกอีก อ้อ แล้วก็เลิกยุ่งกับคู่กรณีของแกเสียด้วย’ ‘ก็จะเก็บไว้ทำไมเล่าครับห้องนั้นน่ะ ผมเห็นพี่ไปญี่ปุ่นบ่อยๆไม่เห็นจะสนใจที่นั่น จะนอนก็เห็นไปนอนที่บ้านใหญ่ น้องยืมนิดยืมหน่อย ทำเป็นหวงไปได้ แล้วคู่กรณีนี่ พี่คิงหมายถึงใครครับ’ ตฤนพูดด้วยใบหน้าไขสือจนเขานึกอยากจัดการขั้นเด็ดขาดแบบที่เขาชอบขู่บ่อยๆนัก ‘คนที่แกไปลวนลามเขาไง’ ‘ลวนอะไรครับ ผมยังไม่ได้ทำอะไรใครเลยนะ’ จักรพรรดิมองตอบมาด้วยสายตารู้ทัน ตฤนจึงแย้งเสียงอ่อย ‘ไม่แฟร์เลย ผมเจอก่อนพี่นะ’ ‘แล้วไงล่ะ รึจะไม่เอาเงิน’ ‘โธ่พี่คิง ยัยนั่นน่ะเน่ามาแล้วนะ พี่ยังจะเอาอีกเหรอ’ ‘เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนาย’ เขาพูดไปแบบนั้นได้อย่างไร จักรพรรดิไม่เคยพูดเรื่องผู้หญิงกับใคร เขาไม่เคยต้องไปขอร้องให้ใครเลิกยุ่งกับใคร แต่กับเธอเขาถึงกับหลุดปากบอกตฤนไปแบบนั้น แต่แล้วเธอเล่าเป็นแบบนั้นจริงไหม แล้วนอกจากตฤน เธอยังมีใครอีก พรลักษมีเดินปึงปังออกจากร้านมาพร้อมนึกฉุนไม่หายที่เขากระซิบบอกนั่น เธอไม่ได้กลัวสักนิด กับแค่ตฤนกำลังมาที่นี่ เธอไม่ได้กลัวใครแต่กลัวใจตัวเองจะหยุดไม่อยู่ อาจเข้าไปทำร้ายนายนั่น และที่เธอยอมกลับเพราะเขาพูดเชิงขู่ว่าหากเธอมีเรื่องกับตฤนอีก เขาจะเป็นพยานให้น้องของเขาว่าเธอจงใจทำร้าย หรือมีเจตนาฆ่านั่นเอง นึกแล้วเจ็บใจไม่หาย เธอเกลียดตฤน และเธอควรเกลียดเขาด้วย แต่ทำไมความรู้สึกข้างในลึกๆของเธอกลับไม่เจอกับความเกลียด คงเพราะยังไม่เห็นเช่นชัดแบบนายตฤนนั่นน่ะสิ แต่เธอมั่นใจว่าอีกไม่นาน นายคนนี้ต้องออกลายแบบตฤน พรลักษมีจำใจต้องขึ้นรถไปกับจักรพรรดิโดยมีสายตาของหญิงสาวอีกคนที่คุยกระซิบกระซาบกับเขาก่อนหน้ามองตามด้วยความริษยา แต่ไม่กล้าโวยวายแสดงตัวให้อับอายคนในร้าน เพราะเธอไม่มีสิทธิ์ทำเช่นนั้น
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD