@เช้าวันต่อมา
เมยาวีจัดการอาบน้ำให้ลูกสาวเสร็จเรียบร้อย ปล่อยให้เด็กน้อยนั่งดูทีวีรอแล้วเธอไปทำอาหารเช้าอย่างง่ายเช่นไข่ตุ๋นให้ลูกทาน
ไม่ใช่เย่อหยิ่งที่จะไม่ทำตามเขาคนนั้นบอก แต่ในเมื่อลูกสาวเธอบอกแล้วว่าไม่อยากไปเจอกับพ่อของเขาอีกแล้วจึงไม่เอามาใส่ใจคุยกับลูกอีกครั้ง เธอถือว่าเป็นการตัดสินใจของเด็กน้อยวัยสี่ขวบ แต่หากวันไหนเขาพร้อมที่จะไปเจออีกรอบเธอคงพาไป ไม่ได้กีดกันอยู่แล้ว แต่วันนี้เธอเคารพในการตัดสินใจของลูก
เมยาวีจูงแขนลูกน้อยออกมาที่หน้าห้องเมื่อเมยาดาทานอาหารเสร็จแล้ว ก่อนทำการล็อกประตูให้เสร็จสรรพ แล้วจูงมือเด็กน้อยในชุดนักเรียนเสื้อสีขาวกระโปรงน้ำเงินสวมผ้ากันเปื้อนสีฟ้า สะพายกระเป๋าตุ๊กตาบาร์บี้สีชมพูที่ด้านหลัง แก้มสองข้างถูกประแป้งจนผู้คนที่อยู่ในห้องเช่าแห่งนี้เหมือนกันคุ้นเคยแล้วเกิดเอ็นดูเรียกทักทาย
เมยาดาที่มัดผมแกละถักเปียทั้งสองข้างโบกไม้โบกมือให้คุณป้าคนนั้นกลับไปเหมือนกัน
ทุกวันจันทร์ถึงวันศุกร์เมยาวีจะพาลูกสาวมารอรถที่หน้าปากซอยเพื่อส่งอีกฝ่ายให้ถึงที่หน้าโรงเรียน และทุกวันก่อนสี่โมงเย็นก็จะไปรอรับกลับเช่นกัน กลายเป็นกิจวัตรประจำวันไปแล้วสำหรับแม่ลูกคู่นี้
แล้วถามว่าในเมื่อเมยาวีโสดไม่มีใครมาจีบเธอบ้างเลยหรือไง ทำไมถึงอยู่กับลูกเพียงลำพังนานหลายปี แน่นอนว่ามีมาไม่ขาดเนื่องด้วยเธอเป็นคนสวย
แต่เมยาวีหาใด้สนใจใครเพราะเธอเกรงใจลูก ถ้าไม่ใช่พ่อของลูกแล้วเธอยังหาความปลอดภัยให้เด็กตัวเล็กไม่เจอ
@หน้าโรงเรียน
เมยาวีนั่งยองๆ ลงให้ความสูงเสมอกันกับตัวลูกสาวแล้วบอกลา "เดี๋ยวตอนเย็นแม่มารับนะคะ เป็นเด็กดีและตั้งใจเรียนนะ"
"ค่ะคุณแม่" แล้วสองแม่ลูกก็สลับกันหอมแก้มซ้ายขวา ก่อนที่เธอจะปล่อยให้ลูกสาวตัวน้อยเดินเข้าโรงเรียนไป ทว่าพอหันกลับมากลับเจอใครบางคนทำเอาเมยาวีตกใจ
"คุณ!"
"ฉันนึกแล้วว่าเธอไม่กล้า" อคิราห์กระตุกยิ้มมุมปาก ไม่ปฏิเสธว่าภาพเหตุการณ์เมื่อกี้อยู่ในสายตาของเขาทั้งหมด ภาพแม่ลูกคู่หนึ่งบอกลากันน่าเอ็นดู
"คุณหมายถึงเรื่องอะไรคะ" ก่อนจะคิดย้อนกลับไปว่าวันนี้เธอมีนัดกับเขาที่โรงพยาบาลเรื่องตรวจดีเอ็นเอกัน "เอ่อ..ขอโทษนะคะ พอดีว่าฉันไม่ต้องการตรวจแล้วค่ะ"
"ทำไม ถ้าเธอมั่นใจว่าเด็กคนนี้เป็นลูกของฉันก็ควรให้เด็กตรวจสิ" อคิราห์ขมวดคิ้วด้วยความงงงวย
"ยัยหนูไม่โอเคค่ะ และฉันก็เคารพในสิ่งที่ลูกตัดสินใจด้วย" และอีกอย่างเธอลืมนึกไปหากว่าเธอได้ดั่งที่ใจหวังแล้ว เกิดวันหนึ่งต้องพาลูกแยกจากเขามาทั้งที่ลูกอาจจะผูกพันกับผู้เป็นพ่อไปแล้วมันคงยากกว่า ให้มันเป็นแบบนี้แหละดีแล้ว อนาคตเขาอาจแต่งงานมีครอบครัว "ฉันขอตัวก่อนนะคะ ขอโทษที่ไปรบกวนคุณค่ะ"
"เดี๋ยว!" อคิราห์รีบเรียกอีกคนไว้ โดยเดินอ้อมมาหยุดลงตรงหน้าของคนที่เขาไม่เคยรู้จักแม้แต่ชื่อ
"ฉันอยากรู้เหตุการณ์ตั้งแต่คืนนั้น สารภาพตามตรงว่าฉันจำเธอไม่ได้" เพราะในชีวิตเขาไม่ใช่ผู้หญิงแค่ร้อยไง แต่มันครึ่งพัน แล้วทุกคนพอโดนเครื่องสำอางประโคมใส่ใบหน้าก็เหมือนๆ กันหมด ไม่แปลกที่เขาจะจำคนตรงหน้าไม่ได้
ในเมื่อเขายืนยันว่าอยากรู้เธอก็ยินดีเล่า และสิ่งที่มันติดค้างในใจเธอจะได้โล่งสักที เมยาวีจึงพยักหน้าให้เขาไป "คุยที่ไหนดีคะ"
คนที่เก็บทุกสิ่งอย่างมานานหลายปีคนเดียวเหนื่อยมาก ถึงแม้ว่าพ่อลูกเขาไม่ได้สมหวังกัน แต่อย่างน้อยเมยาดาก็รับรู้ว่าตัวเองมีพ่อ และเขาก็จะได้รู้ว่าตัวเองมีลูกเหมือนกัน หลังจากนั้นก็แล้วแต่คนทั้งคู่เถอะ ส่วนตัวเธออยู่คนเดียวมาตลอดจนชิน พอมาวันหนึ่งมีลูกน้อยเข้ามา ไม่ได้เตรียมตัวแต่ต้องทำใจยอมรับในเมื่อมันเป็นแบบนี้ไปแล้ว
@นานา คอฟฟี่
"สั่งอะไรก่อนสิ" อคิราห์ยื่นเมนูให้คนตรงหน้าเมื่อพาเธอเข้ามาอยู่ในร้านกาแฟกันแล้ว
"ไม่เป็นไรค่ะ คุณคุยเลยก็ได้" เธอไม่ควรใช้เงินฟุ่มเฟือย แค่มาคุยธุระแป๊บเดียวไม่จำเป็นต้องเปลืองเงินซื้ออะไร
อคิราห์ปรายตามองไปที่พนักงานรอรับเมนูด้านข้าง มานั่งร้านเขาคิดว่าจะเข้ามาตากแอร์ฟรีๆ ได้อย่างไรกัน "งั้นผมเอาเอสเย็นกับน้ำส้มให้คุณผู้หญิงท่านนี้ครับ"
"เอ่อฉันไม่.." อคิราห์ส่งสายตาดุไปให้เธอเงียบปาก เมยาวีจำต้องพยักหน้าให้พนักงานไป เบาใจลงนิดหน่อยเมื่อเขาเอ่ยปากว่าจะจ่ายเอง
แน่นอน เขาเป็นคนชวนเธอมาที่นี่เขาต้องจ่ายอยู่แล้วหากอยากให้เธอทานด้วย พูดได้ไม่อายปากว่าน้ำส้มแก้วละเจ็ดสิบบาทคือเกือบทั้งวันของสองแม่ลูกอย่างเรา
พอเมยาวีเห็นว่าพนักงานเดินกลับไปแล้วจึงได้เริ่มถามเขาเพราะเธอต้องรีบเล่ารีบกลับไปทำงานต่อ
"คุณอยากทราบเรื่องอะไรบ้างคะถามมาได้เลยค่ะ"
"เรื่องคืนนั้น" เขาอยากรู้ว่าตัวเองพลาดได้อย่างไร
นั่นจึงทำให้เมยาวีคิดย้อนกลับไปแล้วพยักหน้าออกมาเมื่อจำได้ไม่เคยลืม จะให้ลืมได้อย่างไรก็เขาคือผู้ชายคนแรกของเธอ
"คุณจำผับSได้ไหมคะ หรือคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยไปเที่ยวที่นั่นบ้างไหม" เพราะดูแล้ว ด้วยชื่อเสียงของเขาที่เป็นนักธุรกิจคงเที่ยวไปทั่วไม่แน่ใจจำได้หรือเปล่า
"จำได้" ก็เขาเคยไปช่วงหนึ่ง แต่หลังๆ ไม่ได้ไปแล้ว นานหลายปี
"ฉันเป็นพนักงานที่ร้านนั้นค่ะ ฉันมาทำงานได้ไม่ถึงปีด้วยซ้ำ แต่ละคนก็จะเรียกฉันไปนั่งด้วยเพื่อชงเหล้าให้เขาและ.."
"เอาแค่เรื่องที่เกี่ยวกับฉันพอ คนอื่นไม่ต้องเอ่ย"
"ก็กำลังจะเล่าถึงไงคะ"
"อืม"
"วันนั้นคุณเรียกฉันไปนั่งกับคุณ แล้วพอเที่ยงคืนคุณถามฉันว่ารับงานไหม ฉันจึงบอกไปว่าไม่ แต่คุณบอกฉันว่างั้นขึ้นไปชงเหล้าต่อที่ห้องด้านบนได้ไหมเพราะขี้เกียจหนวกหูฟังเพลงฉันจึงตกลง"
"เธอยอมเข้าไปในห้องกับผู้ชายสองต่อสองทั้งที่ไม่รู้จักสีหน้าคร่าตากันดีเนี่ยนะ แล้วบอกไม่ขาย" อคิราห์ไม่อยากจะเชื่อ ถ้าเขาซื้อเธอมันไม่แปลก แต่แปลกที่เธอบอกไม่ขายแล้วยอมไป
"ก็นั่นมันที่ทำงานฉันไงคะ และหลายๆ คนก็ไปแค่ลูกค้าเอ่ยปากต้องการตัว แต่คุณไม่เชื่อก็ไม่เป็นไรเพราะฉันไม่ได้รับงานคุณคนเดียวค่ะ คนอื่นฉันก็รับ"
"หมายความว่าไง" อคิราห์ขมวดคิ้ว
"ฉันเป็นเด็กเอ็นนี่คะ ใครจ้างก็ไป แค่ไม่ขายตัว"
"เหอะ" อคิราห์ทำเสียงออกมาว่าไม่อยากเชื่อ แล้วมันต่างกันตรงไหนวะ! หรือแค่เรียกให้ดูดีเฉยๆ
"คุณจะเชื่อไม่เชื่อก็แล้วแต่นะคะ เพราะมันพิสูจน์ไม่ได้อยู่แล้ว อีกอย่างเรื่องก็ผ่านมานานมากแล้วฉันเองก็ไม่อยากรื้อฟื้น แต่เห็นคุณอยากรู้ฉันก็ยินดี"
"แน่นอน ฉันต้องอยากรู้ที่ไปที่มาอยู่แล้ว เพราะอยู่ดีๆ กลับมีคนเดินเข้ามาบอกว่าฉันมีลูก!" อคิราห์เอ่ยน้ำเสียงติดเหวี่ยง
"ค่ะฉันเข้าใจ" เธอรู้และเข้าใจดี เธอได้ยินมาจนชินเรื่องแบบนี้ ทำงานกลางคืนใครเขาจะมองว่าดี แต่เธอแค่ไม่เก็บเอามาใส่ใจ
"แต่เอาเถอะ ฉันอยากรู้มากกว่าว่าทำไมเราถึง..พลาด"
"คุณเสนอเงินให้ฉันที่หนึ่งแสนบาทค่ะ ตอนนั้นยอมรับว่าคนที่ทำงานติดต่อกันหลายๆ คืนมันล้า บวกกับสองข้างทางที่ได้ยินมาตลอดการทำงานว่าทำแบบนี้ได้เงินเร็วกว่า" และคนตรงหน้า..ยอมรับว่าเธอพอใจเขาจึงตัดสินใจขาย
"แล้วไงต่อ"
"ฉันจึงตกลงค่ะ"
"แล้วคนอื่นๆ เขาไม่ถามซื้อเธอเหรอ ฉันคนเดียวหรือไง" ตกลงง่ายขนาดนี้จะให้มั่นใจได้ไงว่ามีแค่เขา
เมยาวียิ้มบางๆ "ถามค่ะ แต่ฉันไม่ได้ขาย"
"แล้วทำไมเธอถึงขายให้ฉัน"
"ช่วงนั้นฉันเหนื่อยค่ะ คิดอะไรง่ายๆ" อีกอย่างแม่กำลังป่วยด้วย แต่เธอไม่อยากอ้างข้อนี้หรอก ยังไงท่านก็เสียไปแล้ว ให้จำเอาไว้ว่าตอนนี้เธอมีแค่ลูกเพียงคนเดียวที่ต้องเลี้ยงดูให้ดีที่สุด โตขึ้นมาเป็นคนดีของสังคมก็พอ
"แล้วสรุปเธอขายให้คนอื่นด้วยไหมหลังจากนั้น" เขาอยากรู้ข้อนี้มากกว่า ว่าเอากับเขาแล้วไปเอากับใครไหม ถ้าแบบนั้นมันไม่ใช่ไง ลูกเขาคนเดียวหรือลูกใครบ้างก็ไม่รู้
"ถ้าบอกว่าไม่คุณจะเชื่อไหมคะ แน่นอนคุณคงไม่เชื่อ เพราะฉะนั้นฉันจึงเสนอคุณไงคะว่าสามารถให้ลูกตรวจดีเอ็นเอได้"
ก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เพราะสวยๆ แบบนี้มีหรือจะขายให้เขาคนเดียว
"แล้วฉันไม่ได้ป้องกันหรือไงคืนนั้น" เพราะบางครั้งเขาก็เมาจนลืมเหตุการณ์ต่างๆ ไป แต่สิ่งหนึ่งที่เขาจะไม่ลืมเลยก็คือต้องป้องกัน ไม่คิดว่าตัวเองจะพลาดง่ายๆ ขนาดนั้น
"ป้องกันค่ะ"
อคิราห์ขมวดคิ้ว "นั่นไง"
"แต่รอบสองคุณไม่ป้องกัน และฉันห้ามคุณไม่ทัน บอกตามตรงว่าตอนนั้นฉันยังกลัวติดโรคจากคุณเลยค่ะ"
"ฉันไม่ได้สำส่อนขนาดนั้น ฉันป้องกันตลอด" เขาเที่ยวเยอะจนจำไม่ได้ก็จริง แต่เขาไม่เคยพลาดบอกก่อน
"แต่คุณก็ทำให้ฉันเห็นแล้วนี่คะว่ารอบสองคุณไม่ป้องกัน" ทั้งคู่จบบทสนทนาลงก่อนเมื่อพนักงานนำเครื่องดื่มมาเสิร์ฟ
เอสเพรสโซ่เย็นๆ ลดลงไปกว่าครึ่งแก้ว จึงทำให้อคิราห์ดับความร้อนรุ่มในใจลงไปได้บ้าง
"ฟังต่อเลยไหมคะ"
"อืม"
"เพราะคุณบอกว่าฉันมีเลือดออกตรงอวัยวะเพศคุณถึงไม่ป้องกันค่ะ"
"เธอจะบอกว่าตัวเองยังบริสุทธิ์อย่างนั้น?" อคิราห์ไม่อยากเชื่อ ก็บอกแล้วมันเชื่อยาก จะให้เขาปักใจเชื่อได้อย่างไรกัน
ตรวจลูกน่ะตรวจได้ แต่ตรวจแม่ล่ะคราวนี้ ผ่านมาตั้งกี่ปี มีเขาคนเดียวหรือไง
"ฉันไม่ได้บอกค่ะ แต่คุณบอกตัวคุณเอง และคุณบอกฉันว่าปล่อยนอกจะไม่ท้อง"
"แล้วเธอก็เชื่อ"
".." ก็เธอไม่รู้นี่ ตอนนั้นเธออายุกี่ปี แล้วเคยทำครั้งแรก ไม่ได้ศึกษามาก่อนเพราะไม่ได้กะจะขายตัว
มารู้ตัวก็ผ่านมาสองเดือนกว่าเริ่มมีอาการไม่ปกติ พี่ที่ทำงานจึงแนะนำให้เธอไปซื้อที่ตรวจครรภ์มาตรวจ ปรากฏว่าเธอท้อง เธอจึงได้ลาออกจากงาน
อคิราห์ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เมื่ออีกคนเงียบ ทำไมมันถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้วะ!
"แต่คุณอย่าคิดมากเลยนะคะ ฉันแค่เล่าให้คุณฟังเฉยๆ เราสองแม่ลูกไม่ได้จะไปรบกวนคุณแล้วเพราะฉันเคารพในการตัดสินใจของลูกสาว แค่เห็นแกถามหาคุณเพราะอยากรู้ว่าคุณมีหน้าตาอย่างไร แต่ยัยหนูไม่โอเคแล้วเราจะไม่ไปรบกวนคุณอีกแล้วค่ะ"
"แล้วมันจะเป็นแบบนั้นได้อย่างไรกัน!" คราวนี้อคิราห์ขึ้นเสียงดังอย่างหงุดหงิด ทำให้โต๊ะข้างๆ หันมามอง และต่างก็หันกลับไปสนใจวงสนทนาของตัวเอง
อคิราห์ถอนหายใจแรง วันที่เขาอยู่ตัวคนเดียวดีๆ กลับเดินเข้ามาบอกว่าเขามีลูกทำให้เขาแทบช็อกไปแล้ว พอตอนนี้เขารับรู้แล้วจะมาบอกให้เขาไม่ต้องยุ่งได้อย่างไรกัน!
เขาจะไม่ถามว่าทำไมเธอถึงไม่ป้องกันอีกรอบด้วยการกินยาคุมฉุกเฉิน ก็ในเมื่อไอ้คนที่มันบอกเธอว่าปล่อยนอกไม่ท้องนั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้! เมื่อมันเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นแล้วก็ต้องหาทางแก้ถูกไหม หากเธอมั่นใจว่าเด็กน้อยคนนั้นเป็นลูกของเขาจริงๆ แล้วเขาจะปล่อยให้ลูกอยู่อย่างไม่มีพ่อได้อย่างไรกัน
"แล้วคุณจะทำอย่างไรคะ" พอเห็นเขาเงียบไปจึงถาม เพราะเธอเองก็ไม่สบายใจ เธอแค่เล่าในสิ่งที่เขาอยากรู้ แค่นี้ก็หมดหน้าที่ของเธอแล้ว
"ตอนเย็นฉันจะไปรับลูกกับเธอ"