“เจ๊ ๆ ” คนที่ให้ดาราสาวอาศัยตักหนุน ขยับขาให้คนที่หลับรู้สึกตัว
“อือ”
“ลุกเหอะม่อนปวดฉี่”
ชาลิศาลุกขึ้นมามองหน้าเจ้าเด็ก ที่บิดตัวซ้ายขวาไล่ความเมื่อย
“ปวดแล้วไมไม่ปลุกพี่ นี่กลั้นนานยังน่ะ”
พอได้หลับก็เพลินเลยลมทะเลพัดเย็น ๆ มณนิชาส่ายหน้าส่งยิ้มให้คนพี่
“นิดหน่อยค่ะ ไม่ได้ปวดมากขนาดนั้น”
แต่ละคนเริ่มตื่นตามกันมา เมื่อพากันล้างหน้าล้างตาจัดการตัวเองเรียบร้อย ก็ทำงานที่ค้างกันไว้
“กัณทำกับดักไปลองดักปูฝั่งโน้นมั้ย เราว่าปูน่าจะเยอะนะ มันชอบแอบตามซอกหินน่ะ”
นรากรเสนอเพื่อน
“อืมก็น่าลองนะ เมื่อวานตัวที่เราจับได้ก็ตัวใหญ่ด้วยเผลอ ๆ อาจจะได้ปลาติดมาด้วยก็ได้”
กัณภัคตอบรับจากนั้นแต่ละคนก็ลงมือทำงานของตัวเอง สามสาวที่หัดสานตะกร้าก็ขมักเขม้นกับฝีมือตัวเอง ที่มันเป็นรูปร่างใกล้จะสมบูรณ์เต็มที ถึงจะดูบิดเบี้ยวไปหน่อยแต่ก็คงใช้งานได้แหละ ยกเว้นคนนี้
นรากรยกผลงานตัวเองขึ้นพิจารณา หัวคิ้วก็ขมวดชนกัน
“ไนซ์ไม่ทำตะกร้าละ เปลี่ยนเป็นกระจาดแทนแล้วกันมันบานดี” ฮ่ะ ๆ
มณนิชาที่นั่งอยู่ใกล้มองสิ่งที่รุ่นพี่พูดก็หลุดขำ เพราะดูยังไงมันก็เป็นตะกร้าไม่ได้จริง ๆ นั่นล่ะ
“ถ้าจะทำกระจาด งั้นพี่ไนซ์ก็สานขึ้นอีกหน่อยเป็นขอบมัน เสร็จแล้วพี่ก็หักปลายไม้ลงเกี่ยวกันไปรอบ ๆ ค่ะ”
“อ๋อเข้าใจละ นี่งานโอทอปชิ้นแรกในชีวิตพี่เลยนะเนี่ย แต่ดูไปดูมาพี่ว่ามันเหมือนกระด้งว่ะม่อน”
คิก ๆ
“อืมม่อนก็ว่างั้นแหละ ช่างมันเถอะพี่อย่างน้อยก็วางของกินได้น่า”
“ถ้ามันเหมือนกระด้งก็ทำอีกอันสิคะ เสร็จแล้วก็เอามาผูกกับแขนสองข้างแบบนี้”
เนย่าบอก พร้อมทำท่าจับเครื่องสานมาทาบแขนคนที่ยังทำหน้ามึนงง แต่พอนางแบบสาวยกแขนเธอทำท่าเหมือนกระพือปีกเท่านั้นล่ะ
“ย๊าา! ที่รัก นั่นมันกระหังแล้ว”
คิก ๆ ฮ่า ๆ ๆ เสียงหัวเราะขำกันยกใหญ่ เมื่อเพิ่งจะนึกภาพกันออก
เนย่าขำจนน้ำตาเล็ด เอ่ยเย้าคนที่ทำหน้า จะบึ้งก็ไม่ใช่จะขำก็ไม่เชิง
“ทำไมฉลาดจังคะฮึ สงสัยปลาทะเลที่กินทุกวัน โอเมก้าสามจะเยอะนะเนี่ย”
“แต่เค้าไม่อยากเป็นกระหังนะ ขอเป็นกระฮักได้เปล่า”
มุขไหนมาอีกล่ะ อะไรคือกระฮัก เพื่อนร่วมทีมพากันนั่งฟังก็แอบยิ้มขำไปด้วย แหมคู่นี้น่ะเป็นสีสันของเกาะเลยนะ
“กระฮักอะไรของคุณไม่มีหรอก เกิดมาไม่เคยได้ยินสัตว์ประหลาดอะไรชื่อนี้”
คำย้อนแกมงงของนางแบบสาว แต่ทำเอาคนคิดมุขกะทันหันได้อมยิ้มแก้มปริ
“ใครบอกไม่มี ก็เค้านี่แหละจะเป็นกระฮัก กะ..ฮักหลายน่ะ รู้จักป่ะ”
พรืด เฮ้ว ฮ่า ๆ ๆ
“ชอบ ๆ มุขนี้น้องขอเก็บไปใช้บ้างนะพี่ไนซ์ กะฮักหลาย คิก ๆ ต้องผวนด้วยป่ะพี่”
มณนิชาตบมือขำชอบอกชอบใจ ให้เจ้าของมุขเสี่ยวสิ้นคิดถึงกับหลุดขำไปด้วย
“ลองผวนสิม่อน”
“กะฮักหลาย กระหายรักหรือเปล่าพี่”
ฮ่า ๆ เสียงขำขันแกมล้อเลียนหนักเข้าไปอีก เนย่าเธอพลาดอีกแล้วให้ตายเถอะ
“นี่ถ้าไนซ์จะขยันหยอดขนาดนี้ กว่าจะออกจากเกาะสงสัยน้ำตาลในเลือดพวกพี่คงสูงขึ้นแน่ ๆ ดีไม่ดีพาลจะเป็นเบาหวานได้นะเนี่ย”
อัญญาวีกล่าวแซวน้องไปอีก
“นั่นสิ ขอเป็นแฟนให้มันสิ้นเรื่องสิ้นราวเลยเหอะ หรือจะขอแต่งเลยดีมั้ย เดี๋ยวจะสร้างเรือนหอส่วนตัวให้เลยอ้าว เนี่ยบรรยากาศดีนะมีเวลาฮันนีมูนอีกด้วย” ฮ่า ๆ
กรนันท์ยุแรงกว่าเดิมอีก คนเขินก็เขินต่อไปสิคะ นี่ถ้าความอายกับความเขินมันเป็นโรคร้ายแรง คิดว่าตอนนี้เนย่าก็คงอาการเข้าขั้นโคม่าไปแล้วล่ะ ใบหน้าสวยนั้นแดงจนไม่รู้จะแดงยังไงแล้ว เรวิกาเองก็ทั้งขำทั้งสงสารเพื่อนรักโดนทุกช๊อตแบบนี้ เป็นเธอก็อายเหมือนกันนะ
เช้าวันที่สี่ของการเอาชีวิตรอดบนเกาะร้าง ที่กลายเป็นสวรรค์น้อย ๆ ของสาว ๆ กันไปแล้ว
“เช้านี้อากาศเย็นกว่าทุกวันนะนี่ ดูเมฆมันหนาไม่ใช่ว่าฝนจะตกนะ”
อัญญาวีเปรยขึ้นมา เมื่อมองท้องฟ้ามันดูคลึ้มไม่สว่างเหมือนทุกวัน
“กัณก็ว่างั้นแหละ ถ้าฝนตกนี่กระท่อมเรามันจะกันฝนได้หรือเปล่า”
หันมองกระท่อมสองหลัง ที่ใช้เพียงใบตองเย็บซ้อนกันแล้วหนีบด้วยไม้ไผ่รัดด้วยเถาวัลย์ ลำพังกันแดดได้ไม่มีปัญหาแต่ถ้าโดนฝนสาดแรง ก็ไม่แน่ว่าใบไม้ที่เริ่มแห้งกรอบจะเอาอยู่หรือเปล่า
“ถ้างั้นเดี๋ยววันนี้พวกเราเข้าป่ากันตัดไม้ไผ่มาอีกหน่อย เราคงต้องทำที่กำบังลมกันฝนสาดใส่กระท่อม ส่วนด้านบนต้นหูกวางใบมันน่าจะพอลดแรงสาดของฝนได้อยู่ แต่ถ้าเรามีเวลาก็ทำหลังคามุงซ้อนทับอีกชั้นก็ดีเหมือนกัน”
พี่ใหญ่อธิบายให้น้องที่เริ่มเข้ามานั่งล้อมกองไฟเห็นด้วย กระบอกไม้ไผ่บรรจุน้ำกำลังมีควันลอยขึ้นเมื่อน้ำเริ่มเดือด
“ใครจะลองชิมน้ำขิงบ้างนี่ขิงตากแห้ง”
อัญญาวีเผยห่อใบตอง ที่มีขิงเส้นเล็กถูกตากจนเหี่ยวแห้ง
“มันต้องผสมน้ำผึ้งหน่อยนึงพี่ แล้วจะหอมอร่อย”
กัณภัคลุกไปหยิบเอาขวดที่มีน้ำผึ้งอยู่ มาหยดใส่แก้วไม้ไผ่ใส่ขิงลงไปนิดหน่อยแล้วเทน้ำร้อนลงไป ไม่นานกลิ่นขิงผสมน้ำผึ้งก็ลอยฟุ้งให้สูดดมพร้อมชิม
กลุ่มสาว ๆ อีกกระท่อมเริ่มตื่นตามกันมา
“นี่เกาะร้างหรือโรงแรมคะเนี่ย มีน้ำขิงให้ดื่มแต่เช้าเลย”
กรนันท์เดินเข้ามานั่งร่วมกลุ่มเอ่ยแซวทันที เมื่อได้กลิ่นน้ำขิงหอมแตะจมูก
“เกาะนี้มีหลายอย่างให้เลือกสรรจริง ๆ ค่ะ สักแก้วมั้ยพี่ ขิงผสมน้ำผึ้งหอมอร่อยใช้ได้เลยล่ะ”
ณัฐพัชเอ่ยชวนรุ่นพี่ให้อีกคนพยักหน้า และเมื่อทุกคนมารวมกันครบทีม อัญญาวีก็พูดถึงเรื่องที่จะทำวันนี้
“อืมอากาศแบบนี้สงสัยพายุอาจจะเข้านะคะ เราเตรียมตัวไว้ก่อนก็ดีเหมือนกัน”
คนที่บ้านอยู่ใกล้ทะเลอย่างกรนันท์เห็นด้วยกับรุ่นพี่ เพราะจากท้องฟ้าสีหม่นเมฆหนาแถมอากาศก็เย็นผิดปกติ นี่มันเป็นสัญญาณเตือนว่าอาจจะมีพายุฝนเทลงมา
“มื้อเช้านี่ทำอะไรกินกันดี หอยที่เราเก็บมาเมื่อวานก็ยังเหลือเยอะอยู่นะ”
กิ่งกานต์พูดถึงอาหารเช้า ที่ต้องกินกันก่อนจะเข้าป่า
“ผัดสมุนไพรเหมือนเดิมก็ได้มั้งคะ หรือว่าเบื่อกันแล้ว”
ชาลิศาเสนอพร้อมกับถามความเห็นไปด้วย
“ยัง ๆ กินได้ค่ะงั้นก็เอาเมนูนี้แหละง่ายดี”
เมื่อทุกคนลงความเห็น อาหารเช้าเมนูหอยตลับผัดสมุนไพรก็เสร็จในเวลาไม่นาน เมื่อร่างกายพร้อมทุกคนก็เตรียมตัวพร้อมสัมภาระที่จะเข้าป่า ทั้งหาอาหารมาเพิ่มและสิ่งที่จะมาสร้างกำบังลมกันฝนสาด
“อัญเดี๋ยวพาน้อง ๆ ไปจุดที่เราไปเมื่อวานก่อนนะคะ ค่อยวนกลับไปตัดไผ่ ฉันอยากกินแกงกะทิยอดเต่ารั้งใส่เนื้อปลาน่ะ”
กิ่งกานต์บอกคู่บัดดี้ตัวเอง
“หมอพูดเมนูขึ้นมาซะหิวอีกแล้วเนี่ย” อัญญาวีเอ่ยขึ้นขำ ๆ
“นี่ขนาดเพิ่งอิ่มนะคะ เอาไปเก็บไว้ไหนกันฮึ”
คุณหมอสาวส่ายหน้ายิ้ม ๆ ถ้าวัดปริมาณการกิน เธอกับน้องดารานางแบบนี่กินยังกะแมวดมก็อิ่มแล้ว แต่ที่เหลือนี่สิกินเก่ง ๆ ทั้งนั้น
ดีที่ของมันมีให้กินเยอะแยะนะ ไม่งั้นมีหวังได้กินหัวกันแทน
“แหม ก็ระบบเผาผลาญมันทำงานดีนี่คะ”
“อย่าว่าแต่พี่อัญจะหิวเลยค่ะ พวกเราได้ยินเมนูก็กลืนน้ำลายกันแล้วพี่หมอ”
นรากรพูดขึ้นให้สาว ๆ ที่กินน้อย พากันส่ายหัวไปตาม ๆ กัน
ทั้งหมดเดินเข้าป่าไปเรื่อย ระหว่างทางเจอเห็ดบ้างผักนั่นนี่หลายอย่างผ่านตา ตะกร้าที่สาว ๆ ทำเมื่อวานเลยได้ใช้งานก็วันนี้แหละ
“พี่อัญรู้จักมันม่วงมั้ยพี่”
มณนิชาถามรุ่นพี่ ขณะพากันเดินมองอะไรไปเรื่อย
“หืม มันม่วงยังไงเผือกหรือเปล่า”
“ไม่ใช่ ๆ เผือกก็เผือกสิคะ มันม่วงจริง ๆ มันก็เกิดตามป่าเหมือนพวกมันนกนี่แหละ หัวมันจะใหญ่มากเลยนะใหญ่เท่าหัวเรานี่ก็มี เอามาต้มให้สุกแล้วทำเป็นของหวานอร่อยนะพี่ ที่บ้านม่อนพ่อเอามาปลูกไว้ในสวนด้วย เราขยายพันธุ์มันได้แม่ชอบเอามาทำขนมให้กินบ่อย ๆ รสชาติก็คล้าย ๆ เผือกแหละแต่เนื้อมันแน่นกว่า”
“ม่อนพูดให้พวกพี่หิวเลยนะเนี่ย”
ฮ่า ๆ
“ถ้าเกิดโชคดีนะถ้าหาเจอ เดี๋ยววันนี้ม่อนจะทำให้กินค่ะ”
“แล้วลักษณะต้นมันเป็นไงละม่อน เผื่อจะได้ช่วยกันดู”
กรนันท์เอ่ยถามน้องเล็ก เพราะมันที่ว่าเธอก็ไม่รู้จักเหมือนกัน
“อืม มันจะเป็นเครือนะพี่ เครือพันตามต้นไม้แล้วก็มันจะมีหัวมันลูกเล็ก ๆ ออกตามเครือด้วย อันนั้นแหละเราเอาไปขยายพันธุ์ต่อได้ เอาไปฝังดินถ้ามันไม่เน่านะ มันก็จะออกรากแล้วก็แตกยอดเป็นต้นใหม่ต่อไป”
“เป็นความรู้ใหม่เลยนะเนี่ย ม่อนนี่จบเกษตรมาหรือเปล่าเนี่ย”
ณัฐพัชถามขึ้นรู้สึกทึ่งกับความรู้เหล่านี้ไปด้วย
“ไม่ใช่ค่ะ ม่อนจบการจัดการนี่แหละพี่กัณน่ะจบสถาปัตย์เก่งกว่าม่อนอีก เรื่องงานเกษตรน่ะส่วนมากก็อาศัยจดจำแล้วก็ทดลองเอาน่ะพี่ พ่อแม่เราท่านสอนมาด้วยมีอะไรใหม่ ๆ เราก็นำมาทดลองดู ได้ผลบ้างไม่ได้บ้างก็ถือเป็นความรู้กันไป”
ทุกคนที่ได้ฟังความคิด ของเด็กสาววัย24ก็อดนึกชมไม่ได้
“กัณจบสถาปัตย์มาเหรอคะ”
เรวิกาเอ่ยถามคนที่เดินข้าง ๆ ให้อีกคนพยักหน้ายิ้มตอบ
“ถึงว่าสิอยากทำโฮมสเตย์ แสดงว่ากัณก็ออกแบบเองน่ะสิ ใช่มั้ย”
“ค่ะ แต่มันก็ไม่ได้ยากนี่คะฉันทำแบบง่าย ๆ ธรรมดาเอง แค่ลงรายละเอียดความกว้างความยาว ประเมินราคาต้นทุนงบก่อสร้างแค่นั้นเองค่ะไม่ได้อะไรมากมาย ไม่เหมือนพวกสถาปนิกที่เขาออกแบบงานใหญ่ ๆ น่ะ”
“แล้วงานพวกนั้นกัณทำได้หรือเปล่าล่ะ หมายถึงออกแบบงานก่อสร้างใหญ่ ๆ น่ะ”
“ก็เคยทำเป็นโปรเจกต์ตอนสอบนะคะ แต่ไม่เคยรับงานจริงน่ะ ทำไมคะ หรือจะจ้างฉันไปออกแบบตึกที่ไหน”
กัณภัคเอ่ยเย้าอีกคน
“เปล่าซักหน่อยค่ะ แค่ถามดูนึกว่ารับงานพวกนี้อยู่น่ะ”
“ไม่ได้รับหรอกค่ะมีแค่งานชาวบ้าน ๆ ที่เขาให้เขียนแบบบ้านให้ เวลายื่นกู้ธนาคารอะไรประมาณนั้นมากกว่า”
“เรก็ถามอ้อมไปอ้อมมาอยู่นั่นแหละ ก็ถามไปตรง ๆ สิ ว่ากัณออกแบบเรือนหอได้หรือเปล่า”
เนย่าเอ่ยกระแซะเพื่อนบ้าง
“เรือนหอเธอกับไนซ์น่ะเหรอ” คิก ๆ
“นี่ สรุปนี่เป็นเพื่อนฉันหรือเป็นเพื่อนไนซ์เห๊อะ เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลยนะ”
คนที่พูดอะไรไปก็โดนสวนตลอด ชี้หน้าเพื่อนรักตัวเองที่หัวเราะคิกคัก จนน่าโมโหจริง ๆ
“เป็นเพื่อนเจ้าสาวจ๊ะ ใช่มั้ยแบม”
“อ้าว! เราอุตส่าห์ไม่พูดแล้วนะว่าจะเงียบ ๆ รอการ์ดเชิญอย่างเดียวน่ะ”
ฮ่า ๆ
“โอ๊ย เรกับแบมน่ะ นี่จะล้อกันไม่หยุดเลยใช่มั้ยเนย่าจะงอนจริง ๆ แล้วนะ”
“โอ๋ ๆ ไม่งอนสิจ๊ะเพื่อนรัก แหมถ้าไนซ์เขาให้พ่อมาขอจริง ๆ เพื่อนก็ตกลงปลงใจไปเถอะนะ “
หึ ๆ
“นี่ง้อแล้วใช่มั้ยเร” คนที่โดนแซวโดนแกล้งตลอดก็ได้แต่ส่งสายตาค้อนให้เพื่อนรัก กับเพื่อนใหม่อย่างนางร้ายที่พยักหน้าอมยิ้มอยู่เนี่ย
แล้วดูตัวต้นเหตุ ที่ยิ้มกว้างจนปากจะฉีกถึงหูอยู่แล้วนั่น
“ถ้าออกแบบเรือนหอเนย่ากับไนซ์นะ เราออกแบบให้ฟรีเลย”
นั่นยังไม่จบค่ะ ยังเหลืออีกกี่คนคะที่จะแซวจะล้อพูดมาให้หมดเลยค่า
กัณภัคเย้าแถมไปอีกดอก เนย่านี่ก็น่าแกล้งจริง ๆ นะ ไม่คิดว่าสาวสวยที่ดูท่าทางมั่นใจจะขี้อายขนาดนี้
เมื่อได้แกล้งล้อแกล้งแซว กันพอหอมปากหอมคอมาตามทาง จนมาถึงจุดที่พี่ใหญ่ทั้งสองทิ้งร่องรอยจากการขุดหัวมันให้เห็น
“แถวนี้ใช่มั้ยพี่ ที่บอกมันนกเยอะน่ะ”
ณัฐพัชหยุดกวาดสายตาไปรอบ ๆ แล้วหันมาถามรุ่นพี่
“อืมใช่ เยอะยังกับมีคนมาปลูกเอาไว้เลย”
ทุกคนมองดูก็เห็นตามที่รุ่นพี่พูดจริง ๆ เพราะมองไปก็เจอเถาเครือมันนี้เลื้อยพันต้นไม้น้อยใหญ่เต็มไปหมด ก่อนจะแยกย้ายกันขุด
“นี่เหรอพี่เต่ารั้ง เหมือนต้นหมากเลยนะดู ๆ ไปเหมือนต้นตาวบ้านเรานะพี่กัณ”
“อืมน่าจะสายพันธุ์เดียวกัน รสชาติมันจะเหมือนยอดมะพร้าวมั้ยพี่หมอ”
คนไม่เคยกินก็อดถามไม่ได้ ปกติเคยกินแต่ยอดมะพร้าว
“คล้าย ๆ กันค่ะ แต่พี่ว่ายอดมะพร้าวอร่อยกว่านะ”
“แหนะ พูดแบบนี้ม่อนขอโค่นสักต้นได้มั้ยมะพร้าวชายหาดน่ะ” ฮ่า ๆ
“พวกเรานี่กินล้างกินผลาญกันมากไปหรือเปล่าคะเนี่ย”
เรวิกาอดพูดด้วยสีหน้ากังวลไม่ได้
“ไม่เป็นไรค่ะทางรายการเขาจ่ายค่าเสียหาย ค่ากินล้างเผ่าพันธุ์ให้เจ้าหน้าที่ไปแล้วค่ะ อย่ากังวลเราต้องคิดว่าเราติดเกาะร้างกันจริง ๆ นะคะ มีอะไรที่จะทำให้รอดชีวิตได้เราก็ต้องกินค่ะ ยกเว้นแค่สัตว์สงวนตามกฏหมายเท่านั้น ซึ่งคาดว่าไม่มีในเกาะนี้อันนี้พี่ถามก่อนมาแล้วนะคะ”
อัญญาวีแจ้งทุกคนให้สบายใจ
“แบบนี้เหอ ๆ ม่อนขอเมนูผัดยอดมะพร้าวอ่อนใส่อาหารทะเลสักมื้อนะพี่ มันคงไม่สูญพันธุ์หรอกนะม่อนเล็งไว้ต้นนึงคิก ๆ เกรงใจเจ้าหน้าที่อ่ะ เดี๋ยวจะหาว่าเรามาล้างผลาญเกาะนี้”
“เมนูแต่ละอย่างนี่เรียกน้ำย่อยอย่างดีเลยอ่ะ”
นรากรลูบท้องให้แต่ละคนอดขำไม่ได้ นี่ยังไม่ถึงสองชั่วโมงพากันหิวอีกแล้ว ก็เล่นพูดถึงแต่เมนูอาหารกันนี่นามันก็พาให้หิวไปด้วยนั่นแหละ
“ตัดเอาสองต้นนะ พวกเราหลายคนต้นเดียวคาดว่าคงไม่พอกินน่ะ”
กิ่งกานต์บอกกัณภัคกับณัฐพัช ที่ถือมีดจึงเดินไปเลือกต้นที่ดูไม่สูงมาก
“ยอดขาวอวบกำลังน่ากินเลยนะ หวังว่ากลับไปจะมีปลาติดกับดักเรา ให้ได้กินเมนูที่คุณหมออยากทำ”
อัญญาวีกล่าวพลางยิ้มให้น้อง ๆ
“มันไม่เคยพลาดสักวันนะพี่ วันนี้ก็หวังว่าจะมีสัตว์อยากไปเกิดใหม่ติดกับดักเหมือนทุกวัน”
“ได้อาหารกันแล้ว ก็ไปตัดไผ่กันค่ะจะได้กลับ”
กิ่งกานต์เอ่ยชวนขึ้น
“พวกเราลองเปลี่ยนเส้นทางเดินกันหน่อยมั้ย เผื่อจะเจออะไรเพิ่มขึ้น เพราะเราเดินวนอยู่แค่สองจุดเอง”
อัญญาวีเสนอขึ้นมาบ้างซึ่งก็เป็นความคิดที่ดี และนั่นก็เลยทำให้ทั้งทีมลองเดินลึกเข้าไปอีก ก่อนจะเลี้ยวโค้งไปยังเส้นทางอีกด้าน การเปลี่ยนเส้นทางสำรวจทำให้ได้เจออะไรใหม่จริง ๆ เพราะเมื่อเดินลึกเข้าไปด้านในต้นไม้ใหญ่ที่ไม่เจอจากโซนด้านนอก ก็เริ่มมีให้เห็นที่จุดนี้
“เอ๊ะนี่มันใช่ลูกก่อมั้ยนี่”
มณนิชาที่เดินเขี่ยใบไม้ไปเรื่อยเผื่อเจอพวกเห็ด แต่บังเอิญเจอเจ้าผลไม้มีหนามแตกอ้าจนเห็นเม็ดด้านใน เมื่อเงยหน้ามองขึ้นไปด้านบน ต้นไม้ที่สูงเกินห้าเมตรมีผลให้เห็นอยู่ประปราย
“พี่ ๆ ม่อนว่าเราเจอของกินอีกอย่างแล้วล่ะ”
น้องเล็กร้องบอกพี่ที่กระจายกันเดินอยู่ไม่ไกล ก่อนจะใช้ไม้คีบเอาลูกมีหนามขึ้นโชว์
“อะไรเหรอม่อน”
อัญญาวีที่อยู่ใกล้สุดเดินเข้ามาดูด้วย
“ลูกก่อพี่ที่เขาเรียกเกาลัดอีสานน่ะ นี่เราไปต้มกินอร่อยเลยล่ะ”
“เฮ้ยลูกก่อจริง ๆ ด้วย โชคดีนะเนี่ยที่เราไม่เดินเลยไป ช่วยกันเก็บดีกว่าป่ะมันน่าจะหล่นเยอะอยู่ เอาไม้เขี่ยตามใบไม้ดูนะ พวกเราระวังด้วยนะคะหนามมันคม”
เมื่อเห็นว่าเป็นของที่กินได้ ทุกคนก็ร่วมด้วยช่วยกันเดินเก็บ จนได้มากพอสมควร