อรุณรดาอาศัยอยู่ในอพาร์ทเม้นท์ราคากลางๆที่เน้นความสะดวกปลอดภัยเป็นหลัก เดินตามทางฟุตบาทรอขึ้นรถเมล์ไปเรียนและทำงานพิเศษในร้านอาหารของดารินผู้มีศักดิ์เป็นน้าแต่สถานะถูกเปลี่ยนเป็นมารดาทางนิตินัยของเธอได้ห้าปีแล้ว ชีวิตของเธอดำเนินไปอย่างเรียบง่ายไม่ทะเยอทะยานเหมือนคราตอนที่ยังเป็นแสงรุ่งเด็กหญิงที่ตื่นตะลึงกับความร่ำรวยของครอบครัวจากการที่พี่สาวมีสามีที่เป็นเศรษฐีชนิดที่เธอสามารถอ้อนขอแม่สุภาไปเรียนต่อที่ประเทศญี่ปุ่นหลังจากเรียนจบชั้นประถมศึกษาในไทย เธอเริ่มทำตัวเข้าถึงยากจนเพื่อนแถวบ้านเริ่มตีตัวออกห่างไปเรื่อยๆจนกระทั่งไม่หลงเหลือเพื่อนสักคน แต่นั่นไม่ได้ทำให้เธอสนใจมากไปกว่าการได้เป็นเด็กนักเรียนนอกหรอกนะ เธอยังหลงระเริงกับความสะดวกสบายในการจับจ่ายใช้สอย
ยอมรับว่าสนใจจะเรียนภาษาเพื่อสื่อสารกับผู้คนได้มากมายหลากหลายเชื้อชาตินับตั้งแต่วันที่มาร์ตินเข้ามาในหมู่บ้านและคุยกันไม่รู้เรื่องเพราะดิกชันนารีในมือมันช่วยได้ไม่มากนัก เธอศึกษาอยู่ในไฮสคูลชื่อดังในญี่ปุ่นและเทียวไปรัสเซียช่วงปิดเทอมแทนที่จะกลับเมืองไทย และนั่นคือจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ระหว่างเธอและเขา
แค่คิดถึงตนเองในตอนนั้นที่วิ่งเล่นรอบคฤหาสน์พี่เขยและพี่สาวราวกับอยู่ท่ามกลางสรวงสรรค์แล้วรู้สึกพะอืดพะอมในใจจนต้องรีบหยิบสายหูฟังเสียบฟังเพลงขณะก้าวเท้าขึ้นรถเมล์
ที่นั่งมุมโปรดของเธอคือริมหน้าต่าง เบือนหน้าปะทะลมด้านนอกเพื่อจงใจหลบหลีกผู้คน เสียบหูฟังเพลงอยู่แบบนี้ทุกเมื่อเชื่อวัน คนอื่นอาจจะไม่เข้าใจแม้แต่ป้ากระเป๋ารถเมล์ที่ยิ้มมุมปากให้เธอมาได้ห้าปีแล้วก็ตามเธอก็ยังรู้สึกได้ถึงความสงสัยในระบบประสาทของเธอผ่านแววตาของป้า
แต่นั่นก็ใช่ว่าจะไม่มีใครเข้าใจไปเสียหมดหรอกนะ เธอขอเว้นให้อาจารย์หนุ่มรูปหล่ออยู่คนหนึ่งแล้วกัน
นั่นคือภุชงค์ ชายผู้สนใจเธอตั้งแต่วันแรกจากการได้เจอเธอที่ป้ายรอรถเมล์ เขาพยายามทักทายเธอ ตั้งแต่ยิ้มให้ ชวนคุย หรือแม้แต่การได้นั่งเบาะข้างๆกัน แต่เธอยังเลือกที่จะสนใจเพลงมากกว่า มีวันหนึ่งที่พอทำให้ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มพลางก้มหน้าเพราะเธอเจอเขาสวมหูฟังทำท่าทีคล้ายๆเธอเพื่อขอคุยกันเรื่องแนวเพลงที่เธอโปรด แต่เธอตอบรับแค่รอยยิ้ม
แล้วความพยายามของเขาเป็นอันสำเร็จในปีที่สี่ เหตุเพราะมีนักเรียนชายกลุ่มหนึ่งพยายามเกาะแกะลวนลาม เขาจึงเสยคางเข้าให้ เธอเลยยอมพูดคุยและให้เบอร์ติดต่อเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับภาษาอังกฤษกันบนรถโดยสารประจำทางทุกวันจนกระทั่งเขาได้เป็นอาจารย์สอนภาษาอังกฤษสำเร็จจึงขอเธอเป็นแฟนด้วยดอกไม้ช่อโต
แต่ที่ที่เขาเคยนั่งว่างเปล่ามาได้สองสัปดาห์แล้วเพราะภุชงค์ถอยรถคันใหม่และอ้อนวอนเธอให้นั่งรถไปด้วยกันแต่ถูกเธอปฏิเสธ เธอยังไม่พร้อมจะให้ความสัมพันธ์คืบหน้าไปกว่าการโทรหา คุยกันผ่านแชทและบอกฝันดีกันทุกคืน เธอตั้งกำแพงในใจไว้อยู่ และโชคดีที่เขาเข้าใจไม่เร่งรีบในความสัมพันธ์ที่ตามจีบมาอย่างยาวนานนี้
เรื่องยวดยานพาหนะหรือค่าใช้จ่ายต่างๆนั้น ดารัณ พี่สาวของเธอพร้อมจะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเธอเสมอ แต่เธอไม่รับ เพราะเงินส่วนนั้นล้วนแล้วแต่มาจากธุรกิจของตระกูลเอลวานอฟ ถ้าจะตัดเธอต้องตัดให้สุด
อรุณรดาฉีกยิ้มรับข้อความทักทายจากแฟนหนุ่มที่ส่งสติ๊กเกอร์รูปหัวใจพร้อมภาพของเขาในชุดสูทสุดเนี้ยบส่งมาให้เธอดูก่อนโทรหา
“สวัสดีค่ะ”
‘ภาพที่ส่งให้ดูเมื่อกี้ว่าไง หล่อไหม?’
“วันนี้อาจารย์หล่อมากค่ะ”
‘เห้อ รูปหล่อ พ่อรวย หน้าที่การงานโอเคขนาดนี้นางสาวอรุณรดาก็ยังไม่ยอมนั่งรถสปอร์ตของผมเลย’ เสียงทุ้มโอดโอยออกมาได้อย่างน่ารักน่าหมั่นเขี้ยว
“วันหลังแล้วกันนะคะ”
‘วันไหนดีคะ อืม งั้นเย็นนี้ดีไหมเดี๋ยวพี่ชวนไปดินเนอร์ริมแม่น้ำเจ้าพระยาแล้วสั่งของโปรดของรดาให้เต็มโต๊ะเลยดีมั้ยคะ?’
จะว่าเธอแพ้วาจาที่ไพเราะรื่นหูก็ไม่แปลก เพราะเขาชอบคุย คะขา ไม่เคยพ่นคำหยาบให้เธอได้ยินเลยสักครั้ง
“ไว้วันหลังนะคะ รดาต้องเตรียมเอกสารยื่นใบขอฝึกงานน่ะค่ะ”
‘โอเคค่ะ ขอให้ได้ฝึกงานบริษัทดีๆไม่มีหนุ่มๆมาชีกอนะคะ พี่หวง’
“ค้าอาจารย์จอมโหด แค่นี้ก่อนนะคะรดาถึงมหาลัยแล้ว”
‘ครับผม เทคแคร์นะ’
“เหมือนกันค่ะ อุ๊ย!”
‘มีอะไรหรือเปล่า รดา?’
........................................................................