หลังจากที่ทำตามคำสั่งของผู้จัดการคนใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ลีแทจินก็ถูกนัชฌานพามายังสถานีตำรวจที่บิดาถูกจับกุมอยู่ เขากึ่งวิ่งกึ่งเดินไปยังหน้าห้องขังราวกับว่ารู้ทุกซอกทุกมุมของสถานีตำรวจแห่งนี้เป็นอย่างดี พอเห็นร่างคุ้นตาของชายวัยกลางคนในสภาพยังไม่สร่างเมานักอยู่ด้านในห้องขังห้องหนึ่ง เขาก็ตะโกนเรียกทันที
“พ่อ! พ่อ! ได้ยินผมมั้ย!”
ชายวัยกลางคนคนนั้นหันมาตามเสียงเรียก ใบหน้าแดงก่ำฉายความสงสัยเล็กน้อยก่อนที่จะค่อยๆ คลี่ยิ้มออกและพาร่างลุกขึ้นมาหาบุตรชาย
“แท...จิน แกไปทำอะไรผิดมา ถูกจับใช่มั้ย! เอื๊อก!”
ฟังเสียงแล้วก็รู้เลยว่า ‘ลีซางมิน’ บิดาของชายหนุ่มไม่ใช่แค่ยังไม่สร่างเมาแต่ยังคงเมาได้ที่
“คนถูกจับน่ะไม่ใช่ผม พ่อต่างหาก” ลีแทจินว่าเสียงขุ่นแต่ก็เหมือนจะเปล่าประโยชน์เพราะนอกจากลีซางมินจะไม่ฟังแล้ว ยังจะตรงเข้ามาตีศีรษะลูกชายเป็นพัลวันอีกต่างหาก
“แน๊ะ! ดูๆ ไอ้ลูกคนนี้ ว่าแล้วยังจะมาเถียง แกมันไอ้ลูกเฮงซวย วันๆ ก่อแต่เรื่องแต่ราว! อึ้ก!”
“โอ๊ย ทำอะไรเนี่ยพ่อ เจ็บนะ”
ผู้ต้องขังในห้องขังเดียวกันต้องช่วยกันห้ามปรามลีซางมินให้หยุดประทุษร้ายบุตรชาย ลีแทจินถึงได้รอดเงื้อมือบิดามาได้ นัชฌานซึ่งมองดูเหตุการณ์อยู่ถึงกับส่ายหน้า คำสุภาษิตไทยที่ว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นยังคงใช้ได้เสมอ
จังหวะที่ลีแทจินถอยออกมาจากลูกกรงนั่นเอง เขาถึงได้สังเกตเห็นว่าการกระทำของเขาอยู่ในสายตาของใครบางคนตลอดเวลา ถึงจะรู้สึกเสียหน้าบ้างเล็กน้อยแต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก สิ่งเดียวที่อยู่ในหัวเขาตอนนี้ก็คือเขาต้องการเงินมาพาบิดาออกจากห้องขังให้ไวที่สุดเท่านั้นจึงทำเป็นเดินเลยผ่านนัชฌานไป หมายจะคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ดูแลคดีของลีซางมินเพื่อต่อรองเรื่องค่าปรับ
พอเห็นอย่างนั้น นัชฌานก็แกล้งเรียกทันที
“จะเดินไปไหน”
“ไม่ใช่เรื่องของนาย” ลีแทจินตอบอย่างรำคาญ
ทว่านัชฌานกลับชูกระดาษแผ่นขนาดเอห้าขึ้นมาชูพลันว่าเสียงเรียบ “ถ้าจะไปเสียค่าปรับล่ะก็ ฉันเคลียร์ให้แล้ว”
“แล้วทำไมไม่รีบบอกตั้งแต่แรก”
“ก็เห็นนายอ้อนพ่ออยู่ ฉันเลยไม่อยากกวน” ผู้จัดการร่างเล็กว่าลอยหน้าลอยตา ชวนให้ลีแทจินหมั่นไส้ยิ่งนัก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ สิ่งที่ทำได้ดีที่สุดในขณะนี้ก็คือการขอบคุณนัชฌานเท่านั้น
“ขอบใจ”
“ฉันเป็นรุ่นพี่นาย อย่าลืมสิ” หากแต่นั่นกลับเป็นการทำให้นัชฌานได้ทีขี่แพะไล่
ลีแทจินกัดฟันกรอด ยอมเสียศักดิ์ศรี โค้งคำนับอย่างไร้ทางเลือก “ขอบคุณครับรุ่นพี่”
“ไม่เป็นไร” นัชฌานยิ้มเย้ยก่อนที่จะเรียกให้ตำรวจนายหนึ่งมาเปิดประตูห้องขัง พาตัวลีซางมินออกมาให้
ลีแทจินตั้งท่าจะเดินไปหาบิดาที่ตำรวจกำลังพยุงไปนั่งพักบนโซฟา แต่กลับถูกมือเล็กรั้งบ่าเอาไว้เสียก่อน เขาหันไปมองด้วยสีหน้ารำคาญสุดชีวิต แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้นัชฌานสะทกสะท้านได้เลย
“อะไร”
“บอกไว้ก่อนว่าเงินที่ใช้จ่ายค่าปรับไม่ใช่เงินของนายที่ฉันเบิกท่านประธานคิมมาจ่ายให้ แต่เป็นเงินของฉัน ฉันออกให้ก่อน”
“แค่เงินไม่กี่ล้านวอนแค่นี้ เดี๋ยวฉันได้เงินจากท่านประธานคิมแล้วเอาคืนให้น่า ไม่ต้องมาทำเป็นทวงบุญคุณ” “ไม่ต้องใช้คืนก็ได้ อย่าลืมว่านายจะไม่ได้ค่าตัวเต็มจำนวนเป็นเวลาหกเดือน ไม่มีปัญญาหามาใช้หรอก”
พอยิ่งได้ยินนัชฌานตอกย้ำ ลีแทจินก็ยิ่งหงุดหงิด เขาอยากจะตั๊นหน้าใสๆ ของผู้จัดการคนใหม่ตรงหน้านี้ระบายอารมณ์เสียจริงๆ ถ้าไม่ติดว่านัชฌานจ่ายค่าปรับให้บิดาล่ะก็ ป่านนี้เขาคงจัดการไปเรียบร้อยแล้ว
“มีอะไรอีกมั้ย ฉันจะไปคุยกับพ่อ” ลีแทจินพยายามตัดบทก่อนที่จะหัวเสียไปมากกว่านี้
“ฉันมีข้อแลกเปลี่ยนข้อนึง” นัชฌานว่า
“อะไร” กะไว้อยู่แล้วว่าผู้จัดการคนนี้ไม่มาทำดีกับเขาโดยไม่มีผลประโยชน์แลกเปลี่ยนแน่ๆ
“นายไม่ต้องใช้เงินคืนฉันแม้แต่วอนเดียว ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายของพ่อนายที่นายส่งให้ทุกเดือนฉันจะดูแลให้ แต่นายต้องทำตามที่ฉันสั่งทุกอย่างตลอดระยะเวลาหกเดือนนี้ ตกลงมั้ย?”
สีหน้าของลีแทจินไม่สบอารมณ์ทันที เขาไม่เคยรู้สึกตกต่ำขนาดนี้ตั้งแต่ก้าวเข้ามาเป็นนักร้องซูเปอร์สตาร์ จริงๆ แล้วผู้จัดการนี่ต้องเอาใจเขา บูชาเขาเหมือนเป็นพระเจ้าเพราะเขาทำเงินให้ไม่ใช่เหรอ แล้วนี่มันอะไร ถือดีอย่างไรมาออกคำสั่งให้เขาทำโน่นทำนี่ราวกับตัวเองเป็นเจ้านายอย่างไรอย่างนั้น
แต่ถึงจะคิดอย่างนั้น พอมาใคร่ครวญดูแล้ว ลีแทจินก็ไม่มีทางเลือกอะไรมากสักเท่าไหร่หลังจากถูกไล่ต้อนเสียจนมุม และเขาก็ไม่รู้ด้วยว่าหากเขาไม่ตกลงขึ้นมา นัชฌานมีแผนที่จะบีบเขาอย่างไรอีก เผลอๆ ถ้าไม่ตกลง นัชฌานจะยกเลิกเงินเสียค่าปรับแล้วส่งบิดาเขาเข้าซังเตไปอีกรอบ อย่างน้อยๆ ตอบตกลงไปในตอนนี้ก็ถือว่าปลอดภัยกว่า ส่วนอื่นค่อยว่ากันทีหลัง
“ได้ ฉันตกลง”
สิ้นเสียง นัชฌานก็ยิ้มเผล่ก่อนคว้าเอาโทรศัพท์ในกระเป๋าเสื้อสูทออกมาชูหรา “ถือว่าทำสัญญาเรียบร้อย”
“นี่นายอัดเสียงเหรอ!” มองไปบนจอโทรศัพท์ปราดเดียวก็รู้ว่าโปรแกรมที่ขึ้นอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์นั้นคือโปรแกรมอะไร
“ใช่ เดี๋ยวนี้ทำอะไรจะต้องมีหลักฐาน โดยเฉพาะกับคนอย่างนาย” คนฟังว่าเสียงเรียบก่อนเก็บโทรศัพท์ลงที่เดิม “ไปหาพ่อได้แล้ว แล้วรีบกลับไปเตรียมตัวเร็วๆ เข้า วันนี้มีประชุมจัดแถลงข่าวของนายวันพรุ่งนี้ ถ้ามีเวลาเหลือ ฉันจะได้มีเวลาทำความรู้จักกับนายให้มากขึ้นด้วย”
ว่าจบ นัชฌานก็ผละออกจากบริเวณนั้นไป ทิ้งให้ลีแทจินอ้าปากค้างเป็นรอบที่เท่าไหร่ของวันแล้วก็ไม่รู้ตั้งแต่เจอหน้านัชฌาน หนวดเสือของเขากระตุกยิกๆ เป็นลางสังหรณ์ให้รู้ว่าตั้งแต่วินาทีนี้ ชีวิตของเขาต้องถูกปฏิวัติอย่างแน่นอน…