บทที่ 7 คำสัญญา

1775 Words
ตกดึก... หมอเจตน์ส่งข้อความมาบอกว่าวันนี้เขาเข้าเวร ซึ่งกานต์พิชชาก็เข้าใจดีว่าแพทย์ทำงานหนักมากแค่ไหน ความรู้สึกตงิดใจในตัวแก้วตาทำให้เธอนอนไม่หลับ อยู่ ๆ ก็มีความรู้สึกบางอย่างเกิดขึ้นในใจ ทำไมเจ้าหล่อนถึงตั้งครรภ์ไม่ได้...เป็นคำถามที่วิ่งวนในหัวอีกครั้ง แล้วหล่อนคุยกับใครทำไมต้องทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ ทำไมบ้านนี้ถึงไม่ให้แม่บ้านนอนค้างอ้างแรม แต่ต้องไปกลับไปเท่านั้น “คิดอะไรเนี่ย ไม่ใช่เรื่องของเราสักหน่อย” บ่นอุบอิบอยู่คนเดียว เรื่องของเธอคือทำร่างกายให้แข็งแรง พักผ่อนให้เพียงพอ ใช้เวลาอ่านหนังสือแค่นั้น ไม่ได้มีหน้าที่ไปจับผิดใคร คิดได้ดังนั้นก็ข่มเปลือกตาปิดลง นานสองนานกว่าสติจะเลือนหายเข้าสู่ภวังค์แห่งการหลับใหลในที่สุด ...ความเงียบของโรงพยาบาลยามกลางคืนนั้นทำให้หมอหนุ่มรู้สึกสงบ เขาชอบบรรยากาศความเงียบสงบแห่งนี้ ยิ่งวันไหนที่ได้เข้าเวรก็ยิ่งรู้สึกสงบ แววตาของกานต์พิชชาบอกกับเขาว่าเจ้าหล่อนยังมีความรู้สึกดี ๆ ให้เหมือนเดิม คราแรกนึกว่าเธอจะลืมเข้าไปแล้วเสียอีก เห็นพี่สาวของเธอบอกว่าหล่อนแต่งงานมีลูกแล้ว เหตุนี้จึงไม่ลังเลที่จะเลือกกานต์พิชชามาอุ้มลูกให้ ถ้าเขารู้ว่าเธอยังไม่ลืม ก็จะไม่ดึงเธอเข้ามาใกล้ให้เธอเจ็บปวด แต่มันก็ไม่ทันเสียแล้ว “เฮ้อ...” พ่นลมหายใจออกมาเบา ๆ หวังว่ากานต์พิชชาจะไม่มีปัญหาอะไรกับแก้วตา ชายหนุ่มรู้ดีว่าภรรยาสาวนั้นมีนิสัยอย่างไร ...เขาเริ่มคุยกับเธอเมื่อตอนเรียนอยู่ปีห้า ชั้นคลินิกที่ต้องเข้าไปเรียนในโรงพยาบาล ราวน์วอร์ดแต่ละวอร์ดทำให้ได้รู้จักกับเธอ ที่เป็นญาติคนไข้ที่เขากำลังศึกษาอยู่ แก้วตามาจีบเขาก่อน ชายหนุ่มคุ้นชินกับการถูกจีบเลยไม่ได้อะไรมาก แต่สิ่งที่แก้วตาต่างจากคนอื่นคือความขี้อ้อน ปากหวาน และเธอสวยมาก เขาแพ้ทางเธอ อีกทั้งแม่ของเธอที่ได้ฝากฝังเธอไว้กับเขาก่อนสิ้นลมนั้น ชายหนุ่มรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับแม่ของเธอ ซึ่งพ่อของเธอนั้นทิ้งไปตั้งแต่เด็ก ด้วยความที่มีนิสัยเห็นอกเห็นใจคนอื่น ทำให้เขาต้องแบกรับคำสัญญาเหล่านี้ แม้นว่าแก้วตาจะสร้างปัญหาให้ไม่เว้นแต่ละวันก็ตามที “วันนี้เงียบเลยนะคะ” “อย่าพูดคำนั้นดีกว่าครับ” ชายหนุ่มหัวเราะเมื่อพยาบาลเดินมาพูดกับเขา ที่ห้องฉุกเฉินวันนี้ไม่มีผู้ป่วยนอก ขณะเดียวกันผู้ป่วยในก็ไม่มีปัญหา แทบนับครั้งได้ที่จะมีความรู้สึกเงียบเช่นนี้ “พรุ่งนี้คุณหมอออกเวรแต่เช้าเลยใช่ไหมคะ” “ครับ” “แปลกจัง ปกติแล้วหมอไม่ออกเวรเช้านี่” เขายิ้มให้น้อย ๆ อันที่จริงถ้าไม่มีกานต์พิชชามาอยู่ที่บ้าน ชายหนุ่มก็ไม่อยากกลับบ้านสักเท่าไหร่ หากเจอแก้วตาก็คงมีปากเสียงกัน ...เขาไม่ได้ตอบอะไร หมอหนุ่มในวัยสามสิบห้านี้ผ่านอะไรมาก็เยอะ ประสบการณ์สอนอะไรหลายอย่าง แต่ด้วยนิสัยของเขาทำให้ไม่สามารถละทิ้งบางอย่างไปได้ “หรือว่าคุณแก้วตาก่อเรื่องอะไรอีกคะ” “ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมขอตัวก่อน” ชายหนุ่มลุกขึ้นเดินกลับเข้าไปในห้องนอนเวรของตัวเอง เขาข่มเปลือกตาลงเบา ๆ หากวันนั้นตัดสินใจรับรักของกานต์พิชชา เรื่องของเขาก็คงง่ายกว่านี้... เช้าวันต่อมา... เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาละม้ายคล้ายกับเจ้าของห้องนี้ ทำให้เจ้าของห้องพ่นลมหายใจออกมาเบา ๆ “ตื่นเช้าชะมัด” เจตนัยโวยน้องชายที่เข้ามาหาแต่เช้า จิณณะเพียงแค่ฉีกยิ้มให้อย่างกวน ๆ “พ่อให้มาถามเรื่องหลาน นานป้ะ” “อือ หมอนัดพาแก้วตาไปฉีดฮอร์โมนวันพรุ่งนี้” น้ำเสียงของพี่ชายนั้นเนือย ๆ “สรุปคือเธอตั้งท้องไม่ได้หรือพี่ไม่มีน้ำยากันแน่ ฮ่า ๆ” น้องชายล้อเลียน แซวว่าจริง ๆ แล้วอาจจะเป็นเพราะพี่ชายที่ไม่มีน้ำยาเอง “หึ ใครมันจะไปมีน้ำยาเท่าคุณล่ะครับ” คนเป็นพี่ประชด เขาร่างกายปกติ น้ำเชื้อของเขาก็ปกติ แข็งแรงมีประสิทธิภาพทุกตัว “แล้วทำไมเธอมีลูกไม่ได้วะ” “ไม่ใช่ว่ามีลูกไม่ได้ ผนังมดลูกของแก้วตาบาง อสุจิฝังไม่ได้ มันหลุดก็เลยอุ้มท้องไม่ได้” “อ้าวเหรอ...ทำไมวะ ผู้หญิงเป็นงี้เยอะป้ะ ผมจะได้เลือกดี ๆ หน่อย จะได้ไม่ยุ่งยากเหมือนพี่” “ไม่หรอก ผู้หญิงไม่ได้เป็นกันเยอะ เป็นแค่บางคน” ว่าน้ำเสียงราบเรียบ ระหว่างนี้นิ้วมือก็คลิกเม้าท์ไปด้วย พูดไปทำงานไป “เหรอ แบบนี้ก็คงต้องหาคนอุ้มบุญจริง ๆ แหละ” คราวนี้เขาไม่ได้ตอบ “แต่ว่าทำไมแพงจังวะ” “แพงอะไร เงินล้นฟ้าสำหรับคุณมึงเยอะเหรอ” น้องชายของเขาเป็นถึงมหาเศรษฐี แต่กลับบ่นเรื่องเงินไม่กี่ล้านนี้ “โหพี่ นี่แหละ...ยิ่งรวยก็ยิ่งงกพี่ไม่เคยได้ยินเหรอ” เจตนัยส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะลุกขึ้นบิดขี้เกียจเมื่อถึงเวลาออกเวรแล้ว “พี่กลับละ” “อ้าว ผมอุตส่าห์มาหาเนี่ย” “พ่อให้มาสืบไม่ใช่หรือไง ก็บอกไปว่ากำลังดำเนินการอยู่ ถ้าแก้วตาไข่ตกแล้วก็จะเริ่มทำเลย” “โอเค งั้นเดี๋ยวผมไปด้วย” “ไปไหน” “ก็ไปบ้านพี่ไง น้องชายไปเยี่ยมบ้านไม่ได้เหรอ” เจตนัยส่ายหน้าเบา ๆ จิณณะคงมาตามเรื่องมีลูกให้พ่อแม่ของเขา “หึ ไม่ต้องหรอก” คนเป็นพี่ยืนกราน ได้ยินอย่างนั้นน้องชายก็ไม่เซ้าซี้ ยอมพยักหน้ารับเบา ๆ ในที่สุด เวลาต่อมา... กานต์พิชชาตื่นมาทำอาหารให้แก้วตาอีกเช่นเคย คราวนี้เจ้าหล่อนถึงกับมาปลุกเธอถึงห้อง เพราะเมื่อคืนนอนไม่หลับทำให้เช้าวันนี้ไม่สดใส รู้สึกผิดในใจที่นอนพักผ่อนไม่เพียงพอตามที่หมอเจตน์ต้องการ ทว่าระหว่างที่ยืนหันหลังทำกับข้าวอยู่นั้น ความรู้สึกจั๊กจี้ที่เอวก็ทำให้สะดุ้งโหยง “อ๊ะ!!...พี่เจตน์!” “หึ...ทำไร” เขาชะเง้อคอมองก็เห็นว่าเธอกำลังทำอาหารอยู่ เกิดคำถามตามมาหลายอย่าง ทว่าไม่ทันที่จะได้เอ่ยถาม “เอ่อ พอดีว่าฉันอยากทำอาหารค่ะ” เธอก็รีบเอ่ยบอกเสียก่อน กานต์พิชชาไม่อยากให้เขาทะเลาะกับภรรยา หากบอกว่าแก้วตาสั่งให้ทำก็คงจะไม่ดี แต่แล้ว “แก้วตาสั่งเหรอ” เขากลับรู้ทัน หมอหนุ่มรู้จักภรรยาของตัวเองดียิ่งกว่าใคร ซึ่งแววตาของกานต์พิชชานั้น กลับทำให้เขารู้ความจริงโดยที่เธอไม่ต้องพูด “คือว่าฉันก็ชอบทำอาหารอยู่แล้วค่ะ” “ก็เลยทำไม่ขัดขืนงั้นสิ พี่จ้างเธอมาอุ้มบุญ ไม่ได้จ้างมาทำงานบ้าน” เจตนัยนั้นสื่อสารออกมาในฉบับที่ทำให้คนฟังรู้สึกว่าเขากำลังต่อว่า “พี่อยากให้เรารู้จักปฏิเสธ” “_” “แต่ก็นั่นแหละ พี่ก็รู้ว่าควรไปบอกแก้วตา” “ฉันไม่อยากให้พี่ต้องทะเลาะกับเธอค่ะ” แม้นจะรัก และอิจฉามากเพียงใด แต่การสาปแช่งให้อีกฝ่ายเลิกกันนั้นไม่เคยมีอยู่ในหัวของเธอเลย แค่แอบรักคนมีเจ้าของก็ผิดบาปมากอยู่แล้ว “หึ ก็ไม่มีวันไหนที่ไม่ทะเลาะ ฮ่า ๆ” เขาหัวเราะออกมา แต่แววตาของเขานั้นกลับทำให้กานต์พิชชาขำไม่ออก มันดูเศร้าหมอง และหม่นในเวลาเดียวกัน “ฉันทำต้มยำกุ้งค่ะ กินไรมาหรือยังคะ” “ยังเลย เพิ่งออกเวรน่ะ” ยิ้มให้เธอบาง ๆ ทว่าพอหันหลังกลับมาก็ต้องตกใจกับร่างบางของภรรยาสาวที่กำลังยืนกอดอกพิงกรอบประตูห้องครัวอยู่ สายตาของเธอบอกกับเขาว่าไม่พอใจเป็นอย่างมาก “กลับมาแทนที่จะมาหาเมียเป็นคนแรก” ประชดออกไปในที่สุด แก้วตาสงสัยในความสัมพันธ์ของกานต์พิชชากับผู้เป็นสามี “ก็ไม่เห็น แก้วไปไหนล่ะเมื่อกี้ ปกตินั่งเล่นอยู่บนโซฟา” “ไม่เห็นก็ต้องเดินหาสิ” เธอโกรธเขามากจริง ๆ สายตาที่กานต์พิชชามองสามีนั้นตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน เป็นแววตาหวานทอดสะพานให้สามีของเธอ “เดินหาก็เลยมาเจอกานต์ที่ห้องครัวไงครับ” เขาว่าน้ำเสียงราบเรียบ เดินไปหาคนตัวเล็กกว่าพร้อมกับยิ้มให้บาง ๆ ก่อนที่แก้วตาจะเดินนำออกไปข้างนอกห้องครัว “แก้วรู้สึกไม่ชอบใจเลยค่ะ” เจตนัยเดินตามออกมา พอเธอเอ่ยพูดเขาก็ชะงักฝ่าเท้าไว้ “ผู้หญิงคนนี้คิดไม่ซื่อกับเจตน์แน่ ๆ” “คิดมากน่า” “หรือเจตน์กับมันเคยมีสัมพันธ์อะไรกัน ทำไมเจตน์ถึงอยากได้มันมาอุ้มลูกของเรานักหนา” แก้วตากอดอกพูด เพราะความรู้สึกของเธอนั้นไม่ไว้วางใจกานต์พิชชาแม้นจะเพิ่งเจอหน้ากัน ความรู้สึกตงิดในใจนี้ทำให้เธอไม่สามารถอดกลั้นความรู้สึกของตัวเองได้ "ไม่มีอะไรหรอก ไม่ต้องคิดมาก ที่เจตน์เลือกกานต์เพราะไว้ใจ กานต์เป็นคนดี ไม่คิดร้ายกับใคร ลูกเราจะได้แข็งแรง ไม่มีปัญหาแย่งชิงเด็กอะไรต่อหลังคลอดด้วย” พอเขาอธิบายยาวเหยียดก็เชื่อ เธอผ่อนลมหายใจออกมาเบา ๆ “เฮ้อ...ก็ขอให้ไม่มีอะไรอย่างที่พูดเถอะค่ะ” “ไม่มีแน่นอนครับ บอกแล้วไงว่าจะไม่มีวันทิ้งแก้ว” พอได้ยินอย่างนี้ใบหน้าสวยก็พยักหน้ารับ เธอเชื่อสนิทใจ “อย่าทิ้งแก้วนะ สัญญาไว้แล้วนะ” ว่าพร้อมกับขยับเข้าสวมกอดเอวหนา เชื่อว่าเขาจะไม่มีวันทิ้งเธอ เจตนัยเป็นอย่างไรเธอรู้ดี แต่ก็อดที่จะหวั่นใจกับผู้หญิงที่เขาพาเข้าบ้านคนนี้ไม่ได้ แม้นจะมีคนหลายคนเข้าหาผู้เป็นสามี แต่รอยยิ้มที่เขายิ้มให้กานต์พิชชานั้นต่างจากคนอื่นมากเลยทีเดียว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD