บทที่ 3 อิจฉา

1481 Words
หลายวันต่อมา... บ้านเดี่ยวสองชั้นใจกลางกรุงนี้ตั้งอยู่ในหมู่บ้านจัดสรรไม่ไกลจากโรงพยาบาลที่เจตนัยทำงานอยู่ ศัลยแพทย์ระบบประสาทและสมองอย่างเขานั้นไม่ค่อยว่างมากนัก การซื้อบ้านที่ไม่ไกลจากที่ทำงานก็เป็นทางออกที่ดี “พี่อยากให้เธอกินอะไรดี ๆ จะได้เตรียมพร้อมตั้งครรภ์ได้อย่างปลอดภัยทั้งเธอเองและก็เด็กด้วย” เสียงทุ้มชวนฝันนั้นเธอคิดถึง หลายปีที่ไม่ได้เจอกันนั้นเขาทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงได้เหมือนเดิม กระนั้นความจริงกับความฝันช่างต่างกันลี้ลับ ท่องไว้ในใจ สัญญาเป็นหมั้นเป็นเหมาะกับตัวเองว่าจะไม่ทำผิดศีลธรรม “ค่ะ” “ถ้าติดขัดอะไรก็บอกพี่ แก้วตาเขาเป็นอินฟลูเอนเซอร์ คนดังในโซเชียลอะไรแบบนั้น เวลาเขาไลฟ์สดก็อาจจะต้องงดใช้เสียงหน่อย” เธอพยักหน้ารับเบา ๆ ปกติก็ไม่ได้เล่นโซเชียลนักก็เลยไม่รู้ว่าแก้วตาดังมากแค่ไหน “แล้วเป็นไงบ้าง ไม่ได้เจอกันนานเลย” สองฝ่าเท้าชะงัก เจตนัยพาเธอเดินอ้อมบ้าน เพื่อจะได้รู้ทุกซอกทุกมุมของบ้านหลังนี้ ซึ่งการชะงักของเธอก็ทำให้เขาต้องหยุดเดินตามไปด้วย “มันคงหนักเลยใช่ไหม” เขาไม่ได้อยากซักไซ้นัก แต่ว่าการที่เธอจะมาอุ้มท้องลูกของเขานั้นก็อยากจะให้เธอเปิดใจ หากว่ามีเรื่องเครียดจะได้จัดการได้ทันท่วงทีไม่กระทบกับเด็กในท้อง “หมายถึงเรื่องสามีเก่าน่ะ แต่ถ้าไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไรนะ” “เอ่อ...” เธอยังไม่มีสามี ไม่มีลูกน่ะสิ แต่ตามกฎหมายแล้วคนที่จะรับหน้าที่อุ้มบุญได้นั้นต้องผ่านการมีลูกมาก่อน จะบอกความจริงก็คงไม่ได้ “เราเลิกกันด้วยดีค่ะ” “หึ ดีนะที่ยังเลิกได้” พอเขาพูดคำนี้ก็ทำให้คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน เจตนัยนิ่งไปครู่หนึ่ง ราวกับว่ามีบางอย่างอยู่ในหัวของเขาที่ไม่อาจพูดให้ใครเข้าใจได้ “มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าคะ” เธอถามเสียงเล็กเสียงน้อย กานต์พิชชากุมมือที่หน้าขา แม้นจะไม่ได้รักเป็นแฟน แต่การได้เป็นพี่น้องกับเขาก็ถือเป็นเรื่องที่ดี “ไม่มีไรหรอก ช่วงนี้ก็กินอะไรดี ๆ นะ” “ค่ะ ฉันจะทำหน้าที่ให้ดี” เขาคงเป็นห่วง เกรงว่าเธอจะไม่พร้อมตั้งครรภ์ให้ ซึ่งช่วงนี้เป็นช่วงที่หมอจะทำการฉีดฮอร์โมนกระตุ้นไข่ให้กับคุณแก้วตา เพื่อจะได้นำไข่และน้ำเชื้อของหมอเจ-ตนัยมาผสมในหลอดแก้ว ก่อนจะฝังเข้าสู่มดลูกของเธอเพื่อจะได้อุ้มท้องแทน โดยที่เธอเองก็ไม่รู้ว่าสาเหตุที่แก้วตาตั้งครรภ์ไม่ได้นั้นเกิดจากอะไร เพราะเขาไม่บอกและเธอก็ไม่ใช่คนเซ้าซี้อะไร ถือเป็นเรื่องส่วนตัว “ถ้ามีปัญหาอะไรก็บอกพี่นะ อย่าเครียดหรือกังวลอยู่คนเดียว แล้วก็อย่าทำอะไรผาดโผนล่ะ” “ค่ะ...” เธอตอบรับพร้อมกับยิ้มกว้าง ใบหน้ายิ้มแป้นนี้ทำให้หวนนึกถึงกานต์พิชชาในวัยมัธยมคอซอง ความใสซื่อนี้ทำให้เขานึกเอ็นดู ฝ่ามือหนาวางลงบนศีรษะทุยเล็กเบา ๆ “น่ารักเหมือนเดิมเลยนะ” เขาโยกศีรษะของเธอเล็กน้อย โดยที่ไม่รู้ตัวว่ากำลังทำให้ใครบางคนหวั่นไหว หวั่นไหวซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทว่า “ทำอะไรน่ะ!” เสียงเล็กแหลมดังขึ้นจากทางด้านหลัง ทำเอาคนสองคนต้องแยกจากกันในทันที กานต์พิชชาเลิ่กลั่กอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่คนตัวโตไม่ได้รู้สึกอะไร คงเป็นเพราะเขาไม่ได้คิดอะไรกับเธอ “ก็พากานต์สำรวจบ้าน” แก้วตามองตาขวาง เดินมาสอดแขนคล้องแขนสามีหนุ่ม เธอเป็นสาวสวยที่ใครเห็นก็ต้องมอง สัดส่วนหน้าอกหน้าใจที่เซ็กซี่ยั่วยวนนั้นทำให้ผู้ชายหลายคนที่เห็นต้องเอี้ยวหน้าหันมามอง แก้วตาสูงมากเป็นนางแบบได้ไม่ยาก แต่เธอก็ไม่ได้เข้าวงการบันเทิง หญิงสาวทำงานออนไลน์ รับถ่ายแบบเป็นฟรีแลนซ์ ไม่ได้โด่งดังจนเป็นกระแส แต่มีชื่อเสียงมากพอสมควร “เห็นออกมานานก็นึกว่ามีอะไร ถ้าเสร็จแล้วเราออกไปกินข้าวข้างนอกนะคะ” “ได้สิ เดี๋ยวกานต์ไปด้วย” “ไปด้วย? ...ไม่เอาอะ เราไปกันสองคนดีกว่า ส่วนเธอเดี๋ยวให้เงินไปกินข้างนอกก็ได้นี่คะ” กานต์พิชชาก้มหน้า ขบริมฝีปากล่างไว้แน่น สถานการณ์อึดอัดนี้มันยังไงกัน ชวนให้รู้สึกกระอักกระอ่วนใจอยู่ไม่น้อย “เราควรไปด้วยกันนะ กานต์มาอยู่บ้านเราจะปล่อยให้แขกกินข้าวคนเดียวเหรอ” เขาไม่เห็นสมควรที่จะทำอย่างนั้น เป็นการเสียมารยาทอีกด้วย “แต่เธอก็ไม่ได้มาอยู่ฟรี ๆ นี่คะ เราต้องจ่ายเงินจ้างนะ เจตน์เข้าใจอะไรผิดป้ะเนี่ย” ใบหน้างอนตุ๊บป่องของภรรยาสาวทำให้ชายหนุ่มรู้สึกเป็นกังวลใจ “เอ่อ...พอดีว่าตอนนี้ยังไม่หิวน่ะค่ะ” กานต์พิชชาเห็นท่าไม่ดีรีบเอ่ยแทรก แต่เจตนัยก็พอดูออกว่าเธอเกรงใจ เขาพ่นลมหายใจออกมาเบา ๆ “ถ้าอย่างนั้น...อยากกินอะไรไหมจะได้ซื้อมาฝาก” “อืม...ไม่ดีกว่าค่ะ เดี๋ยวฉันโทรสั่งเอาก็ได้ค่ะ” “เรื่องมาก...” ไม่ใช่เสียงของเจตนัย แต่เป็นเสียงของภรรยาสาวข้างกายต่างหาก แก้วตาไม่ถูกชะตากับกานต์พิชชามาก ๆ คงเป็นเพราะสายตาหวานฉ่ำที่หล่อนใช้มองสามีของเธอก็เป็นได้ “แก้ว...” เจตนัยส่ายหน้าเบา ๆ ไม่อยากให้แก้วตาทำนิสัยไม่ดีใส่กับแขกที่มาอยู่บ้าน “เราตกลงกันว่าไง” “รู้เหอะน่า ถ้าไม่ใช่เพราะมรดกฉันไม่ยอมให้ผู้หญิงคนอื่นเข้ามาอยู่ในบ้าน ให้มายืนหน้าสลอนมองหน้าสามีตัวเองตาหวานแบบนี้หรอกนะ” กานต์พิชชาดวงตาเบิกกว้าง ไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าตนใช้สายตามองเขาคนนี้อย่างไร “แก้ว...” เจตนัยข่มอารมณ์ด้วยน้ำเสียงเข้ม แก้วตากลอกตามองบนก่อนจะกระทืบเท้าเดินหนีไป “พี่ขอโทษด้วยนะ” “ไม่เป็นไรค่ะ แต่ว่า...ฉันไม่ได้มองพี่แบบนั้นเลยนะคะ” เจตนัยไม่ได้ตอบอะไร เขาก็รู้สึกเช่นเดียวกับแก้วตาว่าเธอมองเขาดวงตาเป็นประกายมากแค่ไหน ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจเสมอ ไม่สามารถโกหกได้หรอก “โอเค พี่ไม่ได้ว่าอะไร แต่ว่าตอนนี้พี่ขอตัวก่อนนะ” เขาว่าเสร็จก็เดินหายไป เห็นอีกทีผ่านบานกระจกของตัวบ้าน ร่างหนานั้นเดินไปช้อนหลังภรรยาของเขา ก่อนจะสวมกอดเธอจากทางด้านหลังราวกับว่ากำลังง้ออีกฝ่ายอยู่กลาย ๆ ...ความรู้สึกนี้เป็นอย่างไร เธอเคยรู้สึกมาแล้ว อิจฉาปนไปด้วยความรู้สึกน้อยใจ กานต์พิชชาหันหลังให้กับภาพบาดตา การกลับมาครั้งนี้ของเขายังคงทำให้เธอเจ็บหน่วงหัวใจได้เหมือนเคย ขณะเดียวกันนั้น... “ขอโทษ เจตน์ขอโทษนะถ้าพูดอะไรไม่เข้าหู” เสียงทุ้มลึกกระซิบเบา ๆ ที่ข้างหูภรรยาสาวจากทางด้านหลัง แก้วตาถอนหายใจออกมาเบา ๆ “ทำไมต้องส่ายหน้าเหมือนกับเอือม ๆ กันต่อหน้าคนอื่นด้วย” เธอว่าด้วยน้ำเสียงน้อยใจ หมุนกายมาสบตากับเขา “ไม่ใช่เอือม แค่ไม่อยากให้แก้วทำหน้าแบบนั้นกับแขก” “เฮ้อ...แล้วเจตน์จะทำแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหนล่ะ ชวนไปด้วย อยู่กับมันสองต่อสอง” “ไม่มีอะไรหรอกน่า แก้วเพิ่งเจอกานต์แต่ทำไมเหมือนกับโกรธ ไม่ถูกใจแบบนั้น” “ไม่รู้สิ แต่เจตน์รู้ป้ะว่าเซนส์ผู้หญิงมันแรงแค่ไหน” “หือ...” “แก้วเห็นแววตาที่นัง...เอ่อ ที่กานต์ใช้มองเจตน์แล้วก็รู้สึกแปลก ๆ อะ” “ไม่มีอะไรหรอกน่า” เขาว่าพร้อมกับส่ายหน้าเบา ๆ ทว่า “เจตน์บอกรู้จักมันมานานแล้ว...มันชอบเจตน์หรือเปล่า” เปลือกตาหนากะพริบปริบ ๆ เพราะเขารู้ดี แต่กลับเลือกที่จะปิดบังเพื่อความสบายใจของเธอ “ไม่รู้สิ ไหนบอกว่าอยากออกไปหาไรกิน ไม่ไปแล้ว?” ชายหนุ่มเปลี่ยนเรื่อง ซึ่งแก้วตาก็คล้อยตาม “ไปสิ หิวจะแย่แล้วนะ!” เธอย่นจมูกให้เขา ก่อนจะเปลี่ยนไปควงแขน แนบใบหน้าที่หัวไหล่หนา เดินไปขึ้นรถโดยไม่ลืมคว้าเอากระเป๋าสะพายแบรนด์หรูติดตัวไปด้วย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD