...แก้วตาไม่พอใจสักเท่าไหร่ที่สามีหนุ่มเดินไม่รอเธอเลย หญิงสาวยืนกอดอกด้วยท่าทีงอน ๆ
“เดินไม่รอแก้วเลย”
“ได้ยินเสียงดัง ก็นึกว่ามีอุบัติเหตุร้ายแรงเลยรีบเดินไปดู ขอโทษด้วยนะ” เขายิ้มบาง ๆ ให้กับความขี้งอนของภรรยาสาว
“ก็ไม่เห็นเป็นไรเลย”
“หัวเข่าโขกแรงนะ มีเลือดไหลด้วย” เจตนัยเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ก่อนจะหันไปคุยกับพนักงาน
“มีปลาสเตอร์ปิดแผลไหมครับ”
“มีนะครับ คุณลูกค้ารอสักครู่นะครับ” พอพนักงานตอบกลับก็โล่งอก ด้วยนิสัยที่ชอบเห็นอกเห็นใจคนอื่นอยู่เรื่อยของเขาทำให้ภรรยาสาวเบื่อหน่าย เธอไม่ชอบสักเท่าไหร่
...พอได้ปลาสเตอร์มาแล้วทั้งสองก็เดินกลับมาหาสองพี่น้อง กานต์พิชชาไม่อาจใจกล้าสบสายตากับชายที่เป็นรักแรกของเธอได้ หญิงสาวก้มหน้างุดเช่นเดิม
“ไม่เจอกันนานเลยนะกานต์ นี่ปลาสเตอร์” เขายื่นที่ปิดแผลมาให้เธอตรงหน้า ทำให้สาวเจ้าจำเป็นที่จะต้องเงยหน้าขึ้นมองพร้อมกับยื่นมือไปรับ
“ขอบคุณค่ะ” ไม่ลืมกล่าวขอบคุณเป็นมารยาท
“นี่น่ะเหรอกานต์พิชชา...” แก้วตาหรี่ตามองอย่างคนจับผิด พร้อมกับเลื่อนสายตามองคนตัวเล็กกว่าตั้งแต่หัวจรดเท้า หล่อนรู้สึกไม่ถูกชะตาผู้หญิงคนนี้สักเท่าไหร่ แต่ถ้าสามีเลือกก็ต้องเห็นดีเห็นงามด้วย
“สวัสดีค่ะ คุณแก้วตา”
“อ้าว...รู้จักชื่อฉันด้วยแฮะ” ไม่รู้ได้อย่างไร กานต์พิชชารู้ทุกเรื่องของเขาคนนี้ ทำไมจะไม่รู้ว่าผู้หญิงที่เขาเลือกแต่งงานด้วยนั้นมีชื่อว่าอะไร ขณะเดียวกันเจ้าของชื่อ...พอเห็นอีกฝ่ายเอ่ยเรียกชื่อราวกับรู้อยู่แล้วก็ยกยิ้มขึ้น รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาฉับพลัน
“นั่งกันดีกว่าจะได้คุยกันสะดวก” กานต์พิชชานั่งลงคนแรกเมื่อพี่สาวเอ่ยแทรก โดยลืมไปเสียสนิทว่าตัวเองเข่าเจ็บ ทำให้หลุดส่งเสียงร้องออกมาเบา ๆ พร้อมกับนิ่วหน้าไปด้วย
“ติดปลาสเตอร์ก่อนก็ได้” เขาเป็นห่วง เจตนัยเป็นห่วงทุกคนบนโลกใบนี้ เธอไม่ได้พิเศษอะไรหรอก ซึ่งเจ้าตัวก็รู้ดี แต่ก็อดที่จะอมยิ้มในใจไม่ได้
“ถ้างั้นเดี๋ยวฉันไปสั่งน้ำให้ก็แล้วกัน เอาไรกันล่ะ”
“ไม่ต้อง ๆ เดี๋ยวฉันไปเอง” ชายหนุ่มอาสาแทนกิ่งฤทัยจะไปสั่งเครื่องดื่มให้ ในที่นี้ก็มีแค่เขาที่เป็นผู้ชายคนเดียว ซึ่งการกระทำของเขาทำให้ภรรยาสาวไม่พอใจอีกเช่นเคย ต่างจากกานต์พิชชาที่รู้สึกประทับใจมาก เจตนัยเป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น เหมือนกับช่วงที่เธอเรียนมัธยมไม่มีผิดเพี้ยน
“โอเค งั้นฉันเอาลาเต้” ชายหนุ่มพยักหน้ารับ แต่พอหันไปมองกานต์พิชชาก็ทำให้เขานึกอะไรบางอย่างได้
“กานต์ชาเขียวมัทฉะแน่ ๆ”
“หึ จำได้ด้วย” หญิงสาวยิ้มบาง ๆ ให้กับชายหนุ่มที่เป็นรักแรกของเธอ ซึ่งท่าทีเหนียมอายของเจ้าหล่อนก็ไม่อาจรอดพ้นสายตาของแก้วตาได้ เธอจ้องมองแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร เกรงว่าจะทำให้เสียบรรยากาศ ทว่า
“แก้ว...ชาไทยนะครับ”
“ค่ะ” เขาจำของภรรยาได้ด้วย ไม่แปลกเลย แปลกที่ความคิดของเธอต่างหากที่แอบอยากให้เขาจำได้แค่ของเธอคนเดียว กานต์พิชชาส่ายหน้าเบา ๆ เห็นท่าการอุ้มบุญคราวนี้คงไม่ราบรื่นอย่างที่คิด
“นี่แก้วตาจำได้ใช่ไหม แก้วตาเป็นแฟนกับเจตน์ตั้งแต่สมัยเรียนน่ะ ถึงจะอยู่คนละคณะแต่ก็เจอกันบ่อย คบกันนาน แต่งงาน แต่ก็ยังไม่มีลูก” กิ่งฤทัยแนะนำแก้วตาให้กับน้องสาวได้รู้จัก ซึ่งอีกฝ่ายก็เพียงแค่ยิ้มน้อย ๆ เป็นการทักทาย เพราะเธอเองก็รู้ดีเช่นกัน
“เธอจะย้ายมาอยู่บ้านเดียวกันกับฉันเดือนนี้เลยไหม พอฉันไปฉีดฮอร์โมนกระตุ้นไข่ก็คงหยิบจับอะไรไม่ง่าย มีเธอก็น่าจะสะดวกขึ้น”
“เดี๋ยวนะ น้องฉันไม่ใช่คนรับใช้นะคะ” กิ่งฤทัยออกตัวแทน เธอเป็นคนตรง ๆ และแรงพอสมควร เพราะอย่างนี้สาวเจ้าจึงต้องคอยปกป้องดูแลน้องสาวอยู่เสมอ
“ก็ไม่ได้บอกว่าจะให้เป็นคนรับใช้สักหน่อย” แก้วตาชักสีหน้าไม่พอใจ แต่คำพูดคำจาของเจ้าหล่อนก็ทำให้กิ่งฤทัยอดที่จะเป็นห่วงน้องสาวไม่ได้ ทว่ายังไม่ทันได้พูดอะไรเจตนัยก็กลับมาพร้อมกับถาดรองน้ำในมือเสียก่อน
“คุยอะไรกันหน้าเครียดเชียว”
“ไม่มีไรหรอก ไหนดูสิ...ชาที่นี่อร่อยไหม” แก้วตาตอบเสร็จก็คว้าเอาชาไทยขึ้นมาดูดกิน สาวเจ้ายิ้มน้อย ๆ “เจตน์สั่งหวานน้อยชะม้า รู้ใจเค้าที่สุด”
เจตนัยเพียงแค่ยิ้มให้บาง ๆ แก้วตาเป็นคนขี้อ้อน แต่การที่เธออ้อนเขาต่อหน้าคนอื่นก็ทำให้รู้สึกเขินไม่น้อย ชายหนุ่มหันไปยิ้มให้กับสองศรีพี่น้อง
“เป็นไงบ้าง หายเจ็บยัง” กานต์พิชชาตัวแข็งทื่อเมื่อถูกสายตาคมมอง เขาเลื่อนสายตาต่ำลงมองหัวเข่าของเธอ “ยังไม่ติดปลาสเตอร์นี่ แกะไม่ได้เหรอ”
“เอ่อ ดะเดี๋ยวติดเองค่ะ” เขาทำเป็นเรื่องใหญ่ไปได้ แต่ก็ทำให้รับรู้ว่าชายหนุ่มผู้นี้เป็นคนดีมากแค่ไหน แค่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็เป็นห่วง เพราะอย่างนี้...ตอนนั้นถึงตกหลุมรักเขาเข้าเต็มเป้า
“เราเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า”
“อือ ก็ดี” กิ่งฤทัยเริ่มพูดเกี่ยวกับสัญญาที่เธอไปติดต่อจากเจ้าหน้าที่ในที่ทำงานของตัวเอง หญิงสาวจัดการทุกอย่างเองเสร็จสรรพ รวมถึงปลอมเอกสารว่าน้องสาวเคยมีลูกมาแล้ว
“แล้ว...สามีของกานต์ตกลงแล้วใช่ไหม”
“คะ? ฉันยัง...”
“อ้อ เรื่องนั้นนายไม่ต้องห่วงหรอก กานต์หย่าสามีแล้วก็เลยไม่มีพันธะต่อกัน” กิ่งฤทัยแอบกุมมือน้องสาวไว้ บีบเบา ๆ ให้น้องสาวเงียบปาก เธอจะเป็นคนจัดการเองทั้งหมด
“อ้อ โอเคเลย”
“แม่หม้ายงั้นสิ แล้วลูกล่ะ” แก้วตาฉอดขึ้นทันควัน เธออยากรู้อยากเห็นเรื่องของกานต์พิชชา
“ก็อยู่กับสามีน่ะ ทางนั้นเขาดูแลได้ดีกว่า”
“เหรอ แสดงว่าเธอก็ไม่น่าจะดูแลลูกได้ดีงั้นสิ แล้วอย่างนี้เราจะไว้ใจให้อุ้มลูกเราได้เหรอ” แก้วตาหันมาพูดกับคนเป็นสามีข้างกาย ก่อนที่เขาจะส่ายหน้าเบา ๆ
“ไม่หรอก กานต์เป็นคนดีมาก” ชายหนุ่มมองหน้าของกานต์พิชชา เพราะรู้อยู่แก่ใจว่าสาวน้อยคนนี้มีนิสัยอย่างไร เพราะฉะนั้นแม้จะต้องจ่ายเงินมากแค่ไหนก็อยากให้กานต์พิชชาเป็นคนอุ้มบุญลูกของเขา
“เจตน์สนิทกับแม่นี่เหรอ”
“ก็...ไม่รู้สิ” เขายิ้มบาง ๆ โดยไม่ได้พูดอะไรอีก เพราะความสนิทนั้นจะพูดอยู่ฝ่ายเดียวก็ไม่ได้ หากว่ากานต์พิชชาไม่ได้รู้สึกเหมือนกันก็พลอยทำให้ความสัมพันธ์อึดอัดเสียมากกว่า
ต่างจากเธอ
กานต์พิชชาหน้าเสียเล็กน้อย เธอรู้สึกว่าช่วงนั้นสนิทกับเขามากเลยทีเดียว ตอนที่หมอหนุ่มมาติวหนังสือที่บ้านของเธอ ความสนิทสนมเกิดขึ้นตั้งแต่ตอนนั้น
“ตามที่ฉันบอก คือฉันต้องการเงินก่อน” กิ่งฤทัยเข้าประเด็นหลักทันที ปกติแล้วค่าตอบแทนและค่าบำรุงร่างกายนี้จะแบ่งให้ครึ่งต่อครึ่ง แต่ด้วยความที่กิ่งฤทัยนั้นต้องการเงินไปไถ่บ้าน ซึ่งเจตนัยก็เข้าใจดี แล้วเขาก็ไว้ใจเพื่อนสาวคนนี้มาก
“โอเค เดี๋ยวให้ธนาคารโอนให้”
“เต็มจำนวนเลยเหรอ” แก้วตาโพล่งขึ้น เธอไม่รู้เรื่องนี้
“ใช่ กิ่งมีเรื่องต้องใช้เงินน่ะ”
“อ้าว! แล้วไม่ปรึกษาแก้วก่อนอะ แก้วบอกแล้วไงว่าเดือนนี้แก้วต้องซื้อกระเป๋าที่จะออกคอลเลกชันใหม่กลางเดือนนี้”
“แก้ว...ตอนนี้เราต้องทำเรื่องนี้ก่อน”
“ก็เข้าใจ แล้วทำไมต้องจ่ายเต็มอะ” เธอเริ่มขึ้นเสียง สามีนิสัยเห็นอกเห็นใจคนอื่น โดยไม่คำนึงถึงความสุขของภรรยา
“ก็กิ่งต้องการใช้เงิน กระเป๋ามันไม่สำคัญนักหรอก”
“ทำไม! เจตน์ก็รู้ว่าเค้าเป็นคนดัง ก็ต้องมีคนรอติดตามกระเป๋าคอลเลกชันใหม่”
“รู้...แต่เรื่องนี้มันสำคัญนะ เจตน์อยากให้กานต์อุ้มบุญลูกของเรา ก็ต้องทำตามข้อตกลงที่กิ่งเขาตั้งขึ้นมา เขาให้จ่ายก่อนก็ต้องยอม” น้ำเสียงของชายหนุ่มนั้นเต็มไปด้วยความนิ่งเรียบ ไม่มีการขึ้นเสียงแต่อย่างใด ซึ่งความนิ่งสงบของเขาทำให้แก้วตาใจเย็นขึ้นบ้าง แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเหน็บแนม
“หึ ต่างจากขายน้องกินซะที่ไหนล่ะ” คำพูดของเธอทำให้คนทั้งโต๊ะตกตะลึง แต่พอกิ่งฤทัยจะสวนกลับก็เห็นใบหน้าของเพื่อนชายที่กำลังส่ายเบา ๆ ราวกับจะบอกว่าอย่าถือสาเลย
“เธอโอเคใช่ไหมกานต์ ที่จะย้ายไปอยู่บ้านหลังเดียวกันก่อน พี่ต้องการดูแลเรากับเด็กในท้อง” กานต์พิชชานิ่งไปครู่หนึ่ง ใบหน้าหล่อเหลาของเขานั้นเต็มไปด้วยความกังวลใจ เจตนัยคงอยากมีลูกมาก ถ้ามันเป็นความต้องการของเขา เธอก็อยากทำให้
“ค่ะ...” พยักหน้ารับเล็กน้อย แม้นจะแอบกังวลกับภรรยาของเขาบ้าง แต่พอเห็นใบหน้ายิ้มรับของเขาก็ทำให้คิดว่าการตัดสินใจครั้งนี้...ไม่มีอะไรต้องกังวล