เสียงดนตรีสดในคลับและแสงสีวูบวาบทำให้อัญชิตาปวดศีรษะจนอยากกลับไปที่โรงแรม แต่หากไปตอนนี้ผู้ชายใจร้ายคงหัวเราะเยาะเธอลับหลังแน่ๆ
“แอน ไม่ได้เจอกันนาน สวยขึ้นเยอะเลยนะ....”
ชานนท์ โชติไพบูลย์ มองสาวสวยที่ไม่ได้เจอหน้านานกว่าสิบสามปี ตอนอัญชิตาเพิ่งเรียนจบว่าน่ารักมากแล้ว แต่เทียบกับตอนนี้ไม่ได้เลยแม้แต่น้อย เรือนร่างที่เคยผอมบางยามนี้อวบอัดน่ากอดก่าย เนินอกที่ล้นทะลักออกมาจากเดรสสีร้อนแรง กระตุ้นความหื่นกระหายดำมืด ก่อเกิดความปรารถนาและทำให้เขาอยากสัมผัสเรือนร่างของเธอ
“สวัสดีค่ะ คุณนนท์สบายดีนะคะ”
อัญชิตากัดฟันตอบ แม้ไม่อยากคุยกับคนตรงหน้า แต่ก็ต้องรักษามารยาทเพราะอยู่ในที่สาธารณะ เธอภาวนาให้พันเดชกลับมาหาโดยเร็ว และพาเธอหนีจากความอึดอัดแทบอาเจียนนี่เสียที
“มาเที่ยวคนเดียวเหรอแอน”
“เปล่าค่ะ” เธอตอบเสียงสั่น กำหมัดแน่นเมื่อภาพในอดีตย้อนกลับเข้ามาในหัวเป็นฉากๆ แม้จะบอกกับตัวเองซ้ำๆ ว่าไม่ใช่คนผิด ไม่จำเป็นต้องหลบซ่อนหรือหวาดกลัว แต่สิ่งที่เขาทำก็ไม่ใช่เรื่องที่ลืมกันได้ง่ายๆ
“พักที่ไหนล่ะ เที่ยวเสร็จพี่จะได้แวะไปหา”
“แอน...ฉันไม่สะดวกค่ะ”
“พูดจาอย่างกับคนไม่รู้จักกัน ว่าแต่ตอนนี้แอนพร้อมหรือยังล่ะ อายุสามสิบกว่าแล้วนะ คงไม่เรื่องมากเหมือนเดิมใช่ไหม” ชานนท์ถามด้วยเสียงไม่เบาเพราะต้องการกดดันให้อัญชิตาอับอาย แต่ก่อนที่จะทำให้เธอยอมสยบแทบเท้าได้ เขาก็ถูกคนที่เพิ่งเข้ามาในคลับตะโกนเรียกเสียก่อน
อัญชิตาหันไปตามเสียงเรียก ปรากฏว่าเป็นหนุ่มใหญ่ไร้มารยาทที่เธอเจอบนเครื่องบินไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา
“ไม่นึกว่าจะได้เจอคุณแอนอีก ผมชื่อกิตตินะครับ เป็นเพื่อนสนิทของชานนท์ ตอนอยู่บนเครื่องว่าจะแนะนำตัวกับคุณแอน แต่แฟนคุณแอนหวงน่าดูเลย”
อัญชิตาเข้าใจได้ในทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น คนในอดีตของเธอคงเล่าเรื่องเมื่อสิบสามปีก่อนให้เพื่อนสนิทของเขาฟัง หากเดาไม่พลาดเธอคงเป็นนางมารร้ายในเรื่องเล่า หรืออย่างน้อยก็ต้องมีคำว่า ‘นังแพศยา’ อยู่ในนั้นด้วย
“หวงไปก็เท่านั้นแหละ ฉันได้ข่าวนะว่าแอนเขาชอบควงเด็กๆ เปลี่ยนแฟนบ่อย ใครก็ตามที่คบอยู่ตอนนี้ อีกไม่นานก็คงเลิก ถ้านายชอบแอน อยากจีบ ฉันก็ไม่ขัดนะ เพราะยังไงเราก็เคยใช้ผู้หญิงคนเดียวกันบ่อยๆ อยู่แล้ว”
“คุณนนท์! พูดจาอะไรระวังปากด้วยนะคะ!”
“ทำไมต้องระวัง พี่ก็แค่พูดความจริง ใครๆ ก็รู้ว่าพี่กับแอนเคยเป็นอะไรกันมาก่อน หรือว่าลืมแล้ว ต้องย้ำให้ฟังไหมว่าเรา...เคยทำอะไรกันบ้าง”
“ไอ้!...”
“อายุเยอะแล้วกล้าขึ้นนะ อยากรู้เหมือนกันว่าเวลาอยู่บนเตียงจะกล้าหรือว่าจะกลัว หึ!”
“แล้วคุณล่ะคะ ยังหัวแตกง่าย ร้องไห้เก่งเหมือนเดิมหรือเปล่า ยังเอาเปรียบผู้หญิงเก่งเหมือนเดิมไหม จริงสิ คุณกิตติทราบไหมคะว่าเพื่อนสนิทของคุณเนี่ย ถนัดแต่ใช้กำลังกับผู้หญิง แต่ถึงขนาดนั้นก็ยังแพ้เลย...”
“แอน! อย่าคิดว่าฉันไม่กล้าทำอะไรเธอนะ!”
“ก็ลองดูสิคะ! กลางผับกลางบาร์แบบนี้จะทำอะไรได้ แล้วก็อย่าคิดว่าฉันจะยอมให้คุณทำอยู่ฝ่ายเดียว เมื่อก่อนสู้ขาดใจแบบไหน วันนี้ก็ยังสู้เก่งเหมือนเดิม!”
“ปากเก่งนักนะใช่ไหม มานี่เลยมา!”
ชานนท์กระชากแขนเรียวของคนตัวเล็กโดยไม่สนใจสายตาคนรอบข้าง เขาเป็นคนอารมณ์รุนแรง อาละวาดในคลับมาหลายหนแล้ว แต่ด้วยความที่เป็นลูกชายคนเดียวของอดีตนักการเมืองชื่อดัง มีอิทธิพลของผู้ให้กำเนิดคุ้มครอง จึงไม่มีใครกล้าสอดมือเข้ามายุ่งเกี่ยวเวลาทะเลาะวิวาท แม้อีกฝ่ายจะเป็นผู้หญิงตัวเล็กก็ตามที
“อยากรู้เหมือนกันว่าจะนอนนิ่งเป็นท่อนไม้หรือว่าเก่งจนไม่ต้องสอนอะไรแล้ว!”
“ปล่อยฉันนะ!”
อัญชิตากรีดร้องเสียงดัง แต่ยังไม่ทันได้ขอความช่วยเหลือจากคนในบริเวณนั้น ร่างสูงโปร่งของคนในอดีตก็ถูกกระชากอย่างแรงจนเธอแทบล้ม ทว่าอ้อมแขนอบอุ่นกลับคว้าตัวเธอเอาไว้ได้ทัน
“มึงเป็นใคร! เก่งนักเหรอถึงกล้ามายุ่งกับเมียของกู!”
“หึ! มึงจำผิดหรือเปล่า แอนน่ะเมียกู ส่วนมึงน่ะมันก็แค่อดีตชั่วๆ ที่เขาไม่อยากจำ!”
พันเดชมาทันได้ยินประโยคดูถูกว่าอัญชิตานอนนิ่งเป็นท่อนไม้ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคำพูดเหล่านั้นถูกเอ่ยออกมาเพื่อให้เธออับอาย แต่เป็นเขาเองที่ทนฟังไม่ได้ เหวี่ยงผู้ชายคนนั้นไปเต็มแรง
“ปากดีนักนะไอ้เด็กเวร!”
พันเดชผละจากร่างบางที่เขาตระกองกอด ส่งกำปั้นเน้นๆ ปะทะเข้าใบหน้าของผู้ชายปากเสียที่พูดจาทำร้ายจิตใจอัญชิตา ทั้งคู่แลกหมัดกัน ต่อยตีจนปากแตก เรื่องอาจรุนแรงกว่านั้นมาก หากกิตติไม่เข้ามาห้ามเอาไว้เสียก่อน
“เฮ้ย! มึงอย่า! คนมองกันเต็มแล้ว กูว่ามึงอย่าเสียเวลาเลยนะ ทะเลาะกันเพราะผู้หญิงไม่มีค่ามันไม่คุ้มหรอก!” กิตติเตือนเพื่อนเสียงดัง เขาได้ฟังเรื่องของอัญชิตามามากจึงเกลียดชังตามที่ได้ยิน ทั้งๆ ที่ไม่เคยฟังความของอีกฝ่ายเลยแม้แต่คำเดียว
“ทำไมวะ! ทำไมกูต้องหยุดด้วย”
“เถอะน่า เชื่อกู!” กิตติเตือนเพื่อนอีกครั้ง
“เออ! ผู้หญิงที่กูกินจนเบื่อ แถมเอาไม่สะใจ กูไม่มาเสียเวลายุ่งด้วยหรอก!”
“ตอแหล...” พันเดชขยับเข้าไปใกล้ กระซิบประโยคเด็ดที่มีเพียงชานนท์และกิตติที่ได้ยิน เนื่องจากเสียงเพลงดังมากจนกลบแทบทุกคำพูด ทว่าอัญชิตาที่สาวเท้าตามเข้าไปเพราะนึกว่าเขาจะต่อยตีกับคนใจร้ายอีกก็ได้ยินด้วยเช่นกัน
“พี่แอนของน่ะกูงานดีและก็เอวดีมากต่างหาก มึงคงเสียดายมากสินะที่เขาไม่เอามึงแล้ว...”
“พัน พี่ว่าเรากลับกันเถอะนะ” เธอเขย่าแขนเขาแรงๆ ซึ่งพันเดชก็หันกลับมายิ้มจนตาหยี ก่อนสูดปากร้องโอยเพราะตัวเองก็ถูกหมัดของอีกฝ่ายเล่นงานเหมือนกัน ถึงจะไม่เจ็บหนักเท่าก็ตามที
“ครับพี่แอน...” เขาพยักหน้ารับคำก่อนเดินตามเธอต้อยๆ หลบสายตาเล็กน้อยอย่างรู้สึกผิด อุตส่าห์รักษามาดหนุ่มเนิร์ดไร้พิษสงมานาน แต่สุดท้ายกลับดีแตกเพราะความปากเสียของผู้ชายที่อาจเป็นคนรักเก่าของอัญชิตา
คนรักเก่า...
“แม่งเอ๊ย!”
พันเดชสบถพลางมองมือที่ใช้วิวาท รู้สึกขัดยอกพอสมควร พรุ่งนี้คงจะบวมแน่ๆ แต่เมื่อนึกได้ว่าอัญชิตายังเดินอยู่ข้างๆ เขาจึงรีบหันกลับไปขอโทษคนสวย แต่ต้องตกใจอย่างมากเมื่อเห็นหยาดน้ำสีใสบนใบหน้าสวยของเธอ
“พี่แอน ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจพูดไม่ดี”
“อือ”
“ผมแค่อยากตอกหน้าพวกมัน ไม่ได้ตั้งใจทำให้พี่เสียหาย”
“พี่เข้าใจ แต่พันอย่าเพิ่งพูดอะไรเลยนะ พี่อยากใช้ความคิดเงียบๆ น่ะ” มือเรียวปาดน้ำตา ก่อนยิ้มให้กับคนตัวใหญ่ ยืนยันว่าเธอไม่ได้เสียใจเพราะเรื่องที่เขาพูดจริงๆ
อัญชิตาคิดมาตลอดว่าตัวเองคงไม่รู้สึกอะไร หากต้องเจอกับคนใจร้ายอีกครั้ง เรื่องที่เขาชอบพูดจาแย่ๆ ดูถูกเธอให้รู้สึกว่าตัวเองไร้ค่ายังคงเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือประโยคทุเรศพวกนั้นเขาไม่ได้เก็บไว้พูดกับเธอคนเดียวแล้ว
ไม่รู้ว่าเขาพูดเรื่องแย่ๆ ของเธอให้ใครฟังบ้าง...
ทว่าสิ่งที่แย่กว่านั้นคือภาพในอดีตที่เธอพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะลบมัน แต่วันนี้กลับเด่นชัดจนน่ากลัว
“พี่แอนอย่าไปฟังพวกมันเลยนะ”
พันเดชกล่าวทำลายความเงียบเมื่อขึ้นลิฟต์และเดินจนถึงหน้าห้องพัก เขายังคงยืนรักษาระยะห่าง พูดกับเธอด้วยน้ำเสียงออดอ้อน ไม่ได้เปลี่ยนไปหลังจากได้ยินชานนท์และกิตติพูดจาแย่ๆ ให้ฟัง
พันเดชยังเหมือนเดิม...