ตอนที่ 1 เวลคัมแบ็ค!!

1368 Words
“เฮลโล!! ไทยแลนด์!! ฉันกลับมาแล้ววว” ความจริงฉันก็อยากตะโกนดัง ๆ ออกไปแบบนี้ทันทีที่เท้าแตะพื้นสนามบินสุวรรณภูมิ แต่เมื่อใช้สายตากวาดมองไปรอบ ๆ แล้วก็คิดว่าตะโกนในใจคงจะดีกว่า ก็คนเยอะยิ่งกว่าตลาดนัดจตุจักรขนาดนี้ คงต้องมีคนหันมามองฉันเพียบแน่ ๆ ความจริงแล้วฉันชอบประเทศไทย ฉันรักประเทศไทย รักมาก และไม่เคยคิดที่จะไปใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศเลยสักครั้ง ถ้าไม่ติดว่าคุณพ่อของฉัน ส่งฉันไปดัดสันดาน เอ้ย! ส่งไปหาประสบการณ์ชีวิตที่ประเทศฝรั่งเศสถึงสี่ปี ให้ตายชีวิตนี้ฉันก็ไม่มีทางไปอยู่ที่อื่นเด็ดขาด และการกลับมาครั้งนี้ฉันจะใช้ชีวิตให้สนุกสุดเหวี่ยง เอาให้คุ้มกับที่ต้องเหี่ยวเฉามาตลอดสี่ปีเลยคอยดู ..แต่ก่อนอื่น ฉันต้องปลีกตัวจากคนพวกนี้ให้ได้ก่อน.. “ยินดีต้อนรับกลับประเทศไทยครับคุณพลอยใส!” คำกล่าวต้อนรับเสียงดังฟังชัด สมกับเป็นลูกน้องของพ่อฉันจริง ๆ และนี่ก็คือกลุ่มคนที่ฉันต้องหาทางหนีให้ได้ ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่มีทางได้ใช้ชีวิตเป็นอิสระแน่ ๆ “พวกนายเอากระเป๋าของฉันกลับบ้านไปก่อนเลย แล้วก็เอากุญแจรถมานี่ ฉันจะไปบ้านเพื่อนก่อน” ฉันออกคำสั่งพร้อมกับยื่นมือไปขอกุญแจรถจากลูกน้อง ให้ทายว่าพวกนี้จะฟังที่ฉันสั่งหรือเปล่า ไม่มีทาง! “ไม่ได้ครับ คุณท่านบอกว่าให้พาตัวคุณพลอยใสกลับบ้านไปด้วยกัน ห้ามให้ไปเถลไถลที่ไหนครับ” นั่นไง คิดแล้วไม่มีผิด ไอ้พวกนี้มันเข้าใจแต่คำสั่งของพ่อฉันเท่านั้นแหละ “โอ้ย!! กี่ปี ๆ พวกนายมันก็ทำตัวน่าเบื่อเหมือนเดิม น่ารำคาญชะมัด” ในเมื่อทำอะไรไม่ได้ ฉันก็ทำได้แค่เดินกระทืบเท้าปึงปังตามลูกน้องอีกคนไปยังรถที่จอดรอรับอยู่ ให้มันได้อย่างนี้สิ หมดกันความคิดจะไปลัลล้า.. ฉันนั่งอยู่ในรถคันโตราคาเกือบยี่สิบล้าน สายตาได้แต่มองออกไปนอกหน้าต่างรถ สี่ปีที่ฉันไม่อยู่ ประเทศไทยก็เปลี่ยนไปมากเหมือนกันนะ แต่ที่ไม่เปลี่ยนไปเลยก็คงจะมีแต่พ่อฉันกับพวกลูกน้องซื่อบื้อพวกนี้แหละ /////////// “ยกกระเป๋าฉันลงมาดี ๆ นะ ถ้าเกิดพังขึ้นมาฉันจะหักเงินเดือนพวกนายให้หมดเลยคอยดู” “คุณท่านเป็นคนจ่ายเงินเดือนครับ ไม่ใช่คุณพลอยใส” เออ ให้มันได้อย่างนี้สิ มีลูกน้อง ลูกน้องก็ไม่เคยเชื่อฟังคำสั่ง อุตส่าห์เกิดมาเป็นลูกสาวคนเดียวของตระกูล จันทรพิพัฒน์ ตระกูลไฮโซเก่าแก่ชื่อดังทั้งที แต่ชีวิตนี้ไม่เคยได้ดั่งใจสักอย่าง ชีวิตพลอยใสทำไมมันอาภัพอย่างนี้วะเนี่ย “นั่นมันชุดอะไร ทำไมสั้นขนาดนั้น” เสียงทุ้มที่ฟังทีไรแล้วขนลุกทุกที ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าเป็นเสียงของพ่อฉันเอง คนที่ส่งลูกสาวตัวเองไปลำบากตรากตรำอยู่ต่างประเทศคนเดียวได้ลงคอ ถึงแม้จะส่งเงินให้ใช้ไม่ขาดมือก็เถอะ “ก็เมืองไทยมันร้อนนี่คะ แล้วอีกอย่างชุดนี้ก็ไม่เห็นจะสั้นตรงไหน” ฉันก้มมองกางเกงยีนส์ขาสั้นที่ยาวจากเอวลงมาประมาณคืบกว่า ๆ กับเสื้อครอปสายเดี่ยว ซึ่งมันก็ดูปกติดี นี่ฉันอุตส่าห์ใส่เสื้อแขนยาวคลุมข้างนอกแล้วนะ ถึงมันจะบางไปหน่อยก็แค่นั้น “แกนี่นะ ฉันอุตส่าห์ส่งไปเรียนเมืองนอก นึกว่ากลับมาจะเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาบ้าง แต่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยสักนิด” “หนูไม่ได้เป็นคนอยากจะไปสักหน่อย พ่ออยากจะส่งหนูไปเอง ช่วยไม่ได้” ฉันพูดพร้อมกับยักไหล่ให้พ่อ แล้วก็เดินขึ้นมาชั้นบนของตัวบ้าน ไม่ใช่อยากจะพักผ่อนนะ แต่ฉันจะรีบอาบน้ำแล้วออกไปหาเพื่อนสนิทต่างหากล่ะ หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยด้วยเสื้อผ้าที่เหมาะกับบรรยากาศเมืองไทยสุด ๆ ฉันก็ค่อย ๆ ย่องลงมาจากชั้นบน เพื่อที่จะไม่ให้ไอ้ลูกน้องพวกนั้นเห็นฉัน ส่วนกุญแจรถสปอร์ตคู่ใจ ฉันได้แอบทำสำรองไว้เป็นสิบอัน ต่อให้พ่อจะยึดไปกี่รอบฉันก็ยังมีกุญแจรถเสมอ “คุณพลอยใส!! หยุดครับ หยุดเดี๋ยวนี้นะครับ” เสียงโวยวายของลูกน้องดังมาแต่ไกล พอวิ่งมาถึงก็รีบทุบรถให้ฉันลงไป แต่อย่างพลอยใสจะฟังเหรอ ไม่มีทาง ฝันไปเถอะ ...พลอยใส แปลว่าอิสระ..ย่ะ “มีความสุขจริงโว้ย!!” ฉันตะโกนแข่งกับเสียงเพลงแนว EDM ที่เปิดดังกระหึ่มผ่านเครื่องเสียงราคาแพงที่โมดิฟายมาอย่างดี พร้อมกับโยกตัวไปตามจังหวะ เท้าก็เหยียบคันเร่งจนแทบจะมิดไมล์ เพื่อจะไปหาเพื่อนซี้สุดเลิฟ กลับมาทั้งทีมันต้องฉลองกันหน่อยสิ //////////// ระหว่างที่ขับรถ มือข้างหนึ่งก็กดเบอร์โทรหายัยแขไข เพื่อนสนิทที่ร่วมหัวจมท้ายมาด้วยกันตลอดตั้งแต่มัธยมต้น /ฮัลโหล๊!! ว่ายังไงคะคุณหนูพลอยใส ใกล้จะถึงบ้านฉันหรือยังล่ะค่ะ/ เอาจริง เสียงทักทายของเพื่อนฉันมันก็น่าหมั่นไส้ไม่น้อยเลยนะ /ใกล้จะถึงแล้ว แกบอกให้คนเปิดประตูรั้วรอเลย แล้วก็นับถอยหลังอีก 2 นาทีเจอกัน/ /ได้เลยเพื่อนเลิฟ/ หลังจากวางสาย 2 นาทีพอดิบพอดีฉันก็เลี้ยวรถเข้าจอดในบ้านหลังใหญ่พอ ๆ กับบ้านฉัน บ้านหลังนี้แขไขอยู่คนเดียว ส่วนพ่อกับแม่อยู่อีกหลังหนึ่ง เห็นไหม ใคร ๆ เขาก็แยกบ้านกันแล้วทั้งนั้น มีแต่ฉันเท่านั้นแหละที่พ่อกับแม่ไม่ยอมให้แยกบ้านสักที แถมยังบอกอีกว่า ต้องแต่งงานเท่านั้นฉันถึงจะมีสิทธิ์ย้ายออกจากบ้านได้ ส่วนเหตุผลนะเหรอ พ่อกับแม่บอกว่ากลัวฉันจะอดตายเพราะทำมาหากินไม่เป็น เฮ้อ! “เวลคัมแบ็ค! ค่าคุณเพื่อนสุดที่รัก เก่งนี่ที่หนีคุณพ่อจอมโหดออกมาหาฉันได้” เสียงต้อนรับดังลงมาจากทางชั้นสอง พร้อมกับร่างเพรียวบางฉบับนางแบบเบอร์หนึ่งของเมืองไทยกำลังก้าวลงมาทางบันได “แกก็รู้ว่าไม่มีใครจะขังฉันได้นานเกิน 5 นาที” ฉันตอบกลับไปพร้อมกับรอยยิ้มภาคภูมิใจในความฉลาด ที่ฉันสามารถหนีพ่อออกมาได้ “ขังได้ไม่เกิน 5 นาที แต่ดันถูกส่งไปฝรั่งเศสตั้งสี่ปี” “นี่ยัยแข แกเลิกพูดเรื่องฝรั่งเศสได้ไหม แกไม่รู้หรอกว่ามันโคตรน่าเบื่อ” พูดเสร็จฉันก็ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาโดยที่ไม่ต้องรอคำเชิญจากเจ้าของบ้าน “แล้วนี่วางแผนจะไปไหนยะ แต่งตัวมาซะขนาดนี้” แขไขพูดพลางไล่สายตามองดูชุดเดรสสายเดี่ยวแสนสั้นสีแดงเพลิงที่ฉันใส่อยู่ “ออกมาทั้งที มันก็ต้องสุดเหวี่ยงหรือเปล่า ออกไปเช็คความฮอตที่ไม่ได้ใช้มาตั้งสี่ปีสักหน่อยจะเป็นไร” พูดพลางฉันก็สะบัดเส้นผมยาวสลวยไปมา หน้าตาก็สวยขนาดนี้แท้ ๆ แต่ฉันก็ดันโสดมาจนถึงตอนนี้ “เป็นความคิดที่ดี งั้นแกรอฉันแป๊บหนึ่ง ขอไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดเริ่ด ๆ ก่อน แล้วออกไปจับผู้ชายกัน” แขไขรีบวิ่งกลับขึ้นไปข้างบนทันทีที่พูดจบ ..จับผู้ชายงั้นเหรอ.. ก็ดีเหมือนกันนะ เผื่อมีใครถูกใจจะได้ลองอะไรใหม่ ๆ ดูบ้าง ความสาวเนี่ยเก็บนานเกินไปเดี๋ยวจะเหี่ยวทิ้งไปเปล่า ๆ ///////////////////
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD