3 วันต่อมา
รถเก๋งสีดำจำนวน 5 คันแล่นเข้ามาจอดในที่จอดรถของคฤหาสน์จันทรพิพัฒน์ ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ในชุดสูทวิ่งลงจากรถแล้วรีบมาเปิดประตูให้ผู้เป็นนายทันที
อาร์เดนก้าวขาลงจากรถพร้อมกับยื่นมือไปให้พิมพ์มาดาที่ตอนนี้เป็นนายหญิงใหญ่ของบ้านเต็มตัวจับ แล้วประคองภรรยาสุดที่รักลงมาจากรถ ส่วนพายุนั่งอยู่ในรถอีกคันหนึ่ง
“เชิญคุณทั้งสามคนเข้าไปข้างในครับ นายท่านรออยู่” สิบทิศ ลูกน้องคนสนิทของก้องภพรีบวิ่งเข้ามาหา และเชิญทั้งสามคนเข้าไปข้างใน
เพราะเป็นการนัดคุยธุระเรื่องการเกี่ยวดองของทั้งสองตระกูล ทำให้วันนี้ก้องภพจัดลูกน้องดูแลบริเวณบ้านมากกว่าปกติ เพื่อความแน่ใจว่าจะไม่มีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้น
“ว่าไงคุณท่าน” ก้องภพที่รออยู่ในห้องรับแขกลุกขึ้นยืนพร้อมกับเดินเข้าไปหาเพื่อนซี้
“สวัสดีค่ะคุณก้องภพ” พิมพ์มาดายกมือขึ้นไหว้เจ้าของบ้าน ไม่ว่าจะผ่านไปกี่สิบปี เธอก็ยังคงเป็นคนที่มีความนอบน้อมเสมอต้นเสมอปลาย
“สวัสดีครับคุณพิมพ์มาดา” ก้องภพยกมือขึ้นรับไหว้
“สวัสดีครับคุณอา” พายุเองก็ยกมือขึ้นไหว้ชายวัยกลางคนที่เป็นเพื่อนสนิทของพ่อ และว่าที่พ่อตาของเขาเช่นกัน
“ไหว้พระเถอะลูก”
เมื่อทักทายกันเสร็จเรียบร้อย ทุกคนก็นั่งลงที่โซฟาในห้องรับแขก ก้องภพหันหน้าไปมาเหมือนกำลังหาอะไรสักอย่าง
“จันทร์ คุณหนูไปไหน ทำไมยังไม่ลงมา ขึ้นไปตามคุณหนู บอกว่าคุณลุงอาร์เดนมาแล้ว” ก้องภพหันไปบอกพี่เลี้ยงของลูกสาวที่ยืนอยู่ห่างออกไปไม่ไกล
“ค่ะ นายท่าน” จันทร์ก้มหัวรับคำสั่ง แล้วก็รีบเดินขึ้นไปยังชั้นบนที่เป็นห้องนอนของพลอยใสทันที
ก๊อก ก๊อก ก๊อก! เสียงเคาะประตูดังขึ้นสามครั้ง เมื่อเห็นว่าคุณหนูของตัวเองไม่เปิดสักที จันทร์เลยถือวิสาสะเปิดประตูเข้ามาข้างใน
“ตายแล้ว! คุณหนูขา ทำไมยังไม่ตื่นอาบน้ำแต่งตัวอีกล่ะคะ คุณลุงอาร์เดน คุณอาพิมพ์ แล้วก็คุณพายุมาแล้วนะคะ” พูดไปก็เขย่าตัวพลอยใสไปด้วย
เหมือนว่าคนที่นอนอยู่จะตื่นนานแล้ว แต่แค่แกล้งหลับเพราะไม่อยากลงไปข้างล่างเสียมากกว่า เพราะทันทีที่จันทร์พูดเสร็จ พลอยใสก็นอนคว่ำแล้วเอาหมอนมาปิดหัวตัวเองไว้ทันที
“คุณหนู รีบเถอะค่ะ เดี๋ยวจะโดนนายท่านดุเอานะคะ” จันทร์เขย่าตัวคุณหนูของเธออีกครั้ง คราวนี้ได้ผล พลอยใสดีดตัวลุกขึ้นพร้อมกับหันมามองจันทร์แล้วยกยิ้มกวน ๆ ใส่
“อยากให้รีบใช่ไหม ได้ งั้นก็ลงไปทั้งอย่างนี้แหละ”
ไม่แค่พูด แต่พลอยใสยังดีดตัวลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว ทั้งที่ยังอยู่ในชุดนอน
“คุณหนูขา! ไม่ได้นะคะ อย่างน้อยก็มาเปลี่ยนชุดก่อนเถอะค่ะ โอ้ย! อกอีแป้นจะแตก”
จันทร์ตะโกนตามหลัง แต่คนถูกเรียกก็ไม่ได้สนใจอะไรทั้งนั้น
//////
“คุณลุง คุณอา สวัสดีค่า” ทันทีที่เท้าก้าวพ้นบันได พลอยใสก็ยกมือขึ้นสวัสดีพร้อมกับเสียงพูดสดใส โดยที่เธอยังไม่ได้มองสำรวจว่ามีใครมาบ้าง
“ยัยพลอย!! แกทำอะไรของแกเนี่ย ทำไมถึงยังอยู่ในชุดนอน” ทันทีที่เห็นลูกสาวสุดที่รัก ก้องภพก็แทบลมออกหู เผลอตวาดพลอยใสเสียงดัง
“ก็จันทร์บอกให้หนูรีบ หนูก็รีบแล้วนี่ไงคะ” พูดเสร็จก็ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาอีกตัวหนึ่ง
พลันสายตาก็ไปหยุดอยู่ที่ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างคุณอาพิมพ์ เขามีใบหน้าหล่อเหลาราวเทพปั้นจนยากที่จะลืม ถึงแม้จะมีแว่นสายตาบดบังอยู่อีกชั้นหนึ่งก็ตามที
“อ้าว คุณหมอ มาทำอะไรที่นี่คะ” พลอยใสจำได้ดีว่าเขาคือคุณหมอที่ทำการตรวจภายในให้เธอเมื่อวันก่อน
“พูดอะไรของลูกน่ะพลอยใส สวัสดีเฮียพายุเสียสิลูก”
คราวนี้เป็นเสียงของคุณหญิงเพชรอัปสรแม่ของเธอ เอ่ยปากบอกให้ลูกสาวทักทายชายหนุ่มตรงหน้า
“ฮะ เฮียพายุเหรอคะ”
เธอทวนย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ และทุกคนก็พยักหน้ารับเป็นเชิงบอกว่าใช่พร้อมกัน
เมื่อระบบประมวลผลในสมองเริ่มทำงาน ก็ทำเอาใบหน้าหวานขึ้นสีแดงเรื่อ เขาคือเฮียพายุ และยังเป็นคนตรวจภายในให้เธอ นี่เขาเห็นร่างกายเธอไปถึงไหนต่อไหนแล้วเนี่ย
“สวัสดีครับน้องพลอย ไม่ได้เจอกันนาน ยังน่ารักเหมือนเดิมเลยนะครับ” คำทักทายจากคนตรงหน้ายิ่งตอกย้ำความอายให้เธอเข้าไปอีก
พลอยใสรีบเบือนหน้าหนี สองแก้มแดงเห่อร้อน อายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปมุดไว้ทีไหนแล้ว พยายามปฏิเสธงานแต่งงานทุกอย่างทุกทางเท่าที่ทำได้ แต่กลับวิ่งไปให้เขาเห็นภายในของตัวเองถึงที่
“เอาล่ะ มากันครบแล้ว ฉันว่าเรามาเริ่มคุยกันดีกว่านะ จะได้ไม่เสียเวลา” อาร์เดนพูดขึ้น
ทั้งสองตระกูลพูดคุยตกลงกันเรื่องงานแต่งงานของพลอยใสกับพายุ พ่อแม่ทั้งสองฝั่งต่างเห็นดีเห็นงามด้วยกันไปเสียหมด รวมถึงว่าที่เจ้าบ่าวของเธอที่เอาแต่พยักหน้าเห็นด้วยกับทุกสิ่งที่พ่อกับแม่พูด ต่างจากเธอที่ไม่มีสิทธิ์ออกความเห็นอะไรเลยแม้แต่น้อย
..นี่มันมัดมือชกกันชัด ๆ ..
หลังจากพูดคุยตกลงกันเรียบร้อย ได้ข้อสรุปว่างานแต่งงานจะถูกจัดขึ้นในอีกสองอาทิตย์ข้างหน้า ในเมื่อไม่มีทางเลือกพลอยใสจึงได้แต่กระฟัดกระเฟียดขึ้นมาบนห้องเพื่ออาบน้ำแต่งตัวใหม่ และแน่นอนว่ามันเป็นคำสั่งของพ่อเธอ เพราะจะต้องทานข้าวเที่ยงร่วมกัน
“อยากจะให้แต่งกันมากใช่ไหม ได้ จะเอาให้ร้องขอหย่าแทบไม่ทันเลยคอยดู” หญิงสาวพูดกับตัวเองก่อนที่จะเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวด้วยความไม่พอใจ
//////
หลังจากอาบน้ำแต่งตัวแล้วเดินลงมาข้างล่าง พลอยใสเห็นว่ายังจัดโต๊ะอาหารไม่เสร็จ เธอเลยออกไปเดินเล่นฆ่าเวลาพลาง ๆ
เธอยืนอยู่ตรงสวนดอกไม้ ที่เมื่อสิบกว่าปีก่อนมันเคยเป็นสนามเด็กเล่น เธอมักจะมานั่งก่อปราสาททรายที่นี่เสมอ และก็จะมีเฮียพายุของเธอมาเล่นด้วยประจำตามสัญญา จนเมื่อ 14 ปีก่อน ที่เขาหนีไปเรียนเมืองนอก
“เชอะ บอกว่าจะมาเล่นด้วยบ่อย ๆ สุดท้ายก็ทิ้งสัญญาแล้วหนีไปเรียนเมืองนอก เมืองไทยมันไม่มีที่ให้เรียนหรือยังไง แล้วจู่ ๆ ก็กลับมา ใครมันจะอยากอยู่ด้วย” พลอยใสบ่นอยู่กับตัวเอง โดยที่ไม่ทันได้สังเกตว่ามีใครยืนอยู่ข้างหลัง
“น้องพลอยยังไม่หายโกรธเฮียอีกเหรอคะ” เสียงทุ้มของใครบางคนทำให้พลอยใสต้องรีบหันกลับหลังมาดู
ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่นเมื่อถูกจับได้ว่ากำลังนินทาเขาอยู่
“ฮึ พลอยจะไปโกรธเฮียทำไม เราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย ก็แค่เรื่องตอนเด็ก ๆ”
ใบหน้าหวานเฉไปทางอื่น ทำให้พายุต้องพาตัวเองให้มาหยุดอยู่ในรัศมีสายตาของเธอ
“เฮียสัญญา ว่าหลังจากที่เราแต่งงานกันแล้ว เฮียจะไม่ทิ้งพลอยไปไหนอีก จะอยู่เล่นกับพลอยทุกวัน”
“เรื่องแต่งงานนี่ก็เหมือนกัน พลอยไม่ได้อยากจะแต่งด้วยสักหน่อย มัดมือชกกันชัด ๆ”
ใบหน้าคมเจื่อนลงทันทีที่ได้ยินคำพูด นัยน์ตาสีเทาเศร้าหมองอย่างเห็นได้ชัด เพราะภาระหน้าที่ที่เขาต้องแบกรับ เลยจำเป็นต้องไปเรียนหมอเพื่อที่จะได้มาดูแลคุณพ่อที่ไม่ชอบไปโรงพยาบาล นั่นจึงทำให้เขาต้องผิดสัญญากับเธอ
ถึงแม้อาร์เดนจะมีลูกชายฝาแฝด แต่ถ้าให้นับตามเวลาเกิด พายุถือว่าเป็นพี่ ไต้ฝุ่นเป็นน้อง รวมทั้งนิสัยที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ทำให้ผู้เป็นพ่อต้องฝากฝังทุกอย่างให้เขาดูแลรวมถึงน้องชายฝาแฝดก็ด้วย เพราะพายุเป็นคนสุขุม เอาการเอางาน แตกต่างจากไต้ฝุ่นที่มีนิสัยรักสนุก ติดเล่นเสียมากกว่า
และการแต่งงานกับลูกสาวของเพื่อนสนิทพ่อ ก็คือหน้าที่อีกอย่างของเขาเช่นกัน แต่สำหรับพายุนั้น ความรู้สึกของเขามันไม่ใช่แค่หน้าที่ เขาหลงรักพลอยใสมาตั้งแต่เธอยังเด็ก จึงพยายามมาเล่นกับเธอบ่อย ๆ แต่สุดท้าย คำว่าหน้าที่ก็ทำให้เขาและเธอต้องห่างกัน
////////////////////////////////
เฮียเขารักของเขามากนะ