“ค่ะคุณพ่อ!เพลงเองก็เห็นลุงโป่งมาตั้งแต่เล็กๆ เพลงจะดูแลลุงโป่งให้เหมือนคนในครอบครัวเราเลยค่ะ” เธอยิ้มให้พ่อด้วยแววตาที่แสนเศร้าเพราะความสงสารพ่อนั่นเอง
ห้องรับแขกสวยหรู โอ่อ่าทำหน้าที่ตอนรับแขกที่มาเยือนได้เกือบสองชั่วโมงแล้ว แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะมีเจ้าของบ้านโผล่หน้ามาหาแขกเลย นอกจากคนรับใช้ที่เข้ามาแจ้งไว้ว่าให้รอก่อน เพราะเจ้านายติดธุระด่วน ยังมาพบไม่ได้
“เพลงตกลงเขาจะมาหรือเปล่านี่ เรารอสองชั่วโมงกว่าแล้วนะ” โสภาที่อาสามาด้วย หลังจากที่ได้รับรู้เรื่องราวต่างๆ จากเพื่อนต่างวัยแล้ว
“เพลงก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะพี่โสภา เขาคงจะติดธุระมั้งคะ ว่าแต่พี่โสภามีธุระด่วนที่ไหนหรือเปล่า จะกลับก่อนเพลงก็ได้ค่ะ ส่วนเพลงยังไงๆ ก็คงต้องรอคุยกับเขาให้รู้เรื่องก่อน จะได้รู้ว่าจะเอายังไงต่อไป” เธอบอกโสภาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล จนทำให้โสภารู้สึกผิดที่ไม่รู้จักทนรอ
“พี่ไม่มีธุระที่ไหนหรอกเพลง ไหนๆ ก็มาด้วยกันแล้ว ก็เอาให้มันรู้เรื่องไปเลย ว่าแต่คุณเจนจบหรือคุณดำที่แม่สาวใช้เขาเรียกเมื่อกี้นี้นี่ จะเป็นยังไงนะ จะตัวดำ หน้าดำ หรือใจดำเหมือนชื่อหรือเปล่านี่ คนอะไรให้แขกมารอได้ตั้งสองสามชั่วโมง” โสภาไม่วายบ่น
“เพลงก็ไม่รู้ค่ะ ลุงโป่งบอกว่าไม่เคยรู้จักเหมือนกัน เพลงก็เพิ่งจะรู้ว่าชื่อเล่นเขาชื่อดำ คุณเมธีบอกแต่ชื่อจริงเท่านั้นค่ะ” เพราะไม่รู้จริงๆ
“ขอโทษนะที่ให้รอ พอดีฉันมีธุระด่วน”
เสียงของผู้ที่ถูกกล่าวขวัญถึงดังมาจากประตูห้องรับแขก ทำให้ผู้รอทั้งสองหันไปหาเจ้าของเสียงด้วยความตกใจ แล้วทั้งสองก็แปลกใจไม่แพ้กัน เพราะนายดำที่ทั้งสองคาดหวังเอาไว้ น่าจะเป็นคนอายุห้าหกสิบปี แต่ชายที่ปรากฏตัวอยู่เบื้องหน้านั้น ถ้าจะให้เดาก็ไม่น่าจะเกินสามสิบต้นๆ ทั้งสองยืนให้เจ้าของบ้านตามมารยาท
“ไม่เป็นอะไรค่ะ ไม่ทราบว่าคุณคือคุณดำใช่ไหมคะ” ระพีพรรณถามเขาด้วยความอ่อนน้อม
“ใช่ฉันคือนายดำ เชิญนั่งสิ” เขาแนะนำตัวเสียงห้วนแล้วนั่งลง พร้อมกับวางซองสีน้ำตาล ที่ด้านในมีเอกสารบรรจุอยู่ลงข้างๆ ตัว
“เธอคือระพีพรรณ ลูกนายกำพลเหรอ” เขาถามไปอย่างนั้น แต่สีหน้าไม่ได้อยากรู้อะไรเลย
“ค่ะ พอดีคุณเมธีบอกว่าคุณดำ เอ่อ...” เธอหยุดแค่นั้น เพราะดูจากสีหน้าของเจ้าของบ้านที่มองมาที่เธอ แทบจะไม่มีความเป็นมิตรเลยแม้แต่น้อย
“ฉันรู้แล้ว!เข้าเรื่องเลยก็แล้วกันนะ ฉันไม่ค่อยจะมีเวลามาก” เขาตัดบท
“คือว่าหุ้นกับบ้านที่หลุดจำนองไปเมื่อเดือนที่แล้วน่ะค่ะ ดิฉันจะมาขอความกรุณา ช่วยขยายเวลาให้อีกจะได้ไหมคะ พอดีดิฉันเพิ่งจะทราบเรื่อง ก็เลยยังไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรค่ะ”
“กี่ปีล่ะ แล้วเธอจะเอาเงินที่ไหนมาใช้ฉัน เงินไม่ใช่น้อยนะ” เขาบอกแต่แววตาแทบจะไม่อยากมองมายังเธอเลย
“แล้วไม่ทราบว่าคุณดำมีแนวทางพอจะแนะนำดิฉันได้ไหมคะ ว่าจะให้ดิฉันทำยังไง คือว่า!เอ่อ!บ้านกับโรงงานคุณพ่อท่านรักมากค่ะ ดิฉันก็เลยไม่อยากจะให้มันหลุดมือไป”
“ใครๆ เขาก็รักของๆ เขาทั้งนั้นล่ะ แล้วพ่อเธอไม่เคยเอาของๆ ใครเลยหรือยังไง พอถึงคราวของตัวเองบ้างทำจะมาโอดครวญ ขอยืดเวลา” เขาอดไม่ได้ที่จะพูดถึงคนที่ตัวเองเกลียดเข้าไส้มานานนับสิบๆ ปี!ไม่มีเสียงโต้ตอบจาก ระพีพรรณ เพราะเธอแทบจะไม่เข้าใจว่าเขาพูดถึงเรื่องอะไร
“เอาอย่างนี้ก็แล้วกันนะ ฉันมีข้อเสนอให้เธออยู่สองทาง หนึ่งคือหาเงินมาไถ่ หรือสองทำงานใช้หนี้ฉัน เมื่อครบกำหนดเธอก็เอาสมบัติพ่อเธอกลับไปได้” เขาเสนอด้วยสีหน้าเฉยเมยไม่แยแสคนตรงหน้าแม้แต่น้อย
“หมายความว่ายังไงคะ” หญิงสาวหันไปหาโสภาด้วยความงง
“ฉันไม่ชอบพูดอะไรซ้ำๆ ทางเลือกที่หนึ่งนับจากวันนี้ไปอีกสิบห้าวัน ฉันให้เวลาเธอหาเงินมาไถ่คืน ทางที่สองทำงานใช้หนี้ รายละเอียดของงานอยู่ในนี้”
เขาพูดแล้วก็โยนซองสีหน้าตาลใส่หน้าเธอ ทำให้โสภาเริ่มรู้สึกไม่ดีกับการกระทำของเจ้าของบ้าน ที่ดูจะไม่มีมารยาทเอาเสียเลย แต่ระพีพรรณก็ไม่ได้ใส่ใจ รีบหยิบเอาซองสีน้ำตาลขึ้นมาดู แล้วก็อ่านสัญญาแต่ยังไม่ทันที่จะได้รู้เรื่องอะไร เขาก็เอ่ยขึ้น
“ฉันคงไม่มีเวลามารอให้เธออ่านเอกสารหรอกนะ เอาเป็นว่าเธอกลับไปดูเองที่บ้านก็แล้วกัน ถ้าตกลงตามข้อหนึ่งก็อีกสิบห้าวัน เอาเงินห้าสิบล้านมาคืนฉันที่นี่บ่ายโมงตรง ต้องมาให้ตรงนะ ฉันไม่ชอบคุณผิดนัด ถ้าเธอมาช้าแม้แต่นาทีเดียวฉันจะถือว่าเธอไม่รับข้อเสนอฉัน และทุกอย่างก็จะเป็นของฉันทั้งหมด ทั้งๆ ที่ตอนนี้มันก็เป็นอยู่แล้ว หรือถ้าเธอเลือกข้อสอง อีกสิบห้าวันเธอก็มาพบฉันที่นี่เวลาเดียวกัน พร้อมๆ กับทำตัวให้พร้อมที่จะทำงานให้ฉันทันทีแค่นี้นะ ขอตัว!” สิ้นคำเขาก็ลุกเดินไป แต่ก็ไปยังไม่ทันพ้นประตูเขาก็หันมาอีก
“อ้อ! แล้วถ้าเธอเลือกข้อสอง วันที่เธอมา ช่วยหาใครก็ได้มาเซ็นต์รับรู้และเป็นพยานด้วย” แล้วเขาก็เดินออกไป ทิ้งให้ทั้งสองมองตามออกไปด้วยความงงไม่แพ้กัน
“มีอะไรในนั้นเพลง พี่ล่ะไม่ชอบอีตานี่เลยให้ตายสิ” โสภาอดรณทนไม่ได้
“ไปเถอะค่ะพี่โสภา” เธอไม่ตอบอะไร ได้แต่ดึงเอาแขนโสภาให้ออกมาจากห้องรับแขกของบ้านหลังใหญ่ด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยจะยินดีนัก