ระพีพรรณจ้องมองใบหน้าผอมซูบของพ่อ ที่นอนทอดร่างอยู่บนเตียงแล้วก็รู้สึกใจหายยิ่งนัก กับภาพที่ปรากฏอยู่ต่อหน้าตัวเองในเวลานี้ ทั้งๆ ที่เมื่อไม่นานมานี้ ภาพของผู้ชายที่แข็งแรง ทำงานไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยยังอยู่ในความทรงจำเธออยู่เลย แต่ตอนนี้กับความเป็นจริง มันช่างบั่นทอนจิตใจเธอเสียนี่กระไร พ่อคงจะเสียใจมากที่ทุกอย่างกลับกลายเป็นแบบนี้ แล้วเธอจะทำยังไงดี อีกสองวันแล้วสินะที่จะถึงกำหนดเส้นตาย แล้วเธอจะทำยังไง
“เพลงนี่อานะ ตอนนี้อาหาได้ทั้งหมดก็สิบห้าล้าน จากเพื่อนๆ กับลูกค้าที่สนิทกัน ถ้าจะเอาจริงๆ เขาก็ไม่เอาหลักประกันอะไรหรอก เขาเชื่อเครดิตอา เงินของอาเองก็มีให้ได้ประมาณสิบล้านเห็นจะได้ แล้วเพลงล่ะหาได้เท่าไหร่” เสียงกำธรกรอกมาตามสายเมื่อเช้านี้
“ของเพลงยังได้ไม่เท่าไหร่ค่ะคุณอา ส่วนใหญ่เพื่อนๆ กันก็เป็นพวกเรียนหนังสือทั้งนั้น ที่ได้มาก็ไปขอพ่อแม่ที่พอจะมีมาให้ ประมาณสิบล้านค่ะ ยังขาดอยู่อีกตั้งเยอะ เพลงไม่รู้จะไปหาที่ไหนแล้วค่ะคุณอา” ระพีพรรณบอกออกไปอย่างสิ้นหวัง พร้อมๆ กับทรุดตัวลงนั่งกับเก้าอี้
“แล้วเพลงจะทำยังไงดี” กำธรถามกลับมา
“เพลงยังคิดไม่ออกค่ะ เอาไว้รอดูพรุ่งนี้อีกวันนะคะ ถ้าไม่ได้เพลงก็คงจะต้องเลือกอีกทางค่ะ แต่ยังไงเพลงก็กราบขอบพระคุณ คุณอามากๆ นะคะ ที่ช่วยเพลง แล้วเพลงจะติดต่อกลับไปนะคะ”
หญิงสาวนั่งลงข้างเตียงแล้วก็น้ำตาคลอเบ้าด้วยความหนักใจ กับเงินที่หามาได้แค่สามสิบห้าล้าน เธอก็ปรารถนาที่จะได้อีกแค่สิบห้าล้านเท่านั้น แล้วเธอจะไปหาได้จากที่ไหน กับเวลาที่เหลือแค่สองวัน โทรศัพท์ถูกกดไปหาคนที่เธอคิดว่าจะเป็นที่พึ่งสุดท้ายของเธอ นั่นคือ ธนากร ผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นคนที่รู้ใจเธอมากที่สุด หรือจะเรียกได้ว่าเป็นคนที่เธอมีใจให้ก็ว่าได้ เพราะเธอเป็นคนที่ไม่ค่อยจะมีเพื่อนผู้ชายมากนัก ส่วนใหญ่ชีวิตจะหมดไปกับการเรียน และอยู่กับโสภาตลอดเวลา
“ก๊อปเหรอคะ เพลงนะคะ” เสียงกรอกไปตามสายด้วยความเคยชิน
“เอ่อ! ก๊อปไม่อยู่เหรอคะ” เธอถามคนที่มารับโทรศัพท์ ซึ่งเป็นเสียงผู้หญิง และเสียงนี้เธอจำได้แม่นยำว่าเป็นเสียงของ ยดา หรือมิ้นท์ ผู้ที่เฝ้าคอยแย่งความสนใจจากธนากรไปจากเธอ ตั้งแต่อยู่เมืองนอกแล้ว
“มิ้นท์เหรอ เพลงฝากให้ก๊อปช่วยโทรกลับด้วยนะ พอดีมีเรื่องด่วน”
เธอฝากข้อความเอาไว้ แต่ก็ไม่ทันจะได้เรื่องอะไร ปลายทางก็วางสายแล้ว เธอพยายามโทรกลับไปอีก แต่ก็ดูเหมือนว่าสายจะไม่ว่างแล้ว เธอละความพยายามในการติดต่อทางโทรศัพท์ในที่สุด เพราะโทรเท่าไหร่สายก็ไม่ว่างเลย
หญิงสาวรู้โดยสัญชาตญาณว่า ถูกยดาขัดขวางเสียแล้ว จึงไม่รอช้ารีบไปต่ออินเตอร์เนท ผ่านคอมพิวเตอร์แล็ปท็อปทันที แล้วส่งอีเมล์ไปหาธนากรเกี่ยวกับเรื่องที่เธอรอคำตอบจากเขา หลังจากที่ได้เล่าเรื่องต่างๆ ให้เขาฟังไปแล้ว และขอให้เขาช่วยหาเงินมาสมทบตามที่เขาจะพอช่วยได้
เธอรู้ดีว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะเหนือบ่ากว่าแรงสำหรับลูกมหาเศรษฐีอย่างเขา แค่เพียงโทรมาขอความช่วยเหลือจากผู้พ่อแค่นั้น แต่เธอก็อดกังวลไม่ได้ หากเรื่องต่างๆ มันไม่เป็นไปตามที่เธอคาดคิดเอาไว้ เสร็จจากส่งข่าวสารให้ธนาการแล้ว หญิงสาวเดินกลับมานั่งทรุดตัวลงข้างๆ เตียงผู้พ่อด้วยหัวใจที่อ่อนล้าอีกครั้ง
สิ่งนี้คือสิ่งที่เธอไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้นกับเธอเลยแม้แต่น้อย ชีวิตเธอทั้งชีวิตนับตั้งแต่จำความได้ เงินไม่เคยเป็นปัญหากับเธอเลย อยากจะได้เท่าไหร่พ่อก็หยิบยื่นให้ โดยไม่คิดจะไตร่ถาม ว่าเอาไปใช้อะไร จะมากน้อย หรือจะบ่อยครั้งแค่ไหนที่เธอโทรข้ามทวีปมาพ่อไม่เคยบ่น จัดการหาให้ตามที่ต้องการ ชีวิตเธอและพี่ชายเกิดมาพบกับความสะดวกสบาย และเพรียบพร้อม จนจะเรียกได้ว่าคาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด เธอไม่คาดคิดเลยว่าจะเจอะเจอกับปัญหาอันหนักอึ้งขนาดนี้ น้ำตาแห่งความเสียใจมันไหลออกมาอย่างช่วยไม่ได้ แต่ก็ไม่อยากให้พ่อต้องเห็นจึงรีบสงบสติ แล้วก็ล้มตัวลงนอนกับที่นอนใกล้เตียงผู้เป็นพ่อในที่สุด
ใบหน้าที่ดูซีดเซียว ผ่ายผอมของพี่ชาย ดูแล้วทำให้ระพีพรรณสะเทือนใจเป็นที่สุด ภาพต่างๆ ของเขาเมื่อก่อนที่เธอเคยเห็นผุดขึ้นในความทรงจำได้ไม่ยาก ภาพของพี่ที่เคยไว้ผมยาวแล้วรวบมัดเอาไว้บ้าง หรือบางคราวตัดสั้น แล้วแต่อารมณ์ที่เขาจะสรรหา บางครั้งในช่วงปิดเทอมเธอก็จะเห็นพี่ชายทำสีโน่นสีนี่บ้าง แต่พอใกล้จะเปิดเทอมเขาก็จะทำให้มันกลับมาเป็นสีดำ
ภาพที่พี่เคยพาเธอไปเที่ยว สอนการบ้านเธอบ้างเป็นบางเวลา แต่บัดนี้ผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงหน้าเธอช่างแตกต่างเหลือเกิน ผมถูกตัดให้เหี้ยนเตียน เสื้อผ้าที่เคยใส่แต่ของยี่ห้อดังและแพง กลับต้องมาใส่เครื่องแบบของนักโทษ พี่ชายที่เธอเคยได้โอบกอด หอมแก้มและขี่หลังเมื่อยามเหน็ดเหนื่อยหรืองอแง เพราะโดนพี่ชายแกล้ง กลับต้องมาถูกกางกั้นด้วยกรงเหล็กเส้นเขื่อง ตามด้วยกระจกใสๆ ที่เจาะรูเล็กๆ เอาไว้พอให้ได้ยินเสียงพูดแค่นั้น
ความเสียใจ ความสงสาร และก็ความรู้สึกที่เธอไม่สามารถบรรยายได้ถูกอีกมากมาย ได้สื่อออกมาทางน้ำตาแทน มันค่อยๆ ไหลออกมาให้ผู้เป็นพี่ได้รับรู้ถึงความรู้สึกนั้นได้ไม่ยาก ระพีพงศ์เองก็รู้สึกสะเทือนใจไม่แพ้กัน
“อะไรกัน ยัยเพลง ร้องไห้อีกแล้ว เป็นยังไงบ้างเรา แล้วคุณพ่อสบายดีหรือเปล่า”
เขาถามน้องสาว ด้วยสีหน้าและแววตาที่ไม่แตกต่างกันนัก ไม่นานน้ำตาของเขาก็ไหลออกมาให้เธอเห็น ด้วยความเจ็บปวด ความเสียดายในอิสระภาพของตัวเอง เสียดายในโอกาสที่มีครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เขาก็ไม่เคยคิดจะเปลี่ยนตัวเอง จนในที่สุดต้องมาอยู่ในสถานที่ๆ โหดร้ายที่สุดในชีวิตสำหรับเขา