EP 18

1149 Words
พูดแล้วแตนก็เดินสะบัดออกไปนอกครัว ด้วยไม่อยากจะเห็นเพื่อนร่วมงานใหม่เท่าไหร่นัก เพราะตัวเองรู้สึกว่า แพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้ขึ้นสังเวียนด้วยซ้ำ เพราะด้วยรูปร่าง หน้าตา และผิวพรรณของระพีพรรณนั้นงามพร้อม จนแม้แต่สายตาอย่างแตนมองแล้วก็กลัว เพราะรำพังที่มีน้าตัวเองคือนิตยาเป็นคู่แข่ง คอยดึงความสนใจจากเจ้านายหนุ่มอย่างดนุพร แตนก็แทบจะรั้งไม่ไหวแล้วในความคิด แล้วไหนจะมีมาใหม่อีก “มันเป็นอะไรของมันนังนี่ พูดกับผู้ใหญ่นี่ไม่มีหางเสียงหรอกนะ ถือว่าเป็นญาติคุณแม่บ้านล่ะสิท่า” แพงอดบ่นไม่ได้ “ป้ายังไม่ชินกับมันอีกเหรอ นังนี่มันก็เป็นมาตั้งนานแล้วนะ ป้าไม่รู้เหรอว่ามันเป็นอะไร หนูยังรู้เลย จริงมั้ยพี่เพลง” รำพึงพูดอย่างรู้ทัน “จริงอะไรจ๊ะ พี่ไม่รู้เรื่องเลย” เธอออกอาการขำๆ พร้อมๆ กับมือก็หั่นมะเขือไป “นังนี่! มันจะไม่ชอบให้ใครเด่นกว่ามันหรอก พี่เพลงไม่รู้อะไร มันแอบปิ๊งคุณดำน่ะสิ มันน่ะไม่เจียมตัว ทั้งสองคนน้าหลานนั่นล่ะ พอพี่เพลงมาใหม่ สวยกว่าพวกมันสองคน มันก็เลยกลัวไง” รำพึงแอบกระซิบ เพราะกลัวแพงได้ยินด้วย “น้อยๆ หน่อยนะนังรำพึง!คุณเพลงอย่าไปฟังมันนะคะ นังนี่ปากไม่มีหูรูดค่ะ” แพงรีบกำราบเพราะรู้ดีว่ารำพึงคิดอะไร แล้วระพีพรรณก็มีความฉลาดพอที่จะเดาสีหน้าของแพงได้ ว่าไม่อยากให้ยุ่งกับเรื่องนี้ จึงได้แต่ยิ้มให้ทั้งสองแล้วก็ทำงานของตัวเอง “แล้วนี่ทำไมป้าแพงเรียกพี่เพลงว่าคุณเพลงล่ะ” รำพึงอดสงสัยไม่ได้ เพราะได้ยินแพงพูดซ้ำๆ หลายคำ จนทำให้ทั้งสองคนนั้นหันไปมองหน้ากัน เพราะไม่รู้จะให้คำตอบยังไง “ก็มองดูสิ พี่เพลงของเธอน่ะผิวพรรณ หน้าตา ท่าทางยังกะคุณหนู  แน่ะ ฉันก็เลยอดคิดถึงลูกเจ้านายเก่าไม่ได้ ท่าทางเหมือนคุณเพลง ก็เลยเรียกไปอย่างนั้นล่ะ แกไม่ต้องมาเอานิยายอะไรกับฉันหรอก รีบๆ ทำงานเข้าไป” แพงตั้งสติได้และก็รีบบอกออกไป “เอ่อ!ก็จริงอย่างป้าแพงว่านะ ทำไมพี่เพลงสวยจังเลย ผิวก็ข๊าวขาว หน้าตาก็เกลี้ยงเกลี้ยง ใช้เครื่องสำอางอะไรเหรอพี่ บอกหนูมั่งสิจะได้ไปซื้อมาใช้มั่ง ดูสิยิ่งดู พี่ก็ยิ่งดูเหมือนคุณหนูๆ ยังไงก็ไม่รู้น้อ สงสัยพ่อแม่คงจะสวยและหล่อน่าดูเลย ใช่ไหมพี่” รำพึงพูดพร้อมๆ กับละมือจากครกแล้วก็เดินไปสำรวจดูร่างระพีพรรณรอบๆ จนทำให้เธอนั้นนึกหวั่นใจไม่หาย “แต่หนูขอเรียกพี่ว่าพี่เพลงก็แล้วกันนะ” รำพึงบอกในที่สุด และก็ทำให้ทั้งระพีพรรณและแพงออกอาการโล่งใจไปตามๆ กัน   ร่างสูงใหญ่ที่เต็มไปด้วยของใช้ที่หรูหรา แพงสมกับฐานะของเจ้าของบ้านในสายตาของระพีพรรณที่ใช้เวลาพิจารณาดูไม่นานนัก เจ้าของบ้านและแขกนั่งอยู่ทั้งหมดสี่คน คือดนุพร ลัดดา มีนิตยานั่งร่วมโต๊ะอาหารด้วย และก็มีเด็กชายวัยไม่น่าจะเกินเจ็ดหรือแปดขวบ พร้อมกับพิสิทธิ์ที่มีสีหน้าที่เป็นมิตรกับเธอ ซึ่งแตกต่างจากดนุพรและลัดดายิ่งนัก ที่แม้แต่หน้าเธอคนทั้งสองก็แทบจะไม่อยากจะชำเลืองมองด้วยซ้ำ เธอเองก็ไม่เข้าใจนัก ว่าในเมื่อสองแม่ลูกนี้เกลียดชังเธอและคนในครอบครัวเธอมากขนาดนี้ แล้วทำไมเขายอมให้เธอมาทำงานที่นี่ ภาพทุกคนที่นั่งร่วมโต๊ะอาหารกันอยู่ โดยมีเธอกับรำพึงคอยเสิร์ฟข้าวเสิร์ฟน้ำให้นั้น ทำให้ระพีพรรณอดคิดถึงสถานะภาพตัวเองเมื่อวันวานไม่ได้ แล้วความรู้สึกต่ำต้อยมันก็ผุดขึ้นมาในความคิดได้ไม่ยากเย็นนัก เธอเองก็เพิ่งจะเข้าใจความรู้สึกของคนที่ทำงานเป็นคนรับใช้ก็วันนี้เองว่า มีความรู้สึกเช่นไร แต่คิดไปแล้วก็ป่วยการสำหรับระพีพรรณในเวลานี้ เพราะเธอเองก็ตั้งใจเอาไว้แล้วว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเธอจะต้องเอาทุกอย่างกลับคืนไปให้ได้ เพื่อพ่อและพี่ชายจะได้มีวันข้างนี้ที่ดีกว่าที่เป็นอยู่นั่นเอง “นิตยา! พรุ่งนี้จัดการให้แม่นี่ใส่ยูนิฟอร์มด้วยนะ จะได้เหมือนๆ กับคนอื่น” ดนุพรบอกนิตยาก่อนจะลงมือกินข้าว “ค่ะคุณดำ พรุ่งนี้จะให้นายสมพรพาไปร้านตัดผ้าจะได้วัดตัว” นิตยารับคำ แล้วก็มีสีหน้าที่แปลกใจไม่น้อยกับท่าทางของดนุพร ที่มีต่อระพีพรรณ “คุณพ่อครับวันนี้คุณพ่อจะสอนการบ้านให้ดอนหรือเปล่าครับ เมื่อวานคุณพ่อก็ลืมไปวันหนึ่งแล้วนะครับ” เด็กชายเอ่ยถามผู้เป็นพ่อ “ได้สิลูก กินข้าวก่อนนะ เดี๋ยวพ่อจะไปสอนให้ที่ห้องนะลูก” เขาบอกเด็กชายด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม และน้ำเสียงที่นุ่มนวล ระพีพรรณมองแล้วก็อดสงสัยไม่ได้ “แล้วแม่ของเด็กไปไหนกันล่ะ” แต่เธอก็ได้แค่คิด “ฉันยังไม่ได้แนะนำให้เธอรู้จัก นี่คุณดอน ลูกชายฉัน เธอจะต้องสอนการบ้านให้เขาด้วย ในเวลาที่นิตยายุ่งๆ และฉันไม่มีเวลา เพราะนั่นก็คืองานของเธอด้วย” เขาบอกและหันหน้าไปหาระพีพรรณเพียงแค่แว๊บเดียวแล้วก็หันกลับ “ใครกันครับคุณพ่อ ดอนไม่เคยเห็นหน้าเลย” ดอนถามเขา “อ๋อ!คนรับใช้ใหม่ของเราลูก เดี๋ยวอีกหน่อยเขาจะเป็นคนช่วยดอนดูเรื่องการบ้านนะลูก” เขาพูด “เก่งภาษาอังกฤษหรือเปล่าครับ ถ้าเก่งดอนจะให้ช่วยสอน คราวที่แล้วน้านิดก็สอนการบ้านดอนไม่ค่อยจะถูกเลย” เด็กน้อยพูดด้วยความไร้เดียงสา แต่เล่นเอานิตยาถึงกับทำหน้าไม่ถูก “อะไรกันคะคุณดอน คราวที่แล้วน้านิดก็สอนถูกนี่คะ ว่าแต่คุณดอนเถอะทำถูกหรือเปล่าคะ แล้วมาโทษน้า” นิตยารีบแก้หน้าตัวเอง จนทำให้พิสิทธิ์กับดนุพรกลั้นขำแทบไม่อยู่ “ตาดอน! พอแล้วลูก เวลากินข้าวย่าไม่ชอบให้คุยกัน” ลัดดารีบเอ็ดหลานชาย เล่นเอาทุกคนในโต๊ะเงียบไปตามๆ กัน 
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD