ปัง! ปัง! ปัง!
เสียงทุบประตูหน้าห้องดังขึ้นรัวๆ จนเธอต้องรีบลุกมาเปิดประตูห้อง
“สมใจแล้วใช่ไหม ที่ทำให้ฉันจดทะเบียนสมรสกับเธอได้ไวน์” น้ำเสียงห้วนแข็งกระด้างกระแทกใส่หน้าทันทีเมื่อประตูเปิดกว้างออก
“หน้าพี่มาร์คไปโดนอะไรมาคะ” เธอไม่ตอบแต่ยื่นมือหมายจะจับแก้มที่แตกช้ำของเขา
“เสือก! อย่ามายุ่ง” เขาปัดมือเธอออกแล้วก็พูดต่ออีก...
“จำไว้...ให้ตายพี่ก็ไม่รักเธอไวน์ ถึงจะให้พ่อกับคุณย่าบังคับพี่ได้ พี่ก็ไม่เหลียวแลเธอ จำไว้ว่าพี่เกลียดเธอ พี่รักแค่แพรคนเดียว” พูดจบเขาก็เดินไปหน้าห้องตัวเองบิดลูกบิดประตูกระชากแรงๆ เปิดออกทันที
ปัง!
เสียงกระแทกประตูห้องข้างๆ ทำให้เธอสะดุ้งเล็กน้อย เธอปิดประตูห้องนอนของตัวเองแล้วเดินไปทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงนุ่มของตนแล้วล้มตัวลงนอนคว้าหมอนมากอดแล้วปล่อยเสียงโฮสะอื้นไห้ดังออกมา
ฮือๆๆๆ
“แต่ไวน์รักพี่มาร์ค อึก! ฮือๆ”
ในเช้าวันต่อมา มโนภฤศตื่นแต่เช้า จะว่าแบบนั้นก็ไม่ได้ เมื่อคืนทั้งคืนเขานอนไม่หลับ เพราะไม่รู้จะบอกแฟนสาวอย่างแพรไหมยังไงดีว่าวันนี้ตนเองกำลังจะจดทะเบียนสมรสกับผู้หญิงอีกคนที่ไม่ใช่เธอ และเธอกำลังอุ้มท้องลูกของเขาด้วยตอนนี้
“ตามาร์คพาน้องไปจดทะเบียนสมรสได้แล้วลูก” สะอางเดินโอบเอวเล็กของหญิงสาวมาในห้องนั่งเล่นหลังจากที่ทานมื้อเช้าเรียบร้อยแล้ว เช้านี้นางให้เด็กรับใช้ทำข้าวผัดไข่ให้วรนิษฐ์เหมือนเมื่อวานตอนเย็นแล้วยกไปส่งในห้องด้วยไม่อยากให้เธอมาทานร่วมโต๊ะด้วยแล้วได้กลิ่นอาหารเมนูอื่นๆ จะคลื่นไส้อีก
เงียบ!
เขาทำเพียงแค่ปรายตามองคนที่ยืนข้างคุณย่าของตนเท่านั้น
“และพาหนูไวน์ไปฝากท้องด้วยล่ะตามาร์ค” สะอางเอ่ยสั่งอีก
เงียบ!
ไม่มีเสียงใดๆ ตอบกลับมา เขาลุกขึ้นแล้วเดินออกไปจากห้องนั่งเล่น
“ไปสิลูก ตามพี่เขาไป อดทนหน่อยนะหนูไวน์ ย่าเป็นกำลังใจให้ ยังไงก็มีลูกด้วยกันแล้ว ย่าไม่มีทางให้เลิกกันหรอกถ้าจดทะเบียนสมรสกันแล้ว”
ด้วยที่มองออกว่าเด็กสาวหลานสะใภ้ตนนั้นรักหลานชายตน แต่หลานชายตัวดีนี่สิ มันรักมันหลงแฟนเจ้าของคาเฟ่ของมันเหลือเกิน แต่ช่างปะไร ตอนนี้ก็บังคับจดทะเบียนสมรสแล้ว นางเชื่อว่าสักวันมโนภฤศจะรักวรนิษฐ์ได้ในสักวันแน่นอน และลูกนี่แหละคือกามเทพที่จะทำให้พ่อกับแม่รักกัน
“หนูไปนะคะคุณย่า”
เธอยกมือไหว้ท่านแล้วเดินออกไปจากห้องนั่งเล่นตามคนที่เดินหน้าตึงออกไปก่อน และระหว่างทางก็สวนกับมนัสวิน พ่อของเขาพอดีจึงยกมือไหว้บอกท่านด้วย
“หนูไปก่อนนะคะคุณลุง”
“ยังจะเรียกลุงอีก เรียกพ่อได้แล้วหนูไวน์” มนัสวินเอ่ยตำหนิในที
“ค่ะคุณพ่อ หนูไปนะคะ”
แล้วเธอก็เปลี่ยนสรรพนามเรียกท่านตามที่ท่านต้องการทันที มนัสวินยิ้มเอ็นดูลูกสะใภ้ ก่อนจะเดินเข้าไปหาแม่ที่นั่งรอในห้องนั่งเล่น
“คุณแม่ว่าหลานตัวดีของคุณแม่จะแผลงฤทธิ์ไหมครับหลังจากนี้”
“แผลงฤทธิ์ไหมไม่รู้ แต่แกน่ะต่อยหลานแม่แรงไปไหม หน้าแตกช้ำเลยนะพ่อวิน”
“ก็คนมันโกรธนี่ครับ”
“อือ...แล้วนี่จะบอกพ่อทรงพลกับแม่ลินดาเมื่อไหร่เรื่องเหลนของแม่และเรื่องของหนูไวน์กับตามาร์คด้วย”
“ผมคุยกับหนูไวน์แล้ว หนูไวน์บอกว่าจะบอกกับสองคนนั้นเองครับ”
“อือ...แต่อย่านานล่ะ เพราะงานแต่งงาน เราจะต้องจัดให้เร็วที่สุด เพราะไม่นานหนูไวน์ก็จะท้องโตแล้วนะ”
“ครับ ผมบอกหนูไวน์แล้วว่าให้รีบบอกทรงพลกับลินดา”
“แล้วนี่จะไปไหนล่ะ?” นางถามลูกชายที่แต่งตัวเต็มยศ
“ไปนั่งจิบน้ำชาหน่อยน่ะครับ”
“ตั้งแต่ตามาร์คมาดูแลไร่เต็มตัวเนี่ย เราก็สบายเลยนะพ่อวิน”
“ผมอยากทำแบบนี้มานานแล้ว แม่สะอางก็รู้ เมื่อก่อนผมทำงานหนักแค่ไหนและต้องเลี้ยงไอ้ลูกหมานั่นอีก เลี้ยงดีแค่ไหน สอนดีแค่ไหน มันยังทำเลวได้ แม่ดูสิ” พูดแล้วเดือดขึ้นมาทันทีเมื่อนึกถึงสิ่งที่ลูกชายคนเดียวของตนทำกับลูกสาวของเพื่อนรัก
“เอาน่า...ไหนๆ ก็เกิดขึ้นแล้วก็ถือว่าดีเหมือนกัน แม่จะได้มีเหลน เราก็จะได้มีหลานด้วย อีกอย่างลูกสะใภ้แกไม่ใช่ยัยแพรและหลานสะใภ้ฉันไม่ใช่ยัยนั่นด้วย เป็นคนกันเอง แม่ดีใจมากพ่อวินเอ้ย!”
“นั่นสิครับ ผมล่ะกลัวมาก กลัวมันจะทำผู้หญิงคนนั้นท้อง เพราะครอบครัวของเธอนั้นสูบเงินหลานชายคุณแม่ไปเยอะพอตัว ถึงมันจะเงินส่วนตัวของมัน แต่ผมก็ไม่อยากเห็นมันหมดตัวเพราะผู้หญิงหรอกนะครับคุณแม่สะอาง”
“มันน่ะหลงผู้หญิงคนนั้นจนไม่ลืมหูลืมตา แต่ตอนนี้มันก็มีหนูไวน์แล้ว อยากรู้นักผู้หญิงคนนั้นจะทำยังไง และมันจะเลิกกับเธอไหม”
“ผมบอกมันให้จัดการให้เรียบร้อยก่อนจะแต่งงานครับ”
“อือ...ไปเถอะพ่อวิน วันนี้แม่ก็ว่าจะไปวัดกับแม่พรให้พระท่านหาวันดีให้ตามาร์คกับหนูไวน์สักหน่อย ถ้าไม่ได้ฤกษ์ดีก็จะเอาฤกษ์สะดวกมันเลยนั่นแหละ”
“ครับ ผมไปนะครับแม่สะอาง เพราะหลังจากนี้ถ้าหลานคลอด ผมต้องช่วยคุณแม่เลี้ยงหลานคงอดได้ทำอะไรแบบนี้ครับ”
“อือ...ไปเถอะ พ่อคนโสดของแม่”
“ครับผม” แล้วมนัสวินก็ลุกจากโซฟาที่ตัวเองนั่งมาโน้มหน้าลงหอมแก้มเหี่ยวย่นของแม่ก่อนจะเดินจากไป นางยิ้มแก้มปริมองตามหลังลูกชาย ทั้งๆ ที่อายุก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้ว เขาอายุ 55 ปีแล้ว แต่มนัสวินยังคงทำตัวเหมือนเด็กเวลาอยู่กับนาง