“พี่ปลัดขา” เสียงหวานใส ๆ ทำให้ปลัดรวินรีบเด้งตัวลุกขึ้นยืน เขาดึงกางเกงขึ้นอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มเดินไปล้างมือที่ซิงค์ เป็นเวลาพอดีกับธิดาเดินยิ้มแต้ถือปิ่นโตเถาใหญ่เข้ามาในห้องครัว
“กับข้าวมาแล้วค่ะ พี่ปลัด”
“ครับ...วางไว้บนโต๊ะเลยครับ”
“ค่ะ” ธิดาวางปิ่นโตลงบนโต๊ะ เด็กสาวหยิบจานชามมาเทกับข้าวใส่ เมื่อเธอจัดโต๊ะเรียบร้อยแล้ว ปลัดรวินก็เดินมาที่เก้าอี้อีกตัว เขามองดูกับข้าวแล้วยิ้ม
“น่ากินทั้งเลย”
“หนูทำเองทุกอย่างเลยค่ะ”
“เก่งนะเนี่ยเรา”
ธิดายิ้มรับคำชม “ขอบคุณค่ะ หนูกลับก่อนนะคะ”
“ครับ”
ธิดากำลังจะยื่นมือไปจับปิ่นโตบนโต๊ะ แต่สายตาเด็กสาวก็เหลือบไปเห็นบางอย่างบนเก้าอี้เสียก่อน เธอก้มลงไปดูใกล้ ๆ
“พี่ปลัดทำของหวานหกเหรอคะ”
ธิดามองน้ำสีขาวคล้ายกะทิที่เลอะอยู่บนเก้าอี้สีน้ำตาลแล้วขมวดคิ้ว คนอะไร...โตแล้วยังกินหกเลอะเทอะเป็นเด็กไปได้
“เอ่อ...ครับ” เจ้าของน้ำกะทิใจหายวาบ เขารีบไปหน่อยเลยลืมเช็ด
“ของหวานเจ้าไหนคะ น้ำกะทิน่ากินจัง” ธิดาถาม พลางใช้ปลายนิ้วชี้ป้ายสิ่งที่เธอคิดว่าเป็นกะทิขึ้นมาดม
ปลัดรวินเสียวท้องน้อยแปล๊บ นี่ยัยเด็กธิดาไม่รู้จักน้ำกะทิคนจริง ๆ เหรอวะ
“เอ่อ...ร้านแถว ๆ ศาลากลางจังหวัดน่ะครับ”
“วันหลังซื้อมาให้หนูกินบ้างสิคะ กลิ่นมันหอมดี สีก็น่ากิน ท่าทางน่าอร่อย” ธิดายิ้มกว้างให้เจ้าของน้ำกะทิน่ากิน
ปลัดรวินกลืนน้ำลายลงคอ เขามองสบตาดวงตาคู่สวย ก่อนเอ่ยตอบด้วยเสียงที่พยายามดัดให้สั่นพร่าน้อยที่สุด “ถ้าดาอยากกิน วันหลังพี่จะให้กิน”
“พี่ปลัดน่ารักจัง”
คนถูกชมว่าน่ารักยืนนิ่งตัวแข็งทื่อ...แข็งไปทุกสัดส่วน เขายืนมองธิดาใช้กระดาษทิชชูเช็ดน้ำกะทิของเขาจนเรียบร้อย กระทั่งเด็กสาวเดินไปล้างมือที่ซิงค์แล้วหิ้วปิ่นโตกลับไป เขาถึงค่อย ๆ นั่งลงบนเก้าอี้ แล้วลงมือกินข้าวด้วยใจเลื่อนลอย...ลอยไปกับเด็กสาวผมเปียน่ารักข้างบ้าน
“มัวแต่ไปอ่อยไอ้ปลัดหน้าหม้ออยู่ล่ะสิ ถึงได้กลับมาช้า” ชายหนุ่มวัยยี่สิบห้าปีว่าแล้วมองลวนลามเด็กสาวอย่างไม่ปิดบัง
“หนูไม่ได้อ่อยใคร หนูแค่เอาปิ่นโตไปให้พี่ปลัด” ธิดาตวาดใส่หน้าไอ้แมงดาที่มาเกาะแม่เธอกิน
“อย่าให้รู้ก็แล้วกันว่าแอบไปอ้าขาให้มันเอา กูจะฟ้องแม่มึง”
คำขู่ของคมสันทำให้ธิดาโกรธจัด แต่เด็กสาวก็เลือกที่จะเดินหนีมัน ธิดาเอาปิ่นโตเข้าไปเก็บในครัว แล้ววิ่งขึ้นบ้านไปหลบอยู่ในห้อง การเคลื่อนไหวของเด็กสาวอยู่ในสายตากระหายหื่นของไอ้คมสันตลอด
พอปิดประตูห้องและล็อกลูกบิดแล้ว ธิดาก็เลื่อนโซฟามากั้นประตูไว้
เมื่อคิดว่าป้องกันตัวเองจากไอ้คมสันได้แล้ว ธิดาก็ถอยมานั่งที่ปลายเตียงเล็กของเธอ ดวงตาที่เคยสุกใสหม่นเศร้าลง ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอคงร้องไห้ด้วยความกลัวและคับแค้นใจ แต่ทุกวันนี้ เธอเข้มแข็งมากขึ้นแล้ว เธอเข้มแข็งขึ้นมากหลังจากวันนั้น...วันที่แม่พาไอ้คมสันเข้ามาอยู่บ้านหลังนี้เมื่อปีที่แล้ว
พ่อของธิดาเสียชีวิตไปเมื่อสองปีที่แล้ว ทรัพย์สินทุกอย่างของพ่อตกเป็นของเธอและแม่ แต่ในส่วนของเธอ แม่เป็นคนดูแลให้ เพราะเธอยังไม่บรรลุนิติภาวะ การอยู่ด้วยกันสองคนแม่ลูกไม่ลำบากอะไรเลย เพราะพ่อทิ้งทรัพย์สินไว้ให้มากพอสมควร แต่พอมีไอ้คมสันเข้ามา แม่ก็เริ่มเปลี่ยนไป
แม่รักมัน เอาใจมัน เชื่อมันทุกอย่าง มันเคยลวนลามเธอ พอเธอฟ้องแม่ แม่ก็ไม่เชื่อ แม่หาว่าเธอใส่ร้ายมัน และแม่ก็ทุบตีเธอ กล่าวหาว่าเธอเป็นเด็กโกหก นิสัยไม่ดี แรก ๆ เธอร้องไห้เสียใจ แต่พอนานเข้า ธิดาก็เข้มแข็งขึ้น เธอรู้จักเอาตัวรอด เธอไม่พาตัวเองไปอยู่ในจุดอันตราย เธอหลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้มัน ยังดีที่ห้องของเธอมีห้องน้ำส่วนตัวอยู่ในห้อง เธอจึงหลบอยู่ในห้องได้ตลอด ในทุกวันพอกลับมาจากโรงเรียน เธอจะทำกับข้าวและไปทำความสะอาดบ้านเช่า พอกลับมาบ้าน เธอก็จะขังตัวเองอยู่ในห้อง ไม่ออกไปไหนอีกเลย เพราะเธอไม่อยากเจอหน้าแม่ ไม่อยากถูกไอ้คมสันลวนลาม
“โอ้ว ! ซี้ด ! คมจ๋า...เสียวเหลือเกิน” เสียงครางกระเส่าที่ดังมาจากฝาห้องอีกฝั่งในกลางดึก ทำให้ธิดายกมือปิดขึ้นปิดหู แต่ไม่ว่าจะปิดอย่างไร เด็กสาวก็ยังคงได้ยินเสียงร่วมประเวณีของชายหญิงสองคนนั้น คนหนึ่งคือไอ้คมสัน อีกคนก็คือแม่ของเธอเอง
“ของผัวใหญ่ไหมเมียจ๋า...อ่า !”
“ใหญ่คับรูเลยจ้ะ อ๊า ๆ คมจ๋า ผัวจ๋า โอ้ว...เมียจะแตกแล้ว”
ธิดาพลิกตัวนอนคว่ำ เด็กสาวเอาหมอนมาทับหัว แล้วดึงมาปิดหูไว้แน่น แต่เสียงคราง เสียงพูดคุยหยาบโยน รวมทั้งเสียงเนื้อหนังปะทะกันก็ยังคงดังมาเข้าหู เธอเกลียดมัน...เกลียดไอ้คมสัน ไอ้คนเลว มันเกาะแม่กิน มันทำให้แม่หลงมัวเมาในกาม แม่หลงมันจนโงหัวไม่ขึ้น หลงมันจนลืมไปว่ามีลูกสาวคนนี้อยู่ร่วมชายคาอีกคน
แม้เธอจะรักแม่...แต่จะให้เธอทนอยู่แบบนี้ต่อไปคงไม่ได้แล้ว เธอกำลังจะจบมอหกแล้ว เธอจะขออนุญาตแม่ไปเรียนต่อที่กรุงเทพ ถ้าแม่ไม่ส่งเสีย เธอจะทำงานหาเงินส่งเสียตัวเองเรียนก็ได้