ตอนที่ ๒
ร่างนั้นยังนิ่ง แต่ที่ทำให้ตุลย์ละจากความระแวงเมื่อร่างตรงหน้ามีร่องรอยบาดแผลอยู่ตามตัว
นั่นแสดงว่าเขากำลังบาดเจ็บ...
ข้าราชการหนุ่มเก็บปืน สัญชาติญาณสั่งเตือนให้ผ่อนคลาย เมื่อร่างตรงหน้ามิได้ลุกขึ้นมาคุกคาม เขาย่างเข้าไปหาอย่างช้าๆ ขณะไฟฉายยังส่องจับที่ร่างนั้นเขม็ง
“มีเลือดด้วย...คุณ...เกิดอะไรขึ้น”
ยอบตัวลงข้างๆ ร่างนั้น ประคองศีรษะได้รูป ใบหน้าเกลื่อนไปด้วยคราบเลือด เพียงครั้งแรกที่สบตาที่เริ่มรี่จะปิด ปากนั้นขมุบขมิบคล้ายขอความช่วยเหลือ ตุลย์ขนลุกซู่
หัวใจเต้นแรงแถมยังรัวอย่างไม่ทราบสาเหตุ ส่วนลึกของหัวใจ สั่งการให้เขาประคองคนเจ็บให้ลุกขึ้น แล้วยักแย้ยักยันพากลับไปยังบ้านพัก
ด้วยส่วนสูงที่สูงพอๆ กัน ร่างจากหนุ่มประหลาดจึงมาถึงบ้านพักอย่างทุลักทุเล
ตุลย์วิทยุเรียกหาลูกน้องให้มาช่วยเหลือ สัญญาณไปติดที่ลูกน้องนายหนึ่ง บอกกล่าวเรื่องพบคนประหลาด อีกฝ่ายบอกว่าจะมาในอีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมง
ข้าราชการหนุ่มเห็นว่ามีคราบเลือดและบาดแผลตามร่างกายอยู่หลายแห่ง มีจุดที่เป็นแผลฉกรรจ์แค่จุดเดียวคือตรงหัวไหล่ข้างซ้าย จึงหาผ้าสะอาดมาเช็ดตามตัวของคนเจ็บและทำแผลเฉพาะที่เท่าที่ทำให้ได้
หลังจากเช็ดหน้าของอีกฝ่ายเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มจึงลองเช็คชีพจร เห็นว่ายังคงเต้นเป็นจังหวะปกติจึงพอจะเบาใจ อย่างน้อยคนเจ็บคงไม่เป็นอะไรมาก ที่สลบไปคงจะเกิดจากความอ่อนเพลียเท่านั้น
ไม่นานลูกน้องก็มาถึง...
“เขาเป็นใครกันครับ”
“ผมก็ไม่ทราบ จู่ๆ ก็มาหมดสติที่หน้าหน่วย” ตุลย์บอกด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
การที่ไม่รู้ที่มาที่ไปของคนเจ็บ ทำให้เขาสงสัยคิดไปไกลขนาดว่า อาจจะเป็นชาวบ้านจากอีกฝั่งของประเทศถูกไล่ล่าข้ามป่าข้ามเขามาจนถึงที่นี่
หน่วยรักษาพันธุ์สัตว์ป่าที่ตุลย์ประจำการอยู่นี้ อยู่ใกล้กับเขตชายแดนประเทศเพื่อนบ้านเพียงแค่เขาลูกหนึ่งกั้นเท่านั้น บ่อยครั้งมักเห็นชาวเขาหรือชาวบ้านจากอีกฝั่งหนึ่งของประเทศลักลอบข้ามมาถึง
ในวันนี้เช่นกัน ชายผู้บาดเจ็บคนนี้ อาจจะกำลังหนีอะไรมาสักอย่าง จึงทำให้มาล้มเจ็บที่นี่
แต่แปลกอยู่อย่างหนึ่ง เสื้อผ้าของคนเจ็บ ไม่เหมือนกับคนทั่วไปนุ่งห่มแม้สักน้อย
“เขาใส่ชุดแปลกๆ นะครับ” ลูกน้องถามอย่างสงสัย
“นั่นสิ ชุดอย่างกับเพิ่งไปแสดงตามงานวัดมา”
“ลิเกหรือครับหัวหน้า”
“ใช่ อย่างกับพวกแสดงลิเก” ตุลย์ว่าพลางยิ้ม มองไปยังใบหน้าเกลี้ยงใสของคนเจ็บ ซึ่งบัดนี้ถูกเช็ดคราบเลือดไปจนหมดแล้ว
หน้าตาของบุคคลปริศนาไร้ที่มาดูมีเสน่ห์ดึงดูดแปลกประหลาด หล่อเหลาเอาการหากว่าเทียบกับบรรดานักแสดงนายแบบทั้งหลาย แม้กำลังหลับตาอยู่ ยังดึงดูดให้ตุลย์อยากเข้าใกล้
ปากได้รูปน่าประทับจูบเป็นยิ่งนัก
“แถวนี้ไม่มีงานวัดนะครับ” ลูกน้องเอ่ยแทรกขึ้นมาระหว่างที่ตุลย์กำลังคิด
ข้าราชการหนุ่มยิ้ม เปิดทางให้ลูกน้องเข้าไปจับๆ คลำๆ ตรวจดูอาการของอีกฝ่าย
“ไม่ได้เป็นอะไรมากเลยครับ แผลที่หัวไหล่ก็ได้รับการทำแผลแล้ว ไม่ต้องถึงขนาดจะต้องเย็บ ว่าแต่หัวหน้าจะส่งเขาไปโรงพยาบาลไหมครับ”
“อาการเขาหนักไหมล่ะ”
“ไม่หนักหรอกครับ เราปฐมพยาบาลเบื้องต้นแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นยังไม่ต้องส่งตัว ให้เขาพักที่นี่แหละ ให้ฟื้นก่อนค่อยถามถึงที่มาที่ไป เกิดเป็นคนลักลอบเข้าเมืองหรือถูกไล่ล่ามา ส่งเขาไปยังโรงพยาบาลจะทำให้เกิดอันตรายแก่ตัวของเขาได้”
“แล้วหัวหน้าล่ะครับ ถ้าเกิดว่ามีคนไล่ล่ามาจริงๆ หัวหน้าจะเป็นอันตรายเอานะครับ”
“คงไม่มีใครกล้าเข้ามายุ่งวุ่นวายที่หน่วยของเราหรอก” ตุลย์ว่าแล้วถอนใจ เห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยแล้วจึงบอกให้ลูกน้องไปพัก “นายไปพักผ่อนเถอะ ขอบใจมากนะ รบกวนกลางค่ำกลางคืนแบบนี้ เสียเวลาพักของนายพอดี”
“ไม่เป็นไรครับ หัวหน้า ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวนะ”
ลูกน้องเดินทางกลับไปแล้ว ขณะตุลย์ยังคงมองร่างคนเจ็บอยู่เนิ่นนาน กระทั่งกระหวัดคิดถึงลำแสงสีเงินที่สว่างวาบขึ้นก่อนที่เขาจะพบกับชายคนนี้ จึงหันไปคว้าไฟฉายแล้วเดินไปยังจุดนั้นอีกครั้ง
ตรงจุดที่คนแปลกหน้านอนอยู่ ไม่มีร่องรอยอันใด นอกไปเสียจากบางสิ่งบางอย่างที่ตกอยู่ใกล้ๆ
ปีกนก...
ขนสีขาวแต้มไปด้วยรอยด่างเลือด ตุลย์หยิบขึ้นมาทั้งสองปีกมองพิจารณาอย่างสงสัย
ปีกนกมันเกี่ยวอะไรกับคนเจ็บกันแน่...
สายลมหนาวพัดเข้ามาในห้องแห่งนั้น ในคืนนี้ตุลย์เสียสละที่นอนให้กับคนแปลกหน้า หลังจากกลับเข้าบ้านมาพร้อมกับปีกนกปริศนา เขาก็จัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าให้กับคนเจ็บที่ยังคงนอนไม่ได้สติ
สองแก้มแดงระเรื่อ เมื่อถอดชุดของคนเจ็บออก ทำให้เห็นมัดกล้ามที่หนั่นแน่น พร้อมกับส่วนล่างที่นอนหลับสนิทไม่ต่างไปจากเจ้าของที่ดูน่ารักน่าใคร่เป็นยิ่งนัก
คิดว่ามีเหมือนกัน เห็นของตนเองอยู่เป็นประจำ ไม่คิดว่ายามนี้จะทำให้รู้สึกขวยเขิน ของก็มีเหมือนๆ กัน แต่เหตุใดถึงทำให้รู้สึกมากขนาดนี้
เป็นอะไรมากไปหรือเปล่าเนี่ยไอ้ตุลย์
“คนบ้าอะไร กางเกงในก็ไม่ใส่ เป็นไส้เลื่อนกันพอดี”
รีบสวมกางเกงขาสั้นของตนให้กับอีกฝ่ายกันความอุจาดตา พยุงให้ลุกขึ้นนั่งแล้วสวมเสื้อให้
ยังดีที่คนเจ็บรูปร่างไม่ได้ตัวใหญ่ไปกว่าเขานัก เสื้อผ้าที่ใส่จึงพอดิบพอดีกันอย่างไม่ต้องเป็นปัญหา
“เฮ้อ...เสร็จเสียที”
ยกมือขึ้นทำท่าปาดเหงื่อ ทั้งที่จริงแล้วเป็นการปัดความเก้อเขิน กับหัวใจที่มันเต้นรัวทิ้งอย่างโล่งอก
“หวังว่าการที่ฉันช่วยเหลือนายในวันนี้ จะไม่เป็นการทำคุณบูชาโทษหรอกนะ”
ตุลย์จัดที่นอนของตน แล้วล้มตัวลงนอน ส่วนหนึ่งยังใจเต้นไม่หาย ที่ดันไปเห็นส่วนนั้นที่มันน่ารักน่าทะนุถนอมยิ่งนักของคนเจ็บ