EP. 09

1049 Words
ตอนที่ ๙ ขณะคีรีธรแสดงสีหน้าฉงนขึ้นก่อนจะถาม “คนรัก คือคนประเภทไหนรึ” “ฉันหมายถึง กินรีตนที่นายจะเอามาเป็นคู่ครองน่ะ” “เรามิเคยแม้แต่จะต้องตานางกินรีตนใดในขณะนี้ นอกเสียจาก...” หยุดคำนั้นพลางขยับไปนั่งข้างๆ กับตุลย์ ขณะอีกฝ่ายถอยออกอย่างไว้ตัว “...นอกจากเจ้า ที่ทำให้เรามีจิตปฏิพัทธ์อย่างประหลาดนัก” “บ้าไปแล้ว ฉันไมได้เป็นนางกินรีนะ” “เราขอโทษต่อการกระทำย่ำยีเจ้า” “ก็บอกแล้วยังไงล่ะว่าไม่เป็นไร อ่ะ...ฟังเหตุผลแล้ว ฉันหายโกรธจริงๆ ก็ได้” ตุลย์ลุกขึ้นยืน แล้วทำกอดอก เขาระบายลมหายใจออกมาอย่างผ่อนคลาย เพราะอย่างน้อยก็ได้รู้เหตุผลของคีรีธร ต่อการกระทำที่เกิดขึ้นไปเมื่อคืน ที่สำคัญไปกว่านั้น ได้รับรู้ความรู้สึกของพ่อนกต่างบ้านต่างเมืองแล้วว่า รู้สึกอย่างไรต่อตน เท่าเทียมกัน คีรีธรก็เป็นครั้งแรกสำหรับเขา ที่ได้ลิ้มรสน้ำในกายเขาเช่นกัน “นั่นเจ้าจะไปไหนรึ” “ฉันหิว จะออกไปหาอะไรกิน จะไปไหมล่ะ...” “ไปสิ...เราไปด้วย...” คีรีธรกุลีกุจอตามตุลย์ไปยังรถ ก่อนทั้งสองจะเดินทางสู่ตลาดนัดกลางเมือง เจ้าหน้าที่หนุ่มเลือกร้านอาหารตามสั่งเจ้าประจำ ทักทายเจ้าของร้านตามประสา แล้วเดินไปนั่งตรงโต๊ะที่ว่าง คีรีธรเดินตามมนุษย์หนุ่มอย่างไม่ให้คลาดสายตา “อยากกินอะไรไหมล่ะ ฉันจะได้สั่งให้” “มีอันใดที่เรากินได้บ้างล่ะ เจ้าเลือกได้เลย” “ถ้างั้นอาหารเจก็แล้วกัน ไม่มีเนื้อสัตว์...” ตุลย์สั่งอาหารเจมาสองชุด ชุดแรกเป็นของเขา ชุดที่สองเป็นของคีรีธร ขณะมาเสิร์ฟอาหาร เจ้าของร้านชายตามองคีรีธรด้วยสายตาเชิงเสน่หา “เพื่อนมาจากในเมืองหรือคะ คุณตุลย์ หล่อจัง” แน่นอนที่เจ้าของร้านจะพึงพอใจในรูปลักษณ์ของคีรีธร เพราะออกจากหล่อเหลาออกขนาดนั้น สาวๆ คนอื่นยังหันไปกระซิบคุยกัน บางคนทำกล้าๆ เดินมาใกล้ๆ แล้วส่งยิ้มให้ ทว่าคีรีธรกลับไม่ได้สนใจตอบสนอง “คนเมืองของเจ้ามองเราแปลกๆ” คีรีธรเขี่ยๆ อาหาร ยังไม่ตักกินเสียทีเดียว ขณะมองไปโดยรอบอย่างระแวงสงสัย “ปีกของนายคงจะโผล่ล่ะมั้ง หรือไม่ก็หางโผล่” ตุลย์พูดเย้าแล้วทำหัวเราะ “ปีกของเราอยู่ที่เจ้า ส่วนหางของเรามิได้โผล่ออกมาเสียหน่อย...แล้วนี่อันใด อาหารเมืองของเจ้าดูประหลาดนัก” “เขาเรียกอาหารเจ นั่นน่ะผัดเต้าหู้ ส่วนนี่ต้มจับฉ่าย รับรองไม่มีเนื้อสัตว์อย่างที่นายกลัวหรอก” “มันจะกินได้รึ...” “ลองชิมดูก่อน ถ้ากินไม่ได้ก็เอามาให้ฉัน ฉันจะกินเอง” ครั้งแรกคีรีธรยังไม่ชินกับอาหารที่อยู่ตรงหน้า ลองตักชิมแต่ละอย่างทีละนิด กระทั่งได้ลิ้มรส เห็นว่าไม่ได้มีกลิ่นเนื้อสัตว์ จึงลงมือกินอย่างจริงๆ จังๆ ทั้งสองกินอาหารที่ร้านแห่งนั้นสักพักจึงออกไปเดินดูตลาด ตุลย์เลือกซื้อผลไม้เอาไว้ให้คีรีธรได้กินในยามที่เขาออกไปทำงาน หลังจากได้ของครบทั้งสองจึงเดินทางกลับ ระหว่างทางแวะตรงจุดชมวิว บนดอยสูง มองตรงไปข้างหน้าเห็นบ้านเมืองที่วางตัวไกลออกไปจนสิ้นสุดที่เหลี่ยมดอยอีกด้านหนึ่ง นกหลากชนิดโบยบินผ่านตัวแล้วตัวเล่า ลมหนาวพัดไล้ผิวกาย คีรีธรมองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกแปลกตา แท้จริงแล้วภาพตรงหน้าเป็นแต่เพียงภาพธรรมดามากสำหรับสายตาของเขา เพราะที่หิมพานต์ ต่างมีทัศนียภาพที่แปลกตาและอัศจรรย์มากกว่าโลกมนุษย์มากนัก “ที่ป่าหิมพานต์เป็นอย่างไรบ้างหรือ ฉันเคยได้ยินมาว่าป่าที่นั่นสวยมาก” “งาม ที่นั่นงาม เพราะเป็นเมืองทิพย์ เป็นด่านแรกของสวรรค์ทุกชั้นฟ้า หากมีโอกาส เราคงจะได้พาเจ้าไปเที่ยวที่นั่น” “ขอบใจนะ...” มองหน้าอันขาวใสของคีรีธร ประกายตาที่สบประสาน สื่อผ่านทุกความรู้สึกภายในออกมา มันมากกว่าทุกคนที่พูด มากกว่าทุกสิ่งอย่างที่เขาได้กระทำ แปลกประหลาดมหัศจรรย์เป็นยิ่งนัก หากว่าในความรู้สึกภายในของเขา มีจิตปฏิพัทธ์ต่อคีรีธรเช่นกัน เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงได้รู้สึกมากมายขนาดนี้ ความมืดโรยตัวลงมาอย่างรวดเร็ว การเริ่มต้นของราตรีกาลมาถึงอีกหน สองหนุ่มหล่อมาถึงบ้านพักในเวลานั้น ตุลย์อาสาเอาผลไม้ไปล้าง แล้วจัดใส่ตะกร้าเตรียมเอาไว้ให้กับคีรีธร ในวันนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับพ่อนกต่างภพ เหมือนจะมีมากขึ้นกว่าที่ผ่านมา นับตั้งแต่วินาทีแรกที่พบกับคีรีธร ตุลย์ไม่คิดเลยว่าตนจะมามีหัวใจรักพ่อกินนรรูปหล่อคนนี้ได้ เสมือนว่า เวลาที่ผ่านไปรวดเร็วนั้น ในความเป็นจริงแล้ว ล่วงผ่านมาหลายปี มากไปด้วยความรู้สึก มากไปด้วยสรรพเวลาต่อการได้อยู่ร่วมกันระหว่างเขาและคีรีธร ในวินาทีนี้ ราวกับว่าเขาคบหาอยู่กับคีรีธร หรือรู้จักกับกินนรหนุ่มมานานหลายปี มันมีความไว้เนื้อเชื่อใจ มีทุกความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความไว้วางใจต่อกัน เขาวางตะกร้าผลไม้ลงตรงหน้าของคีรีธร แล้วยอบตัวลงนั่งในฝั่งตรงกันข้าม “เราขอบใจต่อเจ้า ที่มีไมตรีต่อเราอย่างมากมายมหาศาล” “เออ...แล้วแผลภายในหายดีหรือยัง เห็นเข้าสมาธิมาสองสามวันแล้ว ได้พลังกลับมาเท่าไรแล้วล่ะ” “อาการของเราดีขึ้นบ้างแล้ว บาดแผลตรงหัวไหล่ก็จวนหายจนหมดสิ้นแล้ว เสียไปอย่างเดียว ปราณของเราสึกหรอไปด้วยนทีในกายที่เคลื่อนออกไป จักต้องใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่ง หรือไม่ก็ต้องให้พ้นช่วงมาสเดือนนี้ไปก่อน” “ก็แน่ล่ะ หลั่งออกมาเยอะขนาดนั้นนี่ จะไม่ให้เสียพลังไปได้ยังไงกัน” “เราขอบใจเจ้าอีกครั้ง ที่รองรับนทีจากกายของเรา”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD