Chapter 1
ตะวันวาดอยู่ในชุดไทยบรมพิมานสีงาช้าง ความงามสง่าของชุดโบราณช่วยขับผิวนวลผ่องให้แลดูกระจ่างตา ผมสวยถูกเกล้าขึ้นเรียบร้อยแล้วประดับด้วยปิ่นทองเก่าแก่ของมารดา เพิ่มความกระจ่างสง่างามบนวงหน้าสวยให้งดงามชวนมอง
กลางห้องโถงซึ่งถูกเนรมิตให้เป็นสถานที่จัดงานหมั้นและจดทะเบียนสมรสมีคู่บ่าวสาวนั่งอยู่เคียงคู่ ท่ามกลางรัฐมนตรี แขกเหรื่อผู้ใหญ่ และสักขีพยานอีกครึ่งร้อย รวมไปถึงสื่อมวลชนที่ฝ่ายเจ้าบ่าวตั้งใจเชิญมา
งานพิธีการตอนเช้าเป็นไปอย่างราบรื่น ถึงแม้ว่าแววตาของเจ้าสาวจะไม่ทอประกายแห่งความดีใจ ทว่าเธอก็จำต้องฝืนปั้นหน้ายิ้มแย้มเพื่อให้เกียรติตระกูลของเจ้าบ่าวที่รักและเมตตาเธอเสมอมา แถมยังยินดีรับเธอเป็นสะใภ้ด้วยความเต็มใจ จนกระทั่งเวลาล่วงเลยมาถึงเย็น
ห้องบอลรูมโรงแรมชื่อดังถูกดัดแปลงให้เป็นสถานที่จัดงานฉลองมงคลสมรสที่แสนยิ่งใหญ่แห่งปี ซุ้มดอกไม้สีขาวนับหมื่นดอกถูกตั้งเป็นแนวกำแพงหน้างาน สื่อมวลชนจากทุกสำนักแห่แหนมารอทำข่าวมากกว่าตอนเช้าเกือบเท่าตัว เนื่องด้วยเจ้าบ่าวมีสถานะเป็นถึงทายาทเจ้าของโรงแรมแห่งนี้ และที่สำคัญเป็นหนุ่มในฝันที่สังคมเซเลบจับตามอง
ตลอดสามสิบห้าปีที่ผ่านมาจิรพัทธ์ไม่เคยมีข่าวควงสาวสวยคนใดออกงานเลยสักครั้ง แต่วันนี้เขากลับประกาศแต่งงานสายฟ้าแลบกับอดีตนางแบบดังที่ผันตัวมาเป็นผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์คนใหม่ของโรงแรมว่าที่สามี หัวข้อข่าวลือหนาหูที่เรียกนักข่าวมามากมายอย่างนี้คงหนีไม่พ้น...
‘เจ้าสาวท้องก่อนแต่ง’
ทั้งการลาออกจากวงการอย่างกะทันหันในขณะที่งานล้นมือ การทำงานในโรงแรม และสุดท้ายการประกาศแต่งงานแบบสายฟ้าแลบ ล้วนเป็นเครื่องการันตีข่าวลือได้ดี
ชุดเจ้าสาวท่อนบนถูกออกแบบมาเป็นพิเศษด้วยผ้าดิ้นเหลือบทองพื้นสีครีมทองนวลซึ่งสั่งตรงจากฝรั่งเศสเช่นเดียวกับเพื่อนเจ้าสาวขับผิวขาวนวลให้แลดูผุดผ่อง คอคว้านลึกจนเห็นเนินอกรำไร ชายกระโปรงลูกไม้กรุยกรายยาวสองเมตร
แพรพรรณแนบชิดเรือนกายจนแลเห็นเรือนร่างทรงนาฬิกาทรายของเจ้าสาวแต่กลับมีช่อดอกไม้คาดทับตรงช่วงเอว ยิ่งเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับข่าวลือกระทั่งกระจอกข่าวประโคมข่าวอย่างสนุก ในขณะที่ด้านหลังเป็นผ้าซีทรูโปร่งลายลูกไม้อวดแผ่นหลังขาวลออตา แขกฝ่ายชายเห็นแล้วเป็นต้องกลืนน้ำลายด้วยความรู้สึกอิจฉาเจ้าบ่าว
ทว่าคนที่ถูกอิจฉากลับไม่ยอมมายืนข้างกายเจ้าสาวอย่างที่ควรเป็น ตะวันวาดยืนรับแขกกับมารดาเจ้าบ่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แขกคนแล้วคนเล่าเข้ามาทักทายเจ้าสาวหากก็ยังไร้เงาของเจ้าบ่าวอยู่ดี นั่นก็เพราะตอนนี้เขากำลังคุยกับรวินเพื่อนรักของเธออย่างถูกคออยู่ในมุมเดิม
ตะวันรุ้ง หญิงสาวที่หน้าละม้ายคล้ายเจ้าสาวจนแยกไม่ออก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะรูปร่างเหมือนกันเมื่อมองจากด้านหลัง และด้วยความที่เป็นพี่น้องกันจึงมีเค้าโครงหน้าที่คล้ายกัน แต่เหตุผลหลักที่เหมือนกันราวกับฝาแฝดคือมีดหมอศัลยกรรม ตะวันรุ้งตั้งใจขึ้นเขียงผ่าตัดนับครั้งไม่ถ้วนเพราะต้องการทำหน้าเหมือนน้องสาวทุกส่วน
“เจ้าบ่าวของเธอดูใส่ใจเธอมากเลยนะยาหยี งานแต่งงานตัวเองแท้ๆ กลับไม่สนใจเจ้าสาวสักนิด” พี่สาวของเจ้าสาวเดินหน้าเชิดเข้ามาหา พร้อมกับเหน็บแนมผู้เป็นน้อง
“คงคุยเรื่องงานกันน่ะค่ะ...เห็นพี่พัทธ์สนใจธุรกิจของรวิน”
“มันใช่เวลาที่ต้องมาคุยเรื่องงานในวันแต่งงานไหม ฉันเห็นตั้งแต่ตอนหมั้นแล้ว หรือว่าจะเป็นอย่างที่ข่าวลือ เขาแต่งงานเพราะต้องการรับผิดชอบลูกในท้องของเธอเท่านั้น”
“ยาหยีไม่ได้ท้องนะคะ...ยาหยียังรักษาเกียรติของตัวเองเสมอ”
ตะวันรุ้งพยักหน้าเหมือนเข้าใจแต่กลับเบ้หน้ามองน้องสาวอย่าง น่ารำคาญ นั่นก็เพราะความคิดของคนทั้งคู่สวนทางกันทุกอย่าง เธอเกลียดความแสนดีของน้องสาวและมองว่าโง่เสมอ
“อ้อ พี่ลืมไป เพราะเกียรติของเธอหมดไปกับพชร ผู้ชายที่ได้เธอไปง่ายๆ แล้วทิ้งไปอย่างไม่ไยดี ขาดการติดต่อกลับมานับสิบปีใช่ไหม”
คำพูดของพี่สาวยิ่งขยายรอยร้าวลึกในหัวใจเจ้าสาวหมาดๆ ให้กว้างขึ้น มือเล็กยกขึ้นแตะสร้อยแทนใจชิ้นสุดท้ายที่เขามอบให้ก่อนจากลา สิบปีแล้วที่เธออยู่อย่างเฝ้ารอ แต่เขาก็เป็นเหมือนสายลมที่พัดเพียงแผ่วเบาอยู่รอบกายหากไม่สามารถมองเห็นหรือโอบกอดด้วยสองมือได้
“ที่พี่พูดก็เพราะว่าหวังดีกับเธอหรอกนะยาหยี ถ้าจะเริ่มต้นใหม่ก็ลืมผู้ชายคนนั้นเสียที”
ตะวันวาดเงยหน้ามองพี่สาวด้วยใบหน้าเรียบเฉย เธอเลือกที่จะเงียบแทนการโต้ตอบ เพราะสิ่งที่พี่สาวของเธอพูดล้วนถูกต้องทุกประการ
เธอยอมมอบทั้งความรักและสิ่งที่มีค่ามากที่สุดในชีวิตหญิงสาวให้แก่ชายคนรัก แต่เธอกลับไม่เคยรู้ว่าเขารู้สึกเหมือนอย่างเธอหรือเปล่า
“ยาหยีขอตัวไปเข้าห้องน้ำสักครู่นะคะ...อีกไม่นานก็จะถึงเวลาเริ่มงานเลี้ยงแล้ว”
“อืมไปเถอะ...จะให้ไปเป็นเพื่อนไหม”
“ยาหยีไปคนเดียวได้ค่ะ”
คนเป็นพี่เจ้าสาวเพียงพยักหน้ารับ ก่อนที่จะถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อเห็นอดีตสามีของเธอเดินควงแขนคู่ขาคนใหม่เข้ามาในงานพอดี ถึงจะเกลียดไม่อยากเจอหน้า แต่เพราะอยู่ในวงสังคมเดียวกันก็ทำให้เธอไม่อาจหนีภาพเขาได้เลยสักครั้งเดียว
ชายหนุ่มใบหน้าคมเข้มด้วยไรเครายืนพิงกระถางต้นไม้ตรงมุมหนึ่งของโรงแรมด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ลมหายใจเจือด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์ของคนที่เพิ่งแตะพื้นแผ่นดินไทยยังไม่ครบสิบสองชั่วโมงโชยออกมาเป็นระยะ พร้อมกับเสียงถอนหายใจอย่างขัดใจ
มือหนาที่ยังคงกำเจ้าเครื่องมือสื่อสารบางจิ๋วอยู่มิคลายเริ่มมีเหงื่อซึมออกมาจนเปียกชื้น ขณะที่สายตาทอดมองคนที่เพิ่งเดินผ่านไปด้วยความรักที่ถูกปิดทับด้วยรอยแค้นมิดทุกอณู ขยะแขยงราวกับเธอเป็นสิ่งแปลกประหลาด คิ้วหนาขมวดมุ่น ขบกรามจนเห็นเส้นนูนปูดโปน เพราะเขาไม่สามารถเข้าใกล้เธอได้มากกว่าที่เป็นอยู่ ต้องรอคนที่เพิ่งวางสายเมื่อครู่มาช่วย
เจ้าสาวตัดสินใจขึ้นไปยังห้องแต่งตัว ก่อนจะทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างทอดอาลัย ยกมือกุมสร้อยเส้นเล็กที่อยู่บนลำคอระหงเหมือนต้องการกำลังใจและไออุ่นปลุกปลอบ ทั้งที่ไม่เข้ากับชุดสักนิด แต่มันเป็นเพียงสิ่งเดียวที่เธอขอแม่สามีสวมใส่ติดกาย
คุณหญิงรำภาอยากให้ว่าที่ลูกสะใภ้สวมชุดไพลินล้อมเพชรประจำตระกูลมากกว่า แต่เมื่อเห็นว่าเป็นสิ่งเดียวที่เจ้าสาวขอ และลูกชายนางก็เห็นดีด้วย นางจึงจำยอมปล่อยผ่านไป
“คุณไปอยู่ไหนนะพชร คุณจะยังคิดถึงฉันบ้างหรือเปล่า” ตะวันวาดรำพึงเสียงเบาหวิว น้ำใสเริ่มคลอหน่วยตา เมื่อหัวใจอับแสง ไร้เรี่ยวแรงหยัดยืน แต่ด้วยภาระและหน้าที่ทำให้เธอจำต้องเสียสละเพื่อครอบครัว เพราะครั้งนั้นตะวันรุ้งก็เคยทำไม่ต่างจากเธอ
หญิงสาวกลอกตามองเพดานหมายจะข่มกลั้นหยาดน้ำตาที่พร้อมจะหลั่งริน จึงแลเห็นโคมไฟระย้าสวยหรูราคาเรือนแสนหากกลับดูไร้ความงามในสายตาของเธอ แต่สุดท้ายตะวันวาดก็ต้องทิ้งตัวลงบนหมอนใบนุ่มเมื่อไม่อาจข่มกลั้นความรู้สึกข้างในเอาไว้ได้อีกต่อไป
ห้องสูทสุดหรูที่ในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าจะถูกใช้เป็นห้องหอของคู่บ่าวสาวกลับกลายเป็นที่รองรับน้ำตาของเจ้าสาว แทนที่จะอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของความสุข ตะวันวาดปล่อยให้มันหลั่งรินออกมาจนพอใจ ก่อนที่จะขยับลุกไปซับหน้าลบรอยคราบและก้าวเดินออกมาจากห้อง
ยิ่งใกล้เวลาเริ่มงานแขกก็ยิ่งทยอยมามากขึ้น ห้องจัดเลี้ยงที่กว้างขวางจึงแลดูแคบไปถนัดตา ทว่าพอใกล้เวลาพิธี บิดามารดาคู่บ่าวสาวก็เริ่มร้อนรนเพราะยังไร้เงาของทั้งเจ้าบ่าวเจ้าสาว ยิ่งมีแขกเหรื่อที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในวงสังคมชั้นสูงมาร่วมงาน คุณหญิงรำภาก็ยิ่งห่วงว่าจะโดนเอาไปนินทาลับหลัง แม้ใจอยากจะเดินออกไปตามหา แต่คงไม่ดีแน่ถ้านางจะหายออกไปจากงานอีกคน