ตอนที่ 2 กลับสู่จุดเริ่มต้น
4 เดือนก่อน...หลังจากที่ม่านรดาเรียนจบปริญญาตรีหมาดๆ ก็เตรียมตัวเดินทางไปเที่ยวยังไร่กาแฟที่อยู่บนดอยในจังหวัดเชียงราย ตามคำแนะนำของเจ้าของร้านกาแฟที่เธอมักจะไปนั่งดื่มเป็นประจำ ตั้งแต่เข้าเรียนปีหนึ่งจนถึงกระทั่งเรียนจบปีสี่
ก่อนออกเดินทาง เธอก็ไม่ลืมแวะเข้าไปในร้านกาแฟ เพื่อสั่งเครื่องดื่มเมนูโปรดที่ให้ความรู้สึกสดชื่นและซู่ซ่า เหมาะแก่วันดีๆ แบบนี้เป็นอย่างมาก
“สวัสดีค่ะพี่เดือน เอากาแฟเสาวรสโซดาเหมือนเดิมค่ะ”
“สวัสดีค่ะ น้องม่าน วันนี้จะไปไหนคะเนี่ย?” ดวงเดือนเอ่ยถามพร้อมกับจ้องมองเด็กสาวที่สวยดุจดอกไม้แรกแย้ม ผมสีดำเงาดุจแพรไหม ยาวถึงครึ่งแผ่นหลัง ใบหน้าจิ้มลิ้มที่เรียวงาม ดวงตากลมโตถูกรายล้อมไปด้วยขนตาที่งอนและยาว รับกับจมูกที่โด่งนิดๆ และริมฝีปากรูปกระจับอันอวบอิ่ม ทุกองค์ประกอบของเครื่องหน้า ล้วนไม่ได้ผ่านมีดหมอหรือคลินิกเสริมความงามแต่อย่างใด กำลังลากกระเป๋าเดินทางขนาด 16 นิ้ว สีเขียวมิ้นท์พาสเทล เดินเข้ามาในร้านกาแฟด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเหมือนเช่นทุกๆ ครั้ง
“ม่านจะไปเที่ยวไร่กาแฟตามที่พี่เดือนบอกค่ะ”
“อ้าว! จะไปจริงๆ เหรอคะ?” ดวงเดือนถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ เพราะเธอแค่กระตุ้นเล่นๆ ไปตามประสาเจ้าของร้านกาแฟ ที่ชอบ สปอยล์แหล่งที่ไปที่มาของเมล็ดกาแฟคั่ว เพื่อเพิ่มความรู้และมนต์เสน่ห์ให้ลูกค้าที่มาอุดหนุนเพียงเท่านั้น ไม่คิดว่าเด็กสาวจะอยากไปตามคำบอกเล่าจริงๆ
“ค่ะ” ม่านรดาพยักหน้ารับอย่างขำๆกับสีหน้าแปลกใจของเขา
“แล้วได้ที่พักหรือยังคะ”
“ได้แล้วค่ะ เป็นรีสอร์ตที่อยู่ใกล้ๆ กับไร่กาแฟเลย”
“แหม...อย่าลืมถ่ายรูปส่งมาให้พี่ดูด้วยนะ วันนี้พี่เลี้ยงฟรีจ้ะ ส่วนอันนี้เอาไว้ทานตอนหิว” ดวงเดือนส่งกาแฟที่ทำเสร็จไปให้พร้อมกับแซนด์วิช
“ขอบคุณมากๆ ค่ะ ม่านไปก่อนนะคะ” ม่านรดายกมือไหว้ ก่อนจะหยิบแก้วกาแฟขึ้นมาถือ
“จ้ะ” ดวงเดือนขานรับพร้อมกับโบกมือให้เด็กสาว
ม่านรดาฉีกยิ้ม แล้วหมุนตัวเดินกลับไปยังด้านหลัง แต่ทว่า...กลับชนเข้ากับใครบางคนอย่างจัง “อ๊ะ!”
ซ่า...
“โอ้พระเจ้า!” มักซิมิเลียนอุทานออกมาอย่างตกใจ
“ขะ...ขอโทษค่ะ” ม่านรดาเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นๆ อย่างรู้สึกผิดที่แก้วกาแฟเย็นในมือหกเลอะเสื้อสูทของชายหนุ่มลูกครึ่งที่น่าจะสูงเกิน 190 เซนติเมตรเห็นจะได้
“ให้ตายสิ! นี่ผมกำลังจะเข้าประชุมนะ” มักซิมิเลียนสบถออกมาอย่างหัวเสีย หลังได้กลิ่นกาแฟและไซรัปกลิ่นเสาวรสลอยคุ้งในอากาศ
“เอ่อ...คือว่า...หนูขอโทษอีกครั้งนะคะ หนูไม่ได้ตั้งใจจะ...”
“ไม่ต้องขอโทษ เธอมีเวลาหนึ่งชั่วโมง ทำให้คาบกาแฟนี่หายไป” เขาตอบกลับด้วยสายตาขวางๆ
“คะ...คือว่า...”
“ขออเมริกาโน่ร้อนแก้วหนึ่งครับ” มักซิมิเลียนหันไปสั่งกาแฟ ก่อนจะถอดเสื้อสูทและเสื้อเชิ้ตสีขาวด้านในออกอย่างรวดเร็ว จนเหลือแต่เสื้อกล้ามสีขาว จากนั้นก็ส่งเสื้อสูทและเสื้อเชิ้ตไปให้กับหญิงสาวที่ยืนหน้าซีดอยู่ใกล้ๆ “ผมจะนั่งรออยู่ที่นี่”
“ค่ะ” ม่านรดารีบรับมาถืออย่างมึนๆ งงๆ
“ส่งกระเป๋าเดินทางของคุณมา ผมจะดูแลให้”
“ค่ะ” ม่านรดาส่งกระเป๋าเดินทางไปให้อย่างไม่มีทางเลือก
“น้องม่านรีบไปเถอะจ๊ะเดี๋ยวพี่เก็บกวาดเอง” ดวงเดือนบอกอย่างเห็นใจเด็กสาว ที่กำลังจะออกเดินทางไปท่องเที่ยว แต่ก็ดันมาเจอเหตุไม่คาดฝันเข้าซะก่อน ขณะเดียวกันก็รู้สึกอึ้งและทึ่งที่ได้เห็นลูกค้าหนุ่มหล่อเข้ม ที่สูงและหุ่นสมาร์ทราวกับนายแบบท็อปโมเดล เดินเข้ามาสั่งกาแฟในร้านของเธอเป็นครั้งแรก
หนึ่งชั่วโมงต่อมา...
ม่านรดาที่วิ่งหน้าตั้งมาพร้อมกับเสื้อสูทและเสื้อเชิ้ตสีขาวที่ซักและรีดมาอย่างดี เอ่ยด้วยน้ำเสียงปนหอบ “มาแล้วค่ะ”
“น้องม่าน! คุณผู้ชายคนนั้นไปแล้ว เขาทิ้งเบอร์เอาไว้ให้จ้ะ” ดวงเดือนบอกพร้อมกับส่งเบอร์มือถือที่อีกฝ่ายจดใส่กระดาษไปให้
“แล้วกระเป๋าของหนูล่ะคะ?” ม่านรดารับมาถือพร้อมกับส่งสายตามองหากระเป๋าเดินทางคู่ใจ
“เอ่อ...เขาเอาไปด้วยค่ะ” ดวงเดือนบอกด้วยสีหน้าเจื่อนๆ
“งั้นหนูขอตัวก่อนนะคะ” ม่านรดาบอกพร้อมกับก้มหัวลงนิดๆ อย่างรู้สึกอายๆ เพราะตอนนี้ภายในร้านกาแฟ มีลูกค้ากำลังต่อแถวซื้อกาแฟอยู่ราวๆ ยี่สิบกว่าคนและกำลังหันมามองเธอเป็นสายตาเดียว
“จ้ะ โชคดีนะ” ดวงเดือนเอ่ยตามหลังเด็กสาวยังรู้สึกเป็นห่วงนิดๆ อยากจะตามไปส่ง แต่ว่าลูกค้าสาวๆ ในร้านก็เยอะและกำลังรอเครื่องดื่มอยู่ ซึ่งสาเหตุก็มาจากหนุ่มหล่อคนดังกล่าว ที่เธอก็เพิ่งจะทราบว่าที่แท้แล้วเขาเป็นทายาทคนเดียวของ เอริกส์ เจนนาดี้ พ่อหม้ายเนื้อหอมที่มีข่าวว่อนไปทั่วว่ากำลังคบหากับผู้ช่วยเลขาสาวคนสวย ซึ่งเคยเข้าประกวดนางงามและเข้ารอบชิง 5 คนสุดท้ายมาก่อน
ด้าน...ม่านรดาที่เดินออกมาข้างนอกร้าน ก็รีบล้วงมือถือมากดต่อสายไปยังเบอร์ที่หนุ่มหล่อมาดดุทิ้งเอาไว้ให้อย่างร้อนใจ
ตู๊ด...ตู๊ด...เสียงรอสายดังขึ้นเพียงสองครั้ง ปลายสายก็กดรับ
[สวัสดีค่ะ คุณจะให้ฉันเอาเสื้อไปให้ที่ไหนคะ]
[เอามาให้ผมที่โรงแรมเอื้องลานนา มาถึงแล้วให้โทรหาอีกครั้ง]
[ได้ค่ะ] ม่านรดาเอ่ยจบก็รีบกดวางสายแล้วออกวิ่งไปทันที เพราะโรงแรมที่นัดหมายอยู่ถัดจากร้านกาแฟไปอีกราวๆ สามร้อยเมตร
โรงแรมเอื้องลานนา...
ทันทีที่มาถึงหน้าโรงแรม ม่านรดาที่วิ่งมาอย่างเหนื่อยหอบ เหงื่อชื้นไปทั่วดวงหน้า ก็ล้วงมือถือมากดต่อสายหาชายหนุ่มอีกครั้ง
ตู๊ด...ตู๊ด...
[มาถึงหรือยัง?] ปลายสายเอ่ยถามทันทีที่กดรับสาย
[เอ่อ...หนูอยู่ที่ล็อบบีค่ะ]
[ขึ้นลิฟต์มาที่ชั้น 9 ผมอยู่ในห้อง 909] ปลายสายเอ่ยจบก็กดวางไปทันทีทันใด
“เฮ้อ...อะไรกันเนี่ย? นี่เขาจะให้เราขึ้นไปหาที่ห้องพักงั้นเหรอ?” ม่านรดาถอนหายใจก่อนจะเดินเข้าไปในล็อบบี และมุ่งตรงไปยังลิฟต์ด้วย สีหน้าเบื่อโลก เพราะแผนการออกเดินทางตามหาต้นกำเนิดของกาแฟที่เธอดื่มมาสี่ปี ต้องพังลงอย่างไม่เป็นท่า
สามนาทีต่อมา...ม่านรดายืนอยู่ตรงหน้าห้องพักหมายเลข 909 อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยกมือขึ้นเคาะที่ประตูห้องเบาๆ สองครั้งติดๆ กัน
ก๊อกๆ
“เข้ามาสิ” เสียงคนที่อยู่ข้างในตะโกนบอก
“เฮ้อ...เขาคงไม่ทำอะไรเราหรอกมั้ง” หญิงสาวบ่นพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะหมุนลูกบิด แล้วดันประตูให้เปิดเข้าไปด้านในด้วย หัวใจสั่นๆ
คลิก!
ม่านรดาเห็นร่างสูงที่เปลือยเปล่าท่อนบน เผยให้เห็นกล้ามแน่นๆ และรอยสักที่หน้าอกเป็นรูปหรืออักษรอะไรสักอย่าง เธอเห็นไม่ชัดเพราะรีบก้มลงมองที่พื้นห้อง
“เอ่อ...นี่เสื้อของคุณค่ะ” เธอส่งเสื้อสูทกับเสื้อเชิ้ตสีขาว ที่ซักและรีดมาเรียบร้อยแล้วไปให้
“ขอบใจ นั่งก่อนสิ” เขาตอบด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ
“มะ...ไม่เป็นไรค่ะ คือหนูต้องรีบไปขึ้นรถ”
“จะไปไหน?”
“ไปเที่ยวไร่กาแฟค่ะ” เธอตอบโดยไม่เงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย
“ไร่อะไร?”
“ไร่กาแฟดารันค่ะ”
“ดื่มน้ำก่อนสิ” เขาริมน้ำดื่มลงในแก้วก่อนจะยื่นไปให้กับหญิงสาวที่ใบหน้ามีเหงื่อชื้น ผมเผ้ากระเซิงนิดๆ อย่างรู้สึกขำ เดาว่า...เมื่อครู่เธอคงจะวิ่ง 4x100 มาแน่ๆ
“หนูขอตัวก่อนนะคะ แล้วก็ขอโทษอีกครั้งที่ทำให้คุณเสียเวลา” ม่านรดาเอ่ยพร้อมกับก้มหัวลงนิดๆ จากนั้นก็เตรียมตัวจะออกเดินไปจากห้องพักสุดหรู
“เดี๋ยว! กลับมานี่ก่อน” มักซิมิเลียนเอ่ยเรียกพร้อมกับเดินตรงเข้าไปหาคนที่กำลังจะเดินออกจากห้องพักของตนไปด้วยสีหน้าตื่นๆ
“กรี๊ด...” ม่านรดากรีดร้องอย่างหวาดกลัวเมื่อฝ่ามือของอีกฝ่ายแตะสัมผัสลงที่ไหล่ของเธอ จากนั้นภาพทุกอย่างก็ดับวูบไปทันทีทันใด
“เฮ้อ...ยัยเด็กบ้า” มักซิมิเลียนกลอกตาก่อนจะช้อนอุ้มแม่สาวขวัญอ่อนที่เป็นลมหมดสติ เดินตรงไปยังห้องนอน แล้ววางลงบนเตียงขนาดคิงไซซ์อย่างเบามือ
ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ
เสียงเรียกเข้าที่ดังขึ้นทำให้มักซิมิเลียน ละสายตาจากใบหน้าจิ้มลิ้มและหุ่นอันแสนจะเย้ายวนของแม่สาวไซซ์มินิ แล้วล้วงมือถือที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงออกมากดรับสายของคนสนิท
[นายครับ ใกล้เวลาเข้าประชุมแล้วนะครับ] อีธานบอกด้วยน้ำเสียงเร่งรีบ ที่ป่านนี้ผู้เป็นนายยังมาไม่ถึงบริษัท
[แกเข้าประชุมแทนฉันไปก่อนแล้วกัน]
[เกิดอะไรขึ้นครับ]
[มีเรื่องนิดหน่อย เจอกันพรุ่งนี้] มักซิมิเลียนเอ่ยจบก็กดวางสายไปทันที จากนั้นก็วางมือถือลงบนโต๊ะ แล้วเดินไปหยิบกระเป๋าสะพายใบเล็กของสาวเจ้าที่ตกอยู่ด้านนอก มาเปิดดูด้านในก็พบมือถือกับกระเป๋าเงิน เขาหยิบมือถือของเธอมากดดู ปรากฏว่ามันไม่ได้ล็อกเครื่อง จึงแอบเข้าไปสำรวจชีวิตของแม่สาวขวัญอ่อนในโลกโซเชียล ก่อนจะยกยิ้มที่มุมปากขึ้นนิดๆ รู้สึกได้ถึงชีวิตอันเพ้อฝันของเด็กสาวที่ดูจะโลกสวยเอามากๆ คนหนึ่ง
สามชั่วโมงต่อมา..
ม่านรดาค่อยๆ ลืมตาขึ้นและมองไปรอบๆ ก่อนจะรีบขยับตัวลุกอย่างตกใจ ที่รู้ว่าตนเองไม่ได้นอนอยู่บนเตียงที่คุ้นเคย
“ฟื้นแล้วเหรอ?” มักซิมิเลียนที่เผลอหลับตามไป ค่อยๆลืมตาขึ้น แล้วเอ่ยถามสาวในอ้อมกอดเบาๆ
ม่านรดารับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ที่เป่ารดต้นคอ ถึงกับหน้าชาและขนลุกซู่ไปทั้งเนื้อทั้งตัว รีบแกะมือหนาที่กอดรัดเอวออก