13

1347 Words
นางลุกไปล้างหน้าของนางแล้วก็ตรงไปที่โต๊ะที่จางซงหยวนนั่งรออยู่ กินอาหารด้วยกันเงียบๆ แล้วก็ออกไปยังด้านหลังของโรงเตี๊ยม นางเดินเลยไปยังทางออกแต่ก็ถูกแรงของจางซงหยวนดึงแขนของนางให้ตรงไปยังม้าสีดำตัวใหญ่ของเขา ยังไม่ทันได้อ้าปาก นางถูกยกจนตัวลอยขึ้นไปบนหลังม้าของเขา โดยมีจางซงหยวนตามขึ้นมาหลังจากนั้น เขาโอบกอดนางไว้แล้วพาเดินกลับไปยังเส้นทางที่มุ่งหน้าสู่เมืองหลวง หลี่เยี่ยนถิงนั่งเงียบจนเห็นว่าเป็นเส้นทางคุ้นเคยแล้วนั้น นางกะระยะทางพอได้ว่าอีกไม่นานต้องผ่านตลาดค้าขายผักและเนื้อแล้วจึงจะลัดไปยังเส้นทางหลังพระราชวังได้ จึงเปิดปากพูดกับเขาดีๆ สักครั้งหนึ่ง “หากข้าจะขออะไรท่านแม่ทัพสักอย่าง จะได้หรือไม่” จางซงหยวนเงียบไปเป็นนานจนคนขอร้อนใจเอี้ยวไปมองเขา เห็นสายตาที่มองตอบมาก็ออกร้อนไปหมดทั้งใบหน้า เขาถึงได้ถามกลับนาง “เรื่องใด” “ท่านปล่อยให้เราลงตรงนี้ อย่าไปส่งเราไกลมากกว่านี้ให้คนอื่นเห็น” “เหตุใดจึงไม่อยากให้ผู้อื่นเห็น “ไม่เป็นการดีสักนิดหากผู้อื่นเห็นข้ากับท่านบนหลังม้าเช่นนี้” พูดจบม้าก็ถูกกระตุ้น อ้อมกอดของจางซงหยวนเอาเปรียบนางอีกครั้ง “ปล่อยข้าลง” จางซงหยวนพาไปส่งถึงทางลัดหลังพระราชวัง เขายอมปล่อยนางลง แล้วหาที่ผูกม้าก่อนจะตามหลังนางไปห่างๆ องค์หญิงสามเดินหายไปยังทางลัดจนลับสายตาแล้ว จึงหันกลับไปยังเส้นทางเดิม พาตนเองเข้าเฝ้าองค์ฮ่องเต้หลังจากนั้น จางซงหยวนพาตัวเองเข้าเฝ้าฮ่องเต้ในทันที แม้จะทรงประชุมอยู่กับเหล่าเสนาบดีเรื่องปากท้องของชาวบ้านและเรื่องทุจริตของนายอำเภอแห่งหนึ่งอยู่ แต่เมื่อได้ยินว่าแม่ทัพคนโปรดอย่างจางซงหยวนกลับมาถึงแล้วและกำลังรอเข้าเฝ้าพระองค์ก็รีบสั่งให้เลิกประชุมทันที จะเหลือก็เพียงอัครเสนาบดีเสิ้นที่ยังรอรายงานเรื่องด่วนอีกเรื่อง จึงนั่งรอที่ตรงนั้นด้วย รอให้จางซงหยวนเข้ามากลางโถงแล้ว เจียวกงกงรีบทำหน้าที่ของตนกล่าวความดีความชอบของจางซงหยวน ก่อนจะพูดถึงของกำนัลหลายอย่างที่ฮ่องเต้ทรงประทานให้พร้อมด้วยเรื่องสุดท้ายนั่นคือพระราชทานอภิเษกสมรสระหว่างจางซงหยวนกับองค์หญิงเจ็ด จางซงหยวนได้ยินของกำนัลที่มีมากมายมากกว่าคราวก่อนหลายเท่าตัวก็นิ่งเฉยไป สีหน้าแววตาดูไม่ได้มีความยินดีเลยแม้แต่เพียงนิดราวกับชินชาเสียแล้วกับข้าวของเหล่านั้น เขายกมือขึ้นคำนับพร้อมเอ่ยเสียงเรียบไม่ต่างจากใบหน้าและแววตา พลันตอบกลับไป “กระหม่อมขอขอบพระทัยฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ แต่เกรงว่าจะรับไว้ไม่ได้ทั้งหมด” “รับไว้ไม่ได้ทั้งหมดอย่างนั้นรึ ไหนเจ้าลองว่ามาซิซงหยวน มีอะไรที่เจ้ารับไว้ไม่ได้” “การอภิเษกสมรสพ่ะย่ะค่ะ” ฮ่องเต้หลี่ไห่ถงหรี่ตาลงจนกลายเป็นตาเหยี่ยวเมื่อได้ยินเสียงของแม่ทัพใหญ่แห่งราชวงศ์ นั่นไม่ใช่คำพูดขอร้องแต่อย่างใด แต่มันคือคำพูดสั่งการมากกว่า จางซงหยวนอยู่ในสนามรบมากจนลืมไปแล้วกระมังว่ากำลังคุยกับตนที่เป็นถึงองค์ฮ่องเต้ ไม่ใช่นายทหาร นายกองที่เป็นลูกไล่ของเขา หากตนยอมให้คนใต้บังคับมาต่อรองด้วยแบบนี้ ผู้อื่นจะมองตนเป็นฮ่องเต้ได้อีกหรือ “จางซงหยวน ข้ามอบบรรดาศักดิ์โหวให้เจ้าตั้งแต่อายุยังน้อย เลยทำให้เจ้าเหลิง ได้ใจแล้วจึงได้กล้าต่อรอง กล้าขัดคำสั่งของข้าอย่างนั้นหรือ” “กระหม่อมมิบังอาจ” “มิบังอาจอะไรของเจ้า! ในเมื่อเจ้ากำลังปฏิเสธพิธีอภิเษกสมรสที่ข้ามอบให้” “กระหม่อมไม่ได้ปฏิเสธ กระหม่อมเพียงแต่ต้องการให้ฝ่าบาทประทานอภิเษกสมรสกระหม่อมกับองค์หญิงสามแทนที่จะเป็นองค์หญิงเจ็ดพ่ะย่ะค่ะ” ได้ยินว่าท่านแม่ทัพใหญ่ขอเปลี่ยนตัวภรรยา คิ้วหนาเข้มของฮ่องเต้หลี่ไห่ถังก็กระตุกระรัวติดๆ กันเลยทีเดียว “จางซงหยวน นี่เจ้า!” “ขอองค์ฮ่องเต้อย่าได้ทรงกริ้วพ่ะย่ะค่ะ” เจียวกงกงรีบค้อมตัวลงขอให้องค์ฮ่องเต้อย่ามีอารมณ์ฉุนเฉียวคุกรุ่นด้วยโทสะแล้วกล่าวย้ำอีกครั้งด้วยเนื้อตัวสั่นเทา “ขอพระองค์ทรงเย็นพระทัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ” กล่อมทางนั้นไม่ทันเย็นลงดีก็หันมาบอกจางซงหยวน “ท่านแม่ทัพจาง ได้โปรดน้อมรับราชโองการแต่โดยดีด้วยเถอะ” จางซงหยวนมองจ้องตากับองค์ฮ่องเต้หลี่ไห่ถังแล้วเอ่ยด้วยวาจาเรียบเฉย หาได้มีแววหวาดกลัวหรือกริ่งเกรงแต่อย่างใด “เหตุใดฝ่าบาทจึงอยากให้กระหม่อมแต่งงานกับองค์หญิงเจ็ด” “เจ้า! นี่เจ้ายังจะต่อปากต่อคำกับเราอีกหรือซงหยวน” “ขอฝ่าบาททรงโปรดไขข้อข้องใจเรื่องนี้ให้กระหม่อมด้วยพ่ะย่ะค่ะ” ฮ่องเต้หลี่ไห่ถังเสียอีกที่ออกจะเกรงใจแม่ทัพใหญ่อย่างจางซงหยวน ตนขึ้นมาในตำแหน่งนี้ได้ตอนนั้นก็เพราะได้จางซงหยวนช่วยเป็นกำลังอีกแรง หากไม่ใช่เพราะอดีตแม่ทัพคนก่อนคิดก่อกบฏและถูกจางซงหยวนฆ่าตายเสียก่อน ตนคงไม่มีวันนี้เช่นกัน เมื่อคิดทบทวนถึงเรื่องราวครั้งนั้นได้แล้วน้ำเสียงที่ใช้เจรจาพลันนุ่มนวลลงอีกหลายระดับ “เจ้าเลอะเลือนไปแล้วหรือยังไง ก็ในเมื่อเจ้ากับองค์หญิงเจ็ดหมั้นหมายกันไว้ ไม่แต่งเสียที มันจะได้อย่างไรกัน” “กระหม่อมไม่รู้ว่าพระองค์หรือกระหม่อมกันแน่ที่ความจำเลอะเลือน กระหม่อมยังไม่เคยเข้ารับการหมั้นหมายใดๆ ทั้งสิ้น หากมีเพียงแต่ฮองเฮาที่พูดถึงเรื่องนี้ต่อหน้ากระหม่อมครั้งเดียว หวังให้กระหม่อมยินยอมตาม และเท่าที่ความจำของกระหม่อมยังพอมี เรื่องนี้กระหม่อมไม่เคยรับปากผู้ใดทั้งนั้น” “ซงหยวน” หลี่ไห่ถังเรียกท่านแม่ทัพด้วยเสียงลากยาว พยายามควบคุมอารมณ์ของตนเองไม่ให้คุกรุ่นขึ้นมาอีกครั้ง “เจ้าทำความดีความชอบมากมายให้บ้านเมืองขนาดนี้จะไม่มีรางวัลให้เจ้าได้อย่างไร เงิน ทอง ข้าวของ รวมถึงคู่ครองด้วย ทั้งหมดล้วนแต่เห็นดีเห็นงาม เห็นว่าเหมาะกับเจ้า ข้าจึงได้มอบให้” “หากฝ่าบาทมองเห็นว่ากระหม่อมมีความรับผิดชอบ เช่นนั้นกระหม่อมขอพระองค์ประทานอภิเษกสมรสให้กระหม่อม แต่ขอเพียงทรงเปลี่ยนจากองค์หญิงเจ็ดเป็นองค์หญิงสามด้วยพ่ะย่ะค่ะ” “เหตุใดเราจะต้องให้เจ้าแต่งงานกับองค์หญิงสาม ไหนลองบอกเหตุผลของเจ้ามา” จางซงหยวนมองสบตาฮ่องเต้หลี่ไห่ถังไม่หลบขณะเปิดปากตอบ “ครั้งหนึ่งกระหม่อมเคยล่วงเกินองค์หญิงสาม” ฮ่องเต้หลี่ไห่ถังนิ่งไปหลายอึดใจเลยทีเดียวกว่าที่จะเอ่ยปากออกไปได้ “เรื่องที่ว่านั่นมันเมื่อใด ไหนเจ้าเล่ามาให้กระจ่างซิซงหยวน” “เมื่อครั้งพระชนมพรรษาครบสิบสามปีเพียงแค่ไม่กี่วันเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ” อัครเสนาบดีเสิ้น เจียวกงกง หรือแม้แต่เหล่าองครักษ์ ทหารยามที่ยืนอยู่ในบริเวณโถงก็พลอยกางหูของตนเองออกเพื่อฟังเรื่องนี้ด้วยกันแทบทั้งนั้น น้ำเสียงของท่านแม่ทัพเล่าเรียบเรื่อยทว่าฟังแล้วมั่นคงนัก และที่น่าทึ่งใจคือองค์หญิงสามมีพระชนมพรรษาเท่าไรในอีกกี่วัน เหตุใดจางซงหยวนจึงได้แจงอย่างละเอียดถี่ถ้วนถึงปานนี้ หากมิได้มีใจฝักใฝ่ ย่อมไม่มีทางรู้วันเวลาแบบนี้อย่างแน่นอน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD