ไม่รู้ว่าหมดสติไปนานเท่าใด หลิวฉูฉู่ได้แต่ฝันถึงช่วงเวลาที่เธอกำลังจมน้ำ ในตอนนั้นยังรู้สึกเหมือนมีมือของใครบางคนที่กำลังดึงขาของเธอให้จมลงไปช้า ๆ เธอหายใจไม่ออก เธอกำลังจะตายและสุดท้ายมองเห็นเพียงความมืดมิดที่น่าหวาดกลัว
หลิวฉูฉู่หวีดร้องเสียงดังก่อนที่จะสะดุ้งตื่นขึ้นมา ใบหน้าเต็มไปด้วยหยดเหงื่อเม็ดโต เธอได้ยินเสียงของผู้หญิงหลายคนดังขึ้น หลิวฉูฉู่จึงค่อยลืมตาช้า ๆ กวาดมองไปรอบ ๆ กระทั่งสายตาปะทะเข้ากับใบหน้าเล็กของซ้อสี่ที่กำลังร้องไห้น้ำตานองหน้าพร้อมกับปาดน้ำตาก่อนจะเอ่ยว่า
"ฟื้นแล้ว ในที่สุดก็ฟื้นแล้วท่านหมอเจ้าคะ ท่านหมอ"
ซ้อสี่ผวาเข้ามาจับมือของหลิวฉูฉู่เธอยังมึนงงเล็กน้อย ดวงตายังพร่ามัวไม่กระจ่างใสเห็นผู้ชายไว้หนวดยาวคนหนึ่งเข้ามาใกล้ สัมผัสได้ถึงผ้าที่วางตรงข้อมือ เขาคุกเข่าอยู่ข้างเตียงแล้วเริ่มจับชีพจรของเธอท่าทางคล่องแคล่วเหมือนจริงยิ่งนัก
หลิวฉูฉู่กะพริบตาปริบ ๆ ขับไล่ฝ้าฟางให้พ้นจากดวงตากระทั่งเห็นใบหน้าอ้วนกรมและหนวดเคราของผู้ชายคนนั้นอย่างชัดเจน เธอยังงงงวยเมื่อเห็นว่าเขากำลังแต่งตัวด้วยชุดโบราณที่เธอคุ้นตาในกองถ่าย
หลิวฉูฉู่กำลังจะพูด แต่แล้วผู้ชายคนนั้นก็เอ่ยขึ้น
"พระอาการดีขึ้น หลังจากนี้ให้เสวยยาตามเวลาก็ไม่มีอะไรให้กังวลแล้ว"
หลิวฉูฉู่เข้าใจโดยพลัน
นี่ฉันทำงานเหนื่อยมากจนกระทั่งเผลอหลับในระหว่างการแสดงเหรอเนี่ย เอาอีกแล้วหลิวฉูฉู่เธอคงต้องพักจริงจังแล้ว
หลิวฉูฉู่มองไปที่ซ้อสี่ เห็นว่าพี่สะใภ้ยังแต่งตัวด้วยชุดโบราณเธอจึงคิดว่า ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่พี่สะใภ้มาร่วมแสดงละครเรื่องนี้กับเธอ หรือว่าตัวเองจะเหนื่อยจนสมองทำงานผิดปกติจำอะไรไม่ได้สักอย่างเดียว
แล้วเรื่องที่เธอตกน้ำ เหมือนจริงขนาดนั้นคงไม่ใช่ความฝันหรอกนะ หมอหลวงตรวจเสร็จแล้วเธอยังไม่ได้ยินชัดเจนว่าพวกเขาคุยอะไรกัน
กระทั่งหลิวฉูฉู่หูแว่วได้ยินเสียงเหมือนผู้กำกับสั่งให้ 'คัท' เธอจึงถอนหายใจยาวออกมาคิดว่าถึงเวลาพักสักที คราวนี้เธอพยายามลุกขึ้นนั่งแต่กลับรู้สึกวิงเวียนคล้ายจะหน้ามืดอีกครั้ง
ให้ตายเถอะ ฉากนี้อะไรกัน ทำไมฉันจำไม่ได้ และฉันนอนไปมากแค่ไหนแล้วถึงได้รู้สึกบ้านหมุนแบบนี้
ซ้อสี่ของเธอผวาเข้ามาประคองให้เธอลุกขึ้น พร้อมกับเอ่ยว่า
"ฮองเฮาเพคะ ฮองเฮาเป็นอย่างไรบ้างเพคะ"
หลิวฉูฉู่ยิ้ม กระซิบเสียงเบา เธอเป็นดาราสาวที่ต้องรักษาภาพลักษณ์ไม่อาจให้ใครได้ยินว่าเธอกำลังคุยอะไรกับผู้จัดการส่วนตัว
"ยังไม่เลิกเล่นอีกผู้กำกับสั่งคัทแล้วนี่คะ นี่ซ้อสี่ฉันฝันว่าฉันตกน้ำทรมานมากจริง ๆ นี่จะบอกความลับให้ ฉันเหนื่อยมากเลยหลับไปจริง ๆ ตอนนี้ลืมแล้วว่าเราแสดงฉากไหนอยู่ ช่วยบอกฉันหน่อย"
ซ้อสี่ที่อยู่ตรงหน้าเธอทำตาโตท่าทางตกตะลึง ยังพูดด้วยท่าทางอ่อนน้อมจนเกินจริง
"ฮะ ฮองเฮาเพคะ บ่าวอาเหมียนเองเพคะ ฮองเฮาจำบ่าวได้หรือไม่เพคะ แล้วฮองเฮาไม่ได้ฝันเพคะ ฮองเฮาตกน้ำไปจริง ๆ เพคะ และฮองเฮาก็เพิ่งฟื้นขึ้นมายามนี้เพคะ"
หลิวฉูฉู่กะพริบตาถี่ ๆ มองหน้าซ้อสี่แล้วทำหน้าตึงส่งเสียงเข้มออกไป
"อาซ้ออย่าล้อฉันเล่นสิคะ ฉันไม่ตลกด้วยหรอก"
ปกติหลิวฉูฉู่เป็นคนที่มักจะอดทนเป็นอย่างมาก ด้วยอาชีพนักแสดงที่ต้องฝ่าฟันและแข่งขันกันสูง เธอจึงเป็นคนเก็บอารมณ์ร้ายของตัวเองได้เป็นอย่างดี และเคยชินที่จะแสดงออกในแง่มุมที่ดีอยู่เสมอเช่นกัน ยิ่งผู้จัดการคนนี้ที่เธอเป็นคนแนะนำให้พี่ชายและกลายมาเป็นพี่สะใภ้ หลิวฉูฉู่แทบจะไม่เคยอารมณ์เสียใส่เลยแม้แต่ครั้งเดียว
ผู้หญิงคนนี้กลับทำท่าตกใจคุกเข่าร่ำไห้ออกมา
"ฮะฮองเฮาของบ่าว ฮือ ฮือ ฮือ แย่แล้ว ศีรษะกระทบกระเทือนหรือไม่ เหตุใดท่านหมอบอกปลอดภัยแล้วอย่างไรเล่า"
หลิวฉูฉู่มองซ้อสี่เขม็ง
"ยัง ยังไม่เลิกเล่นอีก อาซ้ออย่าทำแบบนี้สิคะ"
น้ำเสียงของเธอไม่ได้อ่อนลงเลยแม้แต่น้อย ยิ่งทำให้คนที่นั่งตัวสั่นอยู่ตรงนั้นก้มหน้าติดพื้นเก็บปากเก็บคำเงียบได้ยินเพียงเสียงสะอื้นเล็ดลอดออกมา
ซ้อสี่ของเธอกลับพูดว่า
"ท่านหมอ เร็วเข้าตรวจดูฮองเฮาอีกครา ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นอีกเหตุใดยังจำสิ่งใดไม่ได้เล่าเจ้าคะ"
ท่านหมอผู้นั้นกำลังจะออกจากตำหนัก ใบหน้าซีดเผือดไม่แน่ใจว่าตัวเองตรวจสิ่งใดพลาดไป จึงรีบวางข้าวของลง และขยับกายมาใกล้ร่างของหลิวฉูฉู่อีกครั้ง ยังไม่ทันได้ตรวจสตรีสูงวัยผู้หนึ่งพร้อมด้วยบ่าวใกล้ชิด พลันเดินอ้อมม่านบังตาเข้ามาในตำหนักอย่างเร่งร้อน เอ่ยถามน้ำเสียงสั่นเครือ
"ฮองเฮา เป็นอย่างไรบ้างเพคะ ในที่สุดก็ฟื้นแล้วท่านหมอหลวงเร็วเข้ารีบถวายการรักษา เร็วเข้า"
หลิวฉูฉู่ขมวดคิ้วเมื่อมองไปรอบ ๆ พร็อพจัดเต็ม ทุกอย่างล้วนเป็นของโบราณ ทุกคนแต่งตัวในชุดโบราณเต็มยศ ยังเห็นฉากที่คุ้นตาในละคร และผู้หญิงอายุมากคนนี้ยังปรี่เข้ามาจับมือของเธอ
หลิวฉูฉู่จำได้แล้ว
นี่ไม่ใช่ฉากที่เธอถ่ายทำไปแล้วเมื่อเดือนที่แล้ว ทำไมถึงถ่ายซ้ำ ละครเรื่องนี้จบไปแล้วไม่ใช่หรือ
หลิวฉูฉู่เอาแต่คิดจึงไม่ทันได้สนใจว่าคนรอบข้างกำลังทำอะไรพูดอะไรกับตัวเธอ ในที่สุดเธอก็คิดออกอย่างรวดเร็ว
เอ๊ะ หรือมีการถ่ายซ่อม แต่เธอไม่รู้ตัว หรือว่าเธอจะเผลอนอนหลับไปในระหว่างแสดง ตื่นขึ้นมาก็เลยมึนงง แย่แล้ว ซ้อสี่คงร่วมแสดงด้วย คนอุตส่าห์ส่งบทมาแล้วแต่ฉูฉู่ เธอเกือบจะทำเสียเรื่องแล้ว ดีที่ผู้กำกับไม่สั่งคัทให้ขายหน้าอีก ฉันคือมือหนึ่งเทคเดียวผ่าน ฉันต้องตั้งสติแล้ว!
เมื่อคิดได้แบบนี้ หลิวฉูฉู่ผู้เก่งกาจพยายามนึกถึงบทนี้ที่เคยแสดงมาแล้ว พร้อมกับกระแอมเบา ๆ แน่นอนว่าเธอไม่คุ้นหน้าผู้หญิงที่กำลังจับมือของเธอในตอนนี้ แต่บทบาทนี้คือแม่ของเธอแน่นอน สงสัยมีการเปลี่ยนตัวแสดงแทนเช่นกัน
ด้วยความเป็นมืออาชีพ หลิวฉูฉู่จึงตั้งใจแสดงในบทของตัวเองอย่างดี
หลิวฉูฉู่คิดทบทวนและจำบทได้แล้ว บทในตอนนี้ไม่ยาก เพียงแต่นอนนิ่ง ๆ ในขณะที่ปล่อยให้หมอหลวงตรวจร่างกาย จนเสร็จหลังจากนั้นให้พูดประโยคหนึ่งด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อยสุดชีวิต
"ลูกไม่เป็นอันใดเจ้าค่ะ เพียงแต่การตกน้ำครานี้มีคนร้ายลอบทำร้าย ท่านแม่ต้องแจ้งให้ท่านพ่อทราบและต้องช่วยสืบหาตัวคนร้ายให้ลูกนะเจ้าคะ"
แน่นอนว่าหลิวฉูฉู่ย่อมทำได้อย่างแนบเนียน เธอคือเบอร์หนึ่งของประเทศแค่ถ่ายซ่อมแค่นี้ย่อมผ่านได้สบาย เพียงแต่ว่าหลังจากเสร็จงานต้องไปเช็กสมองสักหน่อย ว่าทำไมเธอถึงได้บ้าบอจำอะไรไม่ได้ขนาดนี้
ในตอนนี้นี่เอง ผู้หญิงที่สวมบทบาทเป็นแม่ได้เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงโกรธแค้น
"แม่ต้องให้ท่านพ่อจัดการเป็นแน่ ผู้ใดบังอาจคิดทำร้ายฮองเฮา กระทั่งเรื่องนี้ไทเฮาก็มิได้ปล่อยวางเช่นกัน ฝ่าบาทจะกลับมาจากราชกิจในอีกไม่กี่วันนี้แล้ว ท่านพ่อของพระองค์คงนำความเข้ากราบทูลทันที คนที่คิดทำร้ายฮองเฮาโทษเดียวคือประหารชีวิตเท่านั้น"
อารมณ์ของคนแสดงเป็นแม่คนนี้เก่งกาจมาก ส่งความแค้นออกมาให้เธอได้เต็ม ๆ
หลิวฉูฉู่หันหน้าไปยังทิศทางที่เธอคิดว่าจะมีกล้องจับอยู่ แอบลอบยิ้มอย่างสะใจ บทในตอนนี้คือในใจต้องคิดว่า เรื่องที่ตัวเองตกน้ำ คือสิ่งที่หลิวฉูฉู่คิดขึ้นมาเพื่อเป็นแผนการใส่ร้ายเฉียนกุ้ยเฟย นางคนนั้นต้องได้รับผ้าแพรขาวพระราชทาน สุดท้ายต้องจบชีวิตลงอย่างอนาถ
เอาล่ะเมื่อได้มุมกล้องแล้ว หลิวฉูฉู่จึงแสยะยิ้มเหี้ยมเกรียม ตามบทบาทเป๊ะปังเวอร์มากแม่ตามที่เธอคิด
หลังจากนี้หมอหลวงรายงานว่านางปลอดภัยดีแล้วหลังจากสลบไปถึงสามวันสามคืน ต่อไปเพียงแต่ให้ระวังอย่าได้ให้สัมผัสน้ำเย็นอีก เพราะร่างกายตอนนี้เต็มไปด้วยไอเย็นอาจมีผลถึงปอดและทำให้เกิดอาการไอเรื้อรังและล้มป่วยลงมาอีกได้ ส่วนเรื่องความทรงจำที่หายไปอาจเกิดขึ้นได้ ทั้งยังอาจเกิดความสับสน ทว่าไม่นานก็จะหายเป็นปกติ
หลิวฉูฉู่ยังท่องบทของท่านหมอคนนี้เอาไว้ในใจ หลังจากฉากนี้องค์ชายน้อยจะเข้ามาเพื่อแสดงความห่วงใยพร้อมกับแม่นมของเขา
ในบทบาทฮองเฮาหลิวนี้ต่อหน้าคนอื่น หลิวฉูฉู่ต้องแสดงว่าเป็นแม่ที่แสนดีขององค์ชายน้อยคนนี้ แม้ว่าในใจจะคิดกำจัดไม่ให้เขาขึ้นเป็นองค์รัชทายาทในอนาคตก็ตาม
แน่นอนว่าบทไปตามนั้น หลังจากหมอหลวงออกไปแล้ว ตัวเอกอย่างองค์ชายน้อยก็ขอเข้าเฝ้า หลิวฉูฉู่จึงถูกแม่ในบทของเธอประคองให้ลุกนั่งก่อนจะเอ่ยว่า
"ฮองเฮายังไม่หายดี ให้องค์ชายน้อยกลับไปก่อนดีหรือไม่"
หลิวฉูฉู่ใบหน้าซีดเซียวแต่ยังงดงามจนบุปผาม้วนอาย เอ่ยด้วยน้ำเสียงแห่งความเมตตาปรานี
"ลูกทำให้องค์ชายน้อยเป็นห่วง เราสองแม่ลูกแม้ไม่ใช่สายเลือดแต่ก็เลี้ยงดูกันมาผูกพันลึกซึ้งยิ่งนัก ท่านแม่ให้องค์ชายเข้ามาเถิดเจ้าค่ะ"
มารดาของหลิวฉูฉู่พยักหน้าพร้อมกับพูดว่า
"ให้องค์ชายเข้ามาเถิด"
หลิวฉูฉู่จึงเอ่ยตามบทบาทว่า
"ท่านแม่พวกท่านก็กลับไปเสียเถิด ข้าอยากอยู่กับบุตรชายเพียงลำพัง"
"แต่ว่า"
มารดาทำท่าไม่ยอมไป หลิวฉูฉู่จึงเอ่ยว่า
"ข้ารู้สึกสบายดีจริง ๆ แล้ว ท่านแม่ไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะ"
ในที่สุดผู้เป็นมารดาก็ยอมตัดใจ ปล่อยให้หลิวฉูฉู่อยู่กับองค์ชายน้อยเพียงลำพัง ฉากนี้นางต้องปลอบขวัญองค์ชายน้อยผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นบุตรชายของนางด้วยน้ำเสียงเมตตาปรานีเมื่ออยู่ต่อหน้าบ่าวไพร่นางกำนัล
เด็กน้อยอายุเจ็ดขวบนามโจวหลิวหยางเป็นบุตรชายคนโตของฮ่องเต้โจวจื่อเหลียงพระสวามีของหลิวฉูฉู่ สองข้างแก้มออกจะกลมเล็กน้อย ทว่าองอาจและเปิดเผยความหล่อเหลาตั้งแต่ยังเด็กเดินนำหน้าแม่นมเข้ามาอย่างอาจหาญ
องค์ชายน้อยผู้นี้เดิมเป็นลูกชายคนเดียวของอดีตฮองเฮาที่คลอดเด็กแล้วตายเพราะไร้วาสนา หลิวฉูฉู่จึงได้เลื่อนฐานะจากกุ้ยเฟยมาเป็นฮองเฮาเพราะมีไทเฮาหนุนหลังแทนในทันที
แม้จะไม่ชอบเด็กคนนี้แต่เพราะไทเฮาต้องการให้นางใกล้ชิดกัน จึงให้หลิวฉูฉู่เป็นผู้ดูแลเด็กคนนี้ประดุจมารดาผู้ให้กำเนิด หลิวฉูฉู่จงใจรับเพราะเธอไม่ชอบเด็กและยังเห็นองค์ชายน้อยเป็นเสี้ยนหนามจึงคอยคิดกำจัดให้พ้นทาง
สักวันหนึ่งฮองเฮาตัวร้ายต้องมีบุตรชายเป็นของตนเอง และมีเพียงบุตรชายของนางเท่านั้นที่จะได้ดำรงตำแห่งองค์รัชทายาท
หลิวฉูฉู่ขมวดคิ้วทันใด เมื่อเห็นหน้าเด็กที่เพิ่งเดินเข้ามาชัดเจน
กระทั่งองค์ชายน้อยก็เปลี่ยนนักแสดงเหรอ นี่มันอะไรกัน เปลี่ยนนักแสดงกันทั้งกองตั้งแต่ตอนไหนกัน จะบ้ากันไปแล้ว ที่เธอจำได้คือเรื่องนี้ปิดฉากจบที่เธอกินยาพิษตายไปแล้วไม่ใช่เหรอ
แต่ความสงสัยต้องถูกเก็บเอาไว้ เมื่อเด็กน้อยเดินเข้ามาแล้วคุกเข่าทำความเคารพเธออย่างอ่อนน้อม ท่าทางไม่เกรงกลัวยังคล่องแคล่วและรู้ธรรมเนียมเหมือนปฏิบัติมาตั้งแต่เกิด
เด็กคนนี้ดูดีกว่าเด็กคนเดิม ยังท่าทางองอาจสมศักดิ์ศรีองค์รัชทายาทในอนาคต หลิวฉูฉู่คิดว่าเลือกคนแสดงได้ดีกว่าเดิมมาก หลิวฉูฉู่ไล่คนออกไปหมดตามบทเหลือเพียงนางกำนัลอาเหมียนผู้รับใช้ข้างกายใกล้ชิดและองค์ชายน้อยเท่านั้น
หลิวฉูฉู่จึงกวักมือเรียกเด็กน้อยหน้าตาน่าเอ็นดูคนนั้นเข้ามานั่งข้างกาย เอ่ยด้วยน้ำเสียงเมตตา
"หยางเอ๋อร์มานี่มานั่งข้างแม่"
เด็กน้อยใบหน้าเฉยเมย ส่งเสียงเล็กไร้คลื่นลมออกมาว่า
"พ่ะย่ะค่ะ เสด็จแม่"
หลิวฉูฉู่ยิ้มกว้าง คราวนี้ไม่ได้ยิ้มตามบทแต่เห็นเด็กตัวเล็กพูดคำโบราณแล้วรู้สึกเอ็นดูจริง ๆ เด็กน้อยก้าวขาเล็กมั่นคง ปีนขึ้นไปนั่งบนเตียงข้างกายของนาง
"แม่ไม่สบาย เป็นเด็กดีหรือไม่"
หลิวฉูฉู่เริ่มพูดตามบทบาท ในบทตอนนี้เธอต้องไม่แตะต้องตัวของเด็กน้อยเพราะเธอเกลียดลูกเลี้ยงคนนี้มาก แต่ตอนนี้ด้วยความน่าเอ็นดูและดูรู้ความของเด็กคนนี้ทำให้นางอดไม่ได้ที่จะจับมือเล็กของเขาเอาไว้ ทว่าหลิวฉูฉู่กลับหูตั้งเมื่อไม่ได้ยินในสิ่งที่ตัวเองไม่คาดคิดมาก่อน
"ข้าเห็นวันนั้นท่านตกน้ำลงไปเอง ข้าเห็นกับตาและยังมีคนของข้าที่เห็นท่าน อย่าได้คิดใส่ร้ายผู้ใดเป็นอันขาด ไม่เช่นนั้นข้าจะทูลเสด็จพ่อตามความจริง"
หลิวฉูฉู่กะพริบตา มองหน้าเด็กคนนี้ด้วยอาการตกตะลึง ในขณะที่เด็กน้อยจ้องเธอเขม็งสายตานั้นไม่ใช่สายตาของเด็กปกติ แต่เป็นสายตาของเด็กที่เกลียดชังเธอเข้าไส้ หลิวฉูฉู่ยกมือทาบอกเด็กคนนี้แสดงเก่งมากเพียงแต่หลิวฉูฉู่กำลังเข้าใจว่า
ให้ตายเถอะ แม่เจ้า เด็กนี่ กำลังจำบทผิด หนูน้อยหนูจำบทผิดแล้วลูก!