"อย่าไปตรงนั้นนะครับ มันอาจจะเป็นอันตราย..."
"ไม่เป็นไรหรอกน่า รีบตามมาเถอะเจเซน"
ดาเนียในวัยเด็กนั้นเป็นคนเอาแต่ใจ เธอเอาความคิดของตัวเองเป็นใหญ่นั่นก็เพราะว่าองค์จักรพรรดินั้นตามใจลูกสาวที่สุด
"ตะ..แต่ว่า"
ดูเหมือนว่าดาเนียจะมิได้ฟังคำกล่าวของเขาแม้แต่น้อย เธอเอื้อมมือเด็ดดอกไม้ที่สวยงามที่สุดในสวนมาส่งให้เขา
"เจเซนในยามที่พวกเราโตขึ้น ต้องเป็นเจ้านะ! เจ้าต้องมาแต่งงานกับข้าเข้าใจรึเปล่า?"
เขารู้ดีว่านั่นคือคำพูดที่กล่าวออกมาโดยไม่คิดอะไรของเด็กน้อยวัยสิบขวบ แต่คำพูดนั้นกลับฝังลึกลงไปในใจเขา เกิดเป็นความคาดหวังขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
กว่าจะรู้สึกตัวอีกที สายตาของเขาก็จับจ้องอยู่ที่ใบหน้างดงามนั้นอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นตามงานพิธีต่างๆ หรือว่าที่ไหนเธอจะงดงามและเด่นชัดอยู่ในสายตาของเขาเสมอ ไม่ว่าเมื่อใด
"....ข้าจำได้ว่าข้าเคยขอเจ้าแต่งงานไปแล้วนะเจเซน"
"เมื่อเจ็ดปีก่อนงั้นหรือ?"
ดาเนียหัวเราะร่า
"ข้าดีใจนะ ที่เจ้าจำได้..."
ดาเนียโอบกอดเจเซนเอาไว้ในขณะที่เขาอุ้มเธอเพื่อเดินเข้าไปด้านใน ความใกล้ชิดขององค์หญิงดาเนียและดยุคเอเมอร์สาวใช้ที่พระราชวังดัลลิสต่างก็รู้ดี ว่าทั้งสองคนเป็นเพื่อนที่ค่อนข้างสนิทกัน
การใกล้ชิดเช่นนี้เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับเธอและเจเซนมาก แต่ทว่าครั้งนี้มันต่างออกไป ต่างออกไปจากเดิมแทบทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นสายลมอบอุ่นที่พัดผ่าน แววตาที่แปรเปลี่ยนไปของเขา และแสงของดวงตะวันที่กำลังจะลาลับขอบฟ้า
ทุกอย่างแตกต่างจากเดิมไปหมดเลย
เขาบรรจงวางเธอเอาไว้บนเตียง เราทั้งสองต่างมองหน้ากันเพื่อรอคอยให้อีกฝ่ายเป็นคนพูดก่อน
"....นอนเถอะครับ ข้าจะกลับแล้ว"
เธอยกมือขึ้นมากุมใบหน้าของเขาเอาไว้
"เจเซน เป็นเจ้าได้รึเปล่า?"
คนที่จะช่วยพาเธอออกไปจากวังวนความเจ็บปวดนี้ เป็นเขาได้ไหม?
"ข้าคิดว่าบางทีเราอาจจะต้องตามหมอหลวงมารักษาอาการของพระองค์"
เหตุใดถึงกลับมากล่าววาจาที่ห่างเหินอีกแล้ว เจเซนนั้นเหมือนเด็กน้อยที่ไม่กล้าตัดสินใจใดๆ เธอจะต้องริเริ่มและนำพาเขาตลอดไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร
เธอรู้ดีว่าเขานั้นกำลังหวาดกลัว เขาหวาดกลัวการเอื้อมมือขึ้นมาเด็ดดอกไม้ที่ล้ำค่าเช่นเธอ เขากลัวว่าแจกันที่เขากำลังถืออยู่นี้มันจะไม่เหมาะสมกับเธอ
"เจ้า...ก้าวเดินเข้ามาในห้องนอนของข้าแล้วเจเซน เหตุใดถึงยังอยากจะออกไปทั้งๆ ที่เจ้าสามารถอยู่ที่นี่ได้..."
"หากนี่คือความฝัน..."
ดาเนียโน้มใบหน้าลงไปทาบทับริมฝีปากของเขา เธอขบกัดริมฝีปากล่างของเขาอย่างแรงจนรสหวานของเลือดเด่นชัดอยู่บนปลายลิ้น เธอกำลังเน้นย้ำและเตือนสติเขาว่านี่ไม่ใช่ความฝัน มันคือความจริง แขนทั้งสองข้างของเขาสามารถโอบกอดเธอได้...
"คิดดีแล้วหรือครับ ความเป็นสหายที่ยาวนานของเราจะพังทลายลงมาหากว่าเราข้ามเส้นนี้ไป..."
ไม่อยากจะเป็นเพื่อนอีกแล้ว เธอไม่เคยคิดแค่เพื่อนกับเขามานานแล้ว!! เจเซนคือคนที่เธอจะแต่งงานด้วยแน่นอนหากว่าเธอไม่โง่ไปหลงรักไอ้เวรนาธานนั่นก่อน
"เจ้าก็รู้ว่าข้าคิดเช่นไร สายตาของข้ามันมองที่เจ้าตลอด และข้าก็มั่นใจว่าสายตาของเจ้าเอง ก็จ้องมองมาที่ข้าในทุกครั้งเช่นกัน"
ดาเนียกล่าวออกมาได้ถูกต้อง สายตาของเขานั้นถูกเธอตรึงเอาไว้ พร้อมกับหัวใจที่ยกให้เธอไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้... เช่นนั้นยังต้องรออะไรอีกล่ะแวนด์?
"ข้าขอถามอีกครั้ง ท่านเมารึเปล่าดาเนีย"
เธอถอนหายใจเบาๆ
"ทำไมถึงคิดว่านี่เป็นอารมณ์ชั่ววูบ!"
"ก็เพราะว่าก่อนหน้านี้ ท่านนั้นรักเคาน์เวสตินอย่างมากจนถึงขนาดจะจัดงานหมั้น..."
เธอยกมือขึ้นมาปิดปากเจเซนเอาไว้
"ช่างเหตุการณ์ก่อนหน้านั้นไปเถอะ เอาเป็นว่าตอนนี้ข้าต้องการเจ้าและหากเจ้าไม่รู้สึกเช่นเดียวกัน...ก็ออกไปซะเจเซน!"
เราสบตากันหลังจากที่เธอกล่าวประโยคนั้นจบ แววตาของเขาสั่นไหวและเจ็บปวด
"ข้า...จะไม่ออกไปหรอกครับ ไม่ว่าพรุ่งนี้ท่านจะตื่นมาแล้วจำเรื่องราวในวันนี้ไม่ได้ ก็ไม่เป็นไรเพราะข้าจะเป็นคนจดจำมันเอง"
จุมพิตที่แสนหวานล้ำของเขา ทำให้ดาเนียตกใจเล็กน้อยเพราะไม่คิดว่าเจเซนจะเป็นคนเริ่มก่อน เธอถูกดันในล้มตัวนอนลงบนเตียงในขณะที่เขาถอดเสื้อคลุมของตัวเองออก
"ข้าคิดว่าบางที เราควรจะไป...อาบน้ำก่อน"
เธอเคยมีสามีมาแล้ว เรื่องอย่างว่านั่นทำเช่นไรดาเนียพอจะรู้มาบ้าง แต่พอมันเป็นเจเซนแล้ว เธอกลับประหม่าและไร้ความมั่นใจอย่างบอกไม่ถูก...
เดิมทีคนเช่นเขานั้นไม่ชอบสุงสิงกับใคร เขาเติบโตขึ้นมาท่ามกลางความเจ็บปวดในตระกูล แม่ของเขาเป็นเพียงภรรยานอกสมรสของดยุคเอเมอร์ ท่านแม่พาเขาหนีออกมาจากตระกูลเพราะถูกดัชเชสตามล่า...
ชื่อเจเซนนั้นท่านแม่ตั้งให้เพื่อย้ำเตือนว่าเขาคือคนในตระกูลเอเมอร์ เป็นชื่อที่คอยย้ำเตือนถึงจุดยืนของเขา ชีวิตของเขาเริ่มเปลี่ยนไปก็เพราะดัชเชสนั้นไม่สามารถให้กำเนิดลูกชายได้
พอเขาอายุเก้าขวบ ท่านแม่พาเขากลับไปที่ตระกูลเอเมอร์ พร้อมกับเริ่มปฏิวัติตระกูลเสียใหม่ อำนาจของตระกูลตกมาอยู่ในมือของท่านแม่อีกครั้งเพราะเขาได้เป็นผู้สืบทอดตระกูล...
ทว่าความจริงที่น่าเจ็บปวดคือ ท่านพ่อไม่เคยรักท่านแม่เลย.... เขามิได้ถือกำเนิดมาจากความรักแต่เป็นความผิดพลาดของท่านพ่อ
สุดท้ายท่านพ่อและดัชเชสเลือกที่จะทิ้งตระกูลเอเมอร์ไปอยู่ที่อื่น เพื่อไปใช้ชีวิตกันสองคนด้วยความรักนั่นทำให้ท่านแม่อยู่ที่คฤหาสน์เอเมอร์ด้วยความรู้สึกตายทั้งเป็น...
เขามองท่านแม่ค่อยๆ ล้มป่วยและตายจากไปด้วยความเวทนา ในตอนเด็กเขาไม่เข้าใจเลยว่าแค่เพราะความรักสามารถทำให้คนตรอมใจตายได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
จนเขาได้เข้ามาในพระราชวัง และได้เจอกับเด็กน้อยที่น่ารักราวกับนางฟ้าตัวน้อยๆ ตรงที่เธออยู่นั้นเต็มไปด้วยความอบอุ่น และนั่นทำให้เขาอยากจะเข้าใกล้เธอ
ด้วยหวังว่าสักวันหนึ่งความอบอุ่นรอบๆ ตัวเธอนั้นจะช่วยเยียวยามาถึงหัวใจที่เศร้าหมองของเขาได้บ้าง