เพชรพ่ายรัก ๒

1160 Words
“แล้วอ้ายมาหยัง?” (แล้วพี่มาทำไม) “อ้ายว่าสิมายืมตาข่ายไปใส่กบแหน่” (พี่ว่าจะมายืมตาข่ายไปใส่กบหน่อย) “อยู่หลังเฮือนพู้นล่ะ เดี๋ยวหนูไปเอามาให้” (อยู่หลังบ้านนู่นแหละ เดี๋ยวหนูไปเอามาให้) เพชรพยักหน้าก่อนที่พระพายจะรีบเดินไปหยิบตาข่ายที่อยู่กระท่อมมาให้ “แล้วอีหล่าอยู่เฮือนผู้เดียวเบาะ?” (แล้วหนูอยู่บ้านคนเดียวเหรอ) หลังจากรับตาข่ายที่พระพายยื่นให้เพชรก็เอ่ยถามออกไปด้วยสีหน้าสงสัย “แม่น” (ใช่) “อันตรายคัก คั่นอยู่บ่ได้บอกอ้ายเด้อเดี๋ยวสิมาอยู่เป็นหมู่นำดอก” (อันตรายมาก ถ้าอยู่ไม่ได้บอกพี่นะเดี๋ยวพี่มาอยู่เป็นเพื่อน) พอได้ยินแบบนั้นพระพายก็รีบพยักหน้าตอบกลับไปแบบไม่ต้องคิด “ฟ้าวไปอาบน้ำ เดี๋ยวอ้ายไปจับกบก่อน” (รีบไปอาบน้ำ เดี๋ยวพี่ไปจับกบก่อน) ริมฝีปากหนาเอ่ยบอกก่อนจะเตรียมปั่นจักรยานออกไปจากบ้านเรือนไทยทว่าพระพายกับพูดขึ้นก่อน “อ้ายไปจับกบผู้เดียวเบาะ?” (พี่ไปจับกบคนเดียวเหรอ) “แม่น” (ใช่) “หนูไปนำได้บ่ บ่อยากอยู่เฮือนผู้เดียว” (หนูไปด้วยได้ไหม ไม่อยากอยู่บ้านคนเดียว) เพชรยืนคิดครู่หนึ่งในใจก็ไม่อยากให้พระพายไปด้วยเพราะกลัวจะพาเธอไปลำบากแล้วอีกอย่างหนุ่มสาวออกไปข้างนอกกลางค่ำกลางคืนแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องดีด้วย หากชาวบ้านเห็นก็จะเอาไปนินทาได้ แต่อีกใจก็ไม่อยากปล่อยให้พระพายอยู่บ้านคนเดียว “ได้บ่” (ได้ไหม) เมื่อเห็นคนด้านหน้าเงียบไปพระพายจึงเอียงหน้าถามอีกครั้ง “อยากไปอีหลีเบาะ?” (อยากไปจริง ๆ เหรอ) “แม่น” (ใช่) “คั่นอยากไปก็ไป” (ถ้าอยากไปก็ไป) “จังซั่นอ้ายถ่าหนูจักคราวก่อนเด้อ” (งั้นพี่รอหนูก่อนนะแป๊บหนึ่ง) พูดจบคนตัวเล็กก็รีบวิ่งขึ้นไปบนบ้านเพื่อเอาผ้าถุงไปเก็บในห้อง ทางด้านเพชรเอาแต่มองตามขาขาวเนียนกับก้นงอน ๆ ของน้องสาวเพื่อนที่เห็นกันมาตั้งแต่เด็กจนพ้นสายตา... หลังจากเอาผ้าถุงไปเก็บในห้องเรียบร้อยพระพายก็หยิบไฟฉายส่องกบของพายุที่ห้อยไว้ข้างฝาผนังบ้านติดมือไปด้วย ก่อนจะรีบเดินลงบันไดไปนั่งซ้อนท้ายจักรยานของเพชรก่อนที่จักรยานคันเก่าจะปั่นมุ่งหน้าไปยังทุ่งนาท้ายหมู่บ้าน… “โอ๊ยน้อคือจั่งยานคนบ่ฮู้น้อว่าทางไปนา” (โอ๊ยทำไม กลัวไม่รู้เหรอวะว่าทางไปนา) เพชรทั้งปั่นจักรยานและบ่นไปด้วยเนื่องจากฝนตกตลอดทั้งวันทำให้ถนนลูกรังที่เป็นหลุมเป็นบ่อไม่ค่อยดีอยู่แล้วพอมีน้ำขังมันยิ่งทำให้ปั่นจักรยานยากลำบากเข้าไปใหญ่ “เห็นแต่น้อยเฒ่าใหญ่อ้ายยังสิจ่มอีกเนาะ” (เห็นตั้งแต่เด็กจนโตพี่ยังจะบ่นอีกนะ) ทางด้านพระพายนั่งฟังอีกคนบ่นไม่หยุดก็อดที่จะพูดขึ้นไม่ได้ “ก็เบิ่งแน่สิบ่ให้จ่มจังได๋” (ก็ดูหน่อยจะไม่ให้บ่นได้ยังไง) ทั้งสองพูดคุยกันไปเรื่อย ๆ กระทั่งเจอแอ่งน้ำที่ขังอยู่ในนาเพชรจึงรีบหยุดรถแล้วส่องไฟฉายไปยังแอ่งน้ำก่อนจะเห็นตากบสะท้อนกับแสงไฟเขาจึงรีบลงจากรถทันที “ฟ้าวลงแหม่ เดี๋ยวกบสิหนีเบิ่ดก่อนดอก” (รีบลงสิ เดี๋ยวกบก็หนีหมดก่อนหรอก) พระพายได้ยินแบบนั้นก็รีบกระโดดลงจากรถจักรยานทันทีเพชรจึงรีบตั้งขาตั้งจักรยานจากนั้นก็คว้าตาข่ายใส่กบแล้วเดินไปที่แอ่งน้ำ ทางด้านพระพายเมื่อเห็นอีกคนเดินลงไปในทุ่งนาเธอก็รีบวิ่งตามไป แต่เพราะทางเดินมันค่อนข้างลำบากบวกกับอีกคนเอาแต่เดินดุ่ม ๆ ไปข้างหน้าไม่คิดจะรอเธอเลยพระพายจึงรีบตะโกนบอกเพชรออกไป “อ้ายเพชรอย่าย่างเร็วหลาย หนูย่างบ่ทัน” (พี่เพชรอย่าเดินเร็วสิ หนูเดินตามไม่ทัน) “ย่างช้าปานนั้นมื้อนี่สิได้บ่ล่ะกบ” (เดินช้าขนาดนั้นวันนี้จะได้ไหมล่ะกบ) อีกคนยังคงไม่สนใจรีบสาวเท้าเดินไปที่แอ่งน้ำต่อเพราะกลัวไม่ได้กบ “ป้าด! ใหญ่คัก เสร็จกูแท้มึง” (โอ้โห้ ใหญ่มาก เสร็จกูแน่มึง) เพชรพูดด้วยท่าทีตื่นเต้นเมื่อส่องไฟไปในแอ่งน้ำเห็นกบตัวใหญ่ลอยคออยู่ เขาจึงค่อย ๆ เดินย่องลงไปเพื่อไม่ให้กบตื่นก่อนจะใช้ฝ่ามือใหญ่ ๆ เพียงข้างเดียวตะครุบกบอยู่หมัดอย่างมืออาชีพ “ปู้ย~ คนห่าอีหยังมาเก่งคักแท้วะ” (อื้อหือ คนห่าอะไรทำไมเก่งจังวะ) พระพายได้แต่ยืนมองอีกคนพูดยกยอตัวเองโดยไม่พูดอะไรออกไปเพราะเขาเก่งจริง ๆ “อ้ายเก่งเบาะ?” (พี่เก่งไหม) ขณะที่กำลังจับกบที่เพิ่งได้ตัวแรกใส่ตาข่ายเพชรก็หันไปถามพระพายพร้อมกับยักคิ้วให้เธอด้วยท่าทีกวน ๆ “ก็บ่ปานได๋ หนูก็จับได้” (ก็ไม่เท่าไหร่ หนูก็จับได้) “บ่ง่ายปานนั้นเด้ออีหล่า” (ไม่ง่ายขนาดนั้นนะน้องสาว) “จับแข่งกันบ่ล่ะ” (จับแข่งกันไหมล่ะ) พระพายเท้าเอวมองคนด้านหน้าที่คิดว่าตัวเองนั้นเก่งอยู่คนเดียวเห็นแล้วอดหมั่นไส้ไม่น้อย “มาติล่ะ คั่นอ้ายชนะขอเหล้าขาวขวดใหญ่ขวดหนึ่งเด้อ” (มาดิ ถ้าพี่ชนะขอเหล้าขาวขวดใหญ่ขวดหนึ่งนะ) “ได้ คั่นหนูชนะอ้ายพาหนูไปเบิ่งหนังอยู่ในโตเมืองแหน่เด้อซั่น” (ได้ แต่ถ้าหนูชนะพี่พาหนูไปดูหนังในตัวเมืองด้วยแล้วกัน) “อ้ายเบิ่งบ่เป็นดอกโรงหนังอีหยังน่ะ” (พี่ดูไม่เป็นหรอกโรงหนังอะไรนั่นน่ะ) เพราะนอกจากโทรทัศน์ที่บ้านก็มีแค่หนังกลางแปลงตามงานวัดเท่านั้นแหละที่เคยดู ให้ไปดูหนังในโรงภาพยนตร์ที่ห้างเหรอเขานั้นจะดูเป็น “บ่ไปสิฮู้ติ ว่าเบิ่งเป็นบ่เป็น” (ไม่ไปจะรู้เหรอว่าดูเป็นหรือไม่เป็น) “กะได้ จังได๋อ้ายก็ชนะอยู่แล้วนั่นล่ะ” (ก็ได้ ยังไงพี่ก็ชนะอยู่แล้วนั่นแหละ) พระพายได้แต่กลอกตามองบนเมื่อได้ยินคำพูดของเพชร ก่อนที่เธอจะเลือกไม่สนใจรีบหันไปส่องหากบทันทีเพราะเธออยากเอาชนะเพชรให้ได้...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD