ฟึบ... ความรู้สึกถึงได้กลับมา ความทรงจำในค่ำคืนที่ผ่านพ้นกลับมาในมโนสำนึก เขากับเธอมีอะไรกัน และตอนนี้เธอก็ไม่มีเสื้อผ้าอยู่บนร่างกายแม้แต่ชิ้นเดียวใบหน้าของหญิงสาวค่อย ๆ แดงระเรื่อ แล้วแกล้งทำเป็นหลับตาลงเหมือนยังไม่ตื่นขยับตัวนอนหันหลัง
หมับ... มือหนาคว้าร่างของเธอเอาไว้ ก่อนจะดึงร่างบางให้หันหน้าเข้ามาหา
โบนิตาโชว์รอยยิ้มกว้าง ๆ พร้อมกับทำตาหยี ๆ
“อรุณสวัสดิ์” หิรัญเอ่ยขึ้นมาก่อน
“อรุณสวัสดิ์” น้ำเสียงสุดเขิน
“นอนหลับสบายดีใช่ไหม” เขาถามอีกคำถามหนึ่ง
คนได้ยินถึงกับยิ้มเจื่อน ๆ ลง หน้าตายิ่งแดงระเรื่อเข้าไปใหญ่ ‘คนบ้าทำไมถามแบบนี้’
“อื้อ...”
“สายแล้วนะ ไม่สิต้องบอกว่าใกล้เที่ยงวันแล้ว เธอหิวหรือยัง”
อยู่ ๆ ท้องของเธอก็ร้องขึ้นมาเสียงดังจนทั้งสองได้ยิน
“หลักฐาน ลุกขึ้นไปอาบน้ำแล้วเดี๋ยวมากินอะไรกัน”
เขาทำท่าจะลุกขึ้น เธอรีบรั้งแขนของเขาเอาไว้ทันที
“เอ่อ... ฉันอยากจะขอร้องคุณ”
“หือ” หิรัญทำหน้าสงสัย
เธอชะงักงัน พ่นลมหายใจออกมาเบา ๆ
“เมื่อคืนนี้เป็นแค่ เอ่อ...”
“ว่า...” นัยน์ตากลมโตของเขาจ้องมา
เธอกลืนน้ำลายเอื้อก ๆ รู้สึกทั้งอายและอยากเสกให้ตัวเองหายไปจากเตียงนอนของเขาได้ยิ่งดี
“คุณทำลืมได้ไหมว่า ฉันไม่ได้มาที่นี่ หรือแบบว่า... เอ่อ... อ่า...”
“จะเอาแบบนั้นเหรอ” เขามองเธอด้วยสายตาที่แปลกไป
“อือ...” เธอพยักหน้าหงึก ๆ พอเห็นเขาคลี่ยิ้มเธอก็หายใจออกมาแบบโล่ง ๆ
“เดี๋ยวผมจะไปทำอะไรให้กิน” เขาลุกขึ้น เดินหันหลังจากไป
‘กล้ามเป็นมัดสวยจัง หน้าตาหล่อดูดีมาก เฮ้อ... แล้วเขาเป็นใคร นางส้มเอ๊ย แกเมามากเลยมากับเขา แล้วเมื่อคืนแกเป็นคนจัดการเขาก่อน อ้าย... จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน’
เธอนึกไปถึงเรื่องราว ๆ ต่าง ๆ ปะติดปะต่อได้ ก็เกิดความกระดากอายขึ้นไปอีก เธอถลันตัวลุกขึ้นนั่ง หยิบผ้าขึ้นคลุมไปทั้งตัว
‘กลั้นใจ กลั้นใจ ฮึบ ๆ ’ เธอบอกตัวเอง ก่อนจะโผล่หน้าออกมาจากผ้าห่ม
หิรัญมายืนอยู่ใกล้ ๆ แล้วก้มหน้าลงมามอง
โบนิตาตกใจหน้าแดง ไม่คิดว่าเขาจะกลับเข้ามาในห้องอีก
“อุ้ย... ตกใจหมดเลย”
เขายื่นผ้าเช็ดตัวให้
“ขอบคุณ” พูดออกมาเบา ๆ อายตัวจะม้วนอยู่แล้ว
หิรัญหันหน้าเดินออกไปจากห้องอีกครั้ง พร้อมกับรอยยิ้ม
โบนิตารีบลุกขึ้นมาจัดการตัวเอง มองดูเตียงนอนที่ยับย่นเหมือนกับสมรภูมิรบอะไรแบบนั้น กว่าเขาจะให้เธอหลับ โบนิตาจำได้ว่านายคนนั้นเสร็จในตัวเธอสองรอบ แต่ตัวเองนับครั้งไม่ถ้วน ‘ฟิน’
‘ยั้ย... บรึ๋ย... บ้าไปแล้ว แกจะมารู้สึกฟินอะไรตอนนี้’ หญิงสาวตำหนิตัวเอง รีบจัดที่นอนพับผ้าห่มเอาไว้ให้เขาแบบลวก ๆ
รอยสีแดงปรากฏอยู่บนที่นอนเป็นดวง ๆ อย่างเห็นได้ชัด
‘เลือดอะไรวะ’
‘ก็โดนเขาเจาะไข่แดง ก็ความบริสุทธิ์ของแกไง’
‘น่าเสียใจฉิบหายเลย ไม่น่าเมาปลิ้นขนาดนั้นเลย ฮือ... ยายส้ม’ เธอทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ แต่ย้อนเวลากลับไปไม่ได้อีกแล้ว
“นี่คุณ... อาหารใกล้เสร็จแล้วนะ” เขาตะโกนเข้ามา
“ค่ะ” เธอตะโกนกลับ รีบหมุนตัวเข้าห้องน้ำไปอย่างรวดเร็ว
พออาบน้ำเสร็จเธอเปิดประตูออกมา หิรัญยืนยิ้มพร้อมกับส่งเสื้อผ้าของตัวเขาเองให้
“ชุดนี้เล็กสุดแล้ว” เขาบอก
“ขอบคุณค่ะ” เธอรับมันมาถือเอาไว้ แล้วหมุนตัวกลับเข้าไปในห้องน้ำอีกครั้ง
ชายหนุ่มนั่งรอเธออยู่ที่โต๊ะกินข้าว โบนิตารวบผมเอาไว้เหลือแต่หน้าม้านิด ๆ ที่ตกลงมา ใบหน้าใสบริสุทธิ์ไม่มีแป้งหรือเครื่องสำอาง เขาได้เห็นใบหน้าของเธอชัด ๆ ก็ตอนนี้
ประตูและหน้าต่างที่ระเบียงถูกเปิดเอาไว้หมด ลมเย็น ๆ โชยพัดเข้ามา ทำให้ต้นไม้ใหญ่สีเขียวชอุ่มปลูกอยู่ในสวนบ้านของเขาเต็มไปหมด
“น่าอยู่จังนะคะ บ้านของคุณ” เธอเอ่ยชม นั่งลงตรงข้ามกับเขา มีท่าทีเอียงอาย
“เรียกผมว่ากาย” เขาแนะนำตัว
“ส้มค่ะ” ตอบด้วยน้ำเสียงอ้อมแอ้ม จริง ๆ ขายขี้หน้ามากกว่าจะมานั่งบอกชื่อของตัวเอง ถ้าเธอตื่นมาก่อนที่เขาจะตื่นคงจะแจ้นออกไปจากบ้านหลังนี้แล้วแต่พอมองออกไปด้านนอก กำแพงบ้านของเขาสูง ๆ
“กินสิ ซุปใสแก้แฮงก์ได้ แล้วก็ไข่ดาว ขนมปัง ไส้กรอก ในบ้านก็มีของกินอยู่แค่นี้แหละ”
“ขอบคุณค่ะ” แล้วก็หันไปหาซุปใส หยิบช้อนแล้วตั้งใจกิน
“มีอะไรที่คุณส้มพูดได้มากกว่าขอบคุณไหม”
เธอช้อนตาขึ้นมามองเขา ทำเป็นอร่อยกับซุปตรงหน้า ไม่ยอมตอบคำถาม
“กินเสร็จ เดี๋ยวผมไปส่ง”
“โอะ ไม่ต้องค่ะ เดี๋ยวส้มกลับเอง” เธออายจะตายแล้ว คำพูดของหิรัญที่น้ำเสียงปกติ หนุ่มหล่อหน้าตาดี แล้วดูบ้านช่องของเขาแล้วน่าจะรวย คงมีสาว ๆ เรียงหน้ามานอนด้วยเป็นเรื่องปกติ
‘หื้อ ปกติตรงไหน’ เธอถามตัวเอง
“ตรงนี้ ซอยนี้เป็นซอยตัน แถบนี้ทั้งแถบมีแต่บ้านของผม ถ้าจะเดินออกไปเรียกแท็กซี่ก็ประมาณกิโลฯ หนึ่ง เดินไหวไหม”
ลำของแสงแดดที่ฟาดไปกับต้นไม้ ทำให้เธอรู้ว่าถ้าหลุดออกจากตรงนี้ไป ก็คงจะร้อนมาก ๆ
“รบกวนคุณหรือเปล่าคะ” สุดแสนทำหน้าเกรงใจ
“ถ้าจะรบกวนก็คงจะเป็นมาตั้งแต่เมื่อคืน”
เขาจะย้อนให้เธอคิดไปถึงเมื่อคืนอีกทำไม เธอยักคอกลืนน้ำลายอีกครั้ง
“ก็ได้ ไปส่งก็น่าจะดี” เธอตอบรีบกินอาหารตรงหน้าเหมือนหิวมาก ๆ แต่ไม่รู้จะทำอะไรที่ดีกว่านี้มากกว่า
‘มูมมามจริง ๆ ’ หิรัญหัวเราะ
ไม่น่าเชื่อโบนิตากินทุกอย่างที่เขาทำไว้ให้จนเกลี้ยง
“โอ้โห... จะบอกคุณให้นะ ไม่มีใครกินฝีมือผมได้หมดเลย มีแต่คุณคนเดียว อร่อยหรือ”
โบนิตาส่ายหน้า
“ฉันคงหิว”
หิรัญถึงกับหัวเราะออกมาเสียงดัง
“คุณจะดื่มกาแฟไหม”
“ไม่ค่ะ ขอบคุณ ฉันไม่ดื่มกาแฟ”
หิรัญพยักหน้า
“เสื้อผ้าของคุณเปียก แต่ผมซักให้แล้ว จะรอให้มันแห้งก่อน หรือว่าจะกลับเลย”
“กลับเลยค่ะ” เธอรีบยกน้ำส้มขึ้นดื่ม
“แต่ผมหากางเกงในของคุณไม่เจอนะ”
พรวด... น้ำส้มพุ่งออกมาจากปากของโบนิตา โชคดีที่เขานั่งอยู่ใกล้แต่ไม่โดน เธอรีบหยิบทิชชูขึ้นมาเช็ดน้ำส้มที่ตัวเองทำเลอะเทอะ
“อา... ไม่เป็นไรค่ะ ค่อยซื้อใหม่” อายแทบแทรกแผ่นดินหนี รู้ทั้งรู้ว่ามันคงเปียกโชกอยู่ในกระเป๋าสะพายของตัวเองนั่นแหละ
หิรัญกลั้นขำจนหน้าแดงที่ได้เห็นปฏิกิริยาของเธอแบบนี้
“งั้นขอยืมเสื้อผ้าของคุณไปนะ”
“ไม่ต้องเอามาคืน ผมยกให้”
“อ้อ... ค่ะ อืม อิ่มแล้ว เราไปกันได้หรือยัง”
“ได้สิ กระเป๋าสะพายคุณอยู่ตรงนั้น ผมเก็บเสื้อผ้าของคุณใส่ถุงให้ แล้วก็เราไปกัน”
เธอหุบปากเงียบ ได้แต่นั่งพยักหน้า
พอเขาเดินหายไป โบนิตาก็รีบเก็บจานชามของเขาไปล้างให้อย่างรวดเร็ว ยืนตรงสะพายกระเป๋ารอเขาอยู่ที่หน้าประตูบ้านแล้ว
“เมื่อก่อนที่บ้านฉัน เราก็ปลูกต้นนี้ค่ะ เวลาดอกมันออกมาเหลืองไปทั้งสวนเลย”
“เหลืองอินเดีย มีนาฯ เมษาฯ ก็จะเริ่มบาน ไว้คุณค่อยมาดูสิ”
“ไม่เป็นไร ดูเอาในอินเทอร์เน็ตก็ได้” เธอพูดเหมือนกลัวว่าจะได้กลับมาที่นี่อีกครั้งหนึ่งอย่างนั้นแหละ
หญิงสาวรับถุงที่ใส่ผ้ามาจากมือของเขา แล้วเดินขึ้นไปนั่งบนรถที่เธอนั่งมาเมื่อคืน รอเขาเดินไปเปิดประตูรั้ว สายตาของโบนิตามองไปตามถนนที่วิ่งเข้าไปในสวนบ้าน
‘บ้านกว้างขนาดนี้ คงอยู่รวมกันหลายครอบครัว’
ทันใดนั้น มีผู้ชายคนหนึ่งวิ่งมาหาหิรัญ แล้วไปคอยเปิดปิดประตูรั้วให้เขา
“ฮู้...” เธอพ่นลมออกมาจากปาก ก้มหัวลง และยกเอากระเป๋าถือขึ้นมาบังหน้า เพื่อไม่ให้ชายคนนั้นเห็นตัวเอง